หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ถ้ำพระบุพโพ คืออะไร มาดูกันค่ะ

โพสท์โดย aominroom

จะมีลักษณะเป็นไหเซรามิกตั้งอยู่ที่ฐานพระแท่นแว่นฟ้ามีท่อพลาสติกส่งพระบุพโพ(น้ำเหลืองหรือของเสีย)จากฐานพระโกศเมื่อพระบุพโพเต็มก็จะเปลี่ยนไหใบใหม่

มีเรื่องเล่ากันว่าในคราวงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ เรื่องบุพโพนั้นเป็นเรื่องหนักใจของงานพระบรมศพมาก เพราะมักส่งกลิ่นรบกวน ต้องสุมเครื่องหอมดับกลิ่นกันอยู่เสมอ ว่ากันว่า กลัวกลิ่นถึงขนาดเจาะพื้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเพื่อประดิษฐานถ้ำบุพโพไว้ลึกๆ แล้วยังท่อไม่ไผ่ทะลุปล้องลงไปถึงถ้ำบุพโพที่วางอยู่ในพื้นที่ถูกเจาะลงไปนั้น เพื่อจะได้ไม่ส่งกลิ่นรบกวน เจ้าพนักงานภูษามาลาที่เฝ้าพระบรมศพ พระศพ ต้องค่อยดูว่าพระบุพโพเต็มในถ้ำบุพโพหรือไม่ เพื่อจะได้นำไปทำตามโบราณราชประเพณีต่อไป

 

หลายคนเคยได้ยินว่า "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์" เป็นที่ใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญที่กระทำเงียบๆคือ การถวายพระเพลิงพระบุพโพ (น้ำเหลือง) ก่อนจะถวายพระเพลิงพระบรมศพหรือพระศพเจ้านายพระองค์ต่างๆ แต่เป็นการภายในเงียบๆ ที่เมรุผ้าขาวภายในวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จึงอยากจะนำภาพมาให้ชมกันว่าลักษณะเป็นอย่างไร ซึ่งในภาพจะเป็นเมรุตั้งอยู่ บริเวณหน้าพระอุโบสถข้างพระมณฑปเจดีย์ทองค่ะ

นำพระบุพโพลงไปเคี่ยวในกระทะใช้เวลาเคี่ยวบนกระทะน่าจะใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะให้แห้งติดกระทะไปเป็นฝุ่นเนี่ย อีกพิธีที่ยุ่งยากและน่าสยองคือถวายรูดเจ้าพนักงานสนมนี่จะต้องใจกล้ามากๆ

 

เรื่องของ”ราชสำนัก” เฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องการจัดแจงการ”พระบรมศพ”ของพระมหากษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูงมาพอสมควร ก็จะทราบข้อเท็จจริงประการหนึ่งได้ว่า ในยุคสมัยก่อนที่ยังไม่มี “ฟอร์มาลีน”หรือยารักษาสภาพศพนั้น การเก็บหรือตั้งพระบรมศพหรือพระศพไว้บำเพ็ญพระราชกุศลนานๆนั้น สิ่งที่น่ากลัวและหวั่นใจมากที่สุดของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนทุกท่านก็คือเรื่องของ “กลิ่น” ที่เกิดจากการกระบวนการ”คืนธาตุ”ของพระสรีรกาย อันเป็นไปตามธรรมดาของโลกนั่นเอง

ก็สำหรับผู้ที่เคยได้กลิ่น “ศพ”ของจริงมาแล้ว ย่อมจะรู้แน่แก่ใจเป็นอย่างดีที่สุดว่า เป็น”ที่สุด”ของกลิ่นทั้งหลายทั้งปวง แม้จะเอาน้ำหอมน้ำปรุงมาชโลมเทใส่มากมายมหาศาลสักปานใด ก็ไม่อาจที่จะกลบกลิ่นที่เกิดจากกระบวนการสลายตัวให้เหือดหายได้ไม่.......

คนโบราณท่านฉลาด จึงหาหนทาง”แก้ไข”ที่ต้นเหตุ โดยการเอาพระบรมศพหรือพระศพนั้นมาต้มในกระทะใบบัวขนาดใหญ่ ให้พระมังสะเนื้อหนังทั้งสิ้นเปื่อยนุ่ม ก่อน “ถวายรูด” เพื่อ “สำรอก”เอาเนื้อหนังแลตับไตไส้พุงตลอดจนน้ำเลือดน้ำหนองของศพออกมา “เผา” หรือ “ถวายพระเพลิง” ให้สิ้น คงเหลือไว้แต่พระบรมอัฐิ,พระอัฐิ ตามแต่ละกรณี อันไม่อาจจะเน่าเสียเสื่อมสลายส่งกลิ่นอันไม่พึงปรารถนาใดๆได้อีก

แล้วจึงค่อยอัญเชิญเอา “อัฐิกัง” คือ “กระดูก”นี้แลมาใส่โกศ หรือโลง เพื่อบำเพ็ญกุศลต่อไปอีกที

ทีนี้เรามาดูรายละเอียดสำหรับพระศพที่อยู่ในพระโกศนะคะ

ต้องจัดท่าท่าลงงอเข่าค่ะถ้าลงแบบขัดสมาธิเนี่ยรับรองได้ต้องตัดขาทิ้งแน่นอนอย่าเรื่องการลงโกศเนี่ยมีบันทึกในหนังสือจดหมายเหตุเกี่ยวกับการลงพระบรมโกศของรัชกาลที่สองท่านอย่างละเอียดดังนี้ 
"ครั้นทรงเครื่องพระมหาสุกำเสร็จแล้ว หลวงพิพิธภูษาถวายบังคม แล้วเชิญพระปทุ
มปัตนิการ (ไม้กาจับหลัก) ทำด้วยเงินกาไหล่ทองวางลงเป็นพื้นรองพระบาทยุคล (เท้า) มีก้านพระปทุมปัตนิการขึ้นมารองรับพระหนุ (คาง) (เพื่อให้พระเศียรอยู่ในท่าที่เหมาะสม อาจเพื่อไม่ให้ก้มต่ำลงหรือขยับเขยื้อน) แล้วถวายพันธินาการด้วยพระกัปปาสิกะสูตร (ด้ายสายสิญจน์หรือด้ายดิบ) เป็นบ่วงขันธ์ห้า (มัดตราสัง) แต่พระบาทเป็นปฐมขึ้นไปตามลำดับ แล้วถวายซองพระศรีทองคำถมยาราชาวดีใส่เครื่องสักการะพระจุฬามณี

แล้ว เชิญพระกัปปาสิกะเศวตพัสตร์ (ผ้าฝ้ายสีขาวหรือผ้าห่อเหมี้ยง) ยาวหกศอกปูซ้อนเป็นหกแฉก แล้วเชิญพระศพเสด็จทรงนั่งเหนือพระกัปปาสิกะเศวตพัสตร์หกชายหุ้มเป็นปริมณฑล รวบชายประชุมเป็นหนึ่งเหนือพระอุตมางคลักขณา (รวบชายไว้เหนือพระเศียร) แล้วพันธินาการด้วยพระกัปปาสิกะเศวตสูตรเป็นขันธบาศ แต่อโธภาคลำดับมั่นทุกชั้น ตลอดถึงที่ประชุมชายพระกัปปาสิกะเศวตพัสตร์ แล้วเหลือเศษพระกัปปาสิกะเศวตสูตรไว้พอผูกผ้าโยงสดับปกรณ์

แล้วเชิญ พระเศวตกัปปาสิกะพัสตร์พับขนบกว้างคืบหนึ่งโดยยาวตลอดตราเป็นมหาพันธิกา แต่พระบาทตลาเหลื่อมกลีบมั่นขึ้นไปทุกชั้นถึงที่พระกัณฐา เหน็บตราไว้เป็นมหันตพันธนาวสาน (ห่อด้วยผ้าตั้งแต่พระบาทพันขึ้นไปจนถึงคอแล้วเหน็บไว้)

เสร็จราชการ พาหิรโกศแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าและพระบรมวงศานุวงศ์ชาวมาลาคณการพร้อมกันกราบ ถวายบังคมพระบรมศพแล้วเชิญเสด็จเข้าประดิษฐานในลองพระสุพรรณโกศ หนุนพระปฤษฎางค์ข้างซ้ายขวาหน้าพระบรมศพด้วยพระเขนยนวมกันเอียง (เชิญพระบรมศพลงพระโกศ หนุนด้วยหมอนโดยรอบเพื่อกันเอียง) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าทรงถวายพระมหากฐินเป็นพระอาภรณ์พิไสยราชปฏิการ ตามบุราณราชประเพณีพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าแต่ก่อนสืบมา"

 

ถึงแม้ในปัจจุบันจะไม่มีพระราชประเพณีเช่นนี้แล้ว  ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลเพื่อความรู้ทั้งสิ้นนะคะ

มิได้มีเจตนาหลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์ของชาติไทยเราแต่อย่างใดค่ะยอมรับค่ะว่าการหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และประเพณีของเราข้อมูลต่างๆชวนน่าหลงไหล และน่าศึกษาอย่างมาก

จึงเปิดโอกาสให้เม้นท์กันได้ เผื่อว่าจะมีใครมีความรู้มาเสริมกับเราได้เพื่อเป็นการกระจายความรู้ได้ดียิ่งๆขี้นไป

รบกวนทุกคนเม้นท์ด้วยความสุภาพค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ

%%%%%%%%%%

 

เครดิตดีๆ......เพจคลังประวัตอศาสตร์ไทย

                   เพจชวลิต ฉนฺทสีโล

ที่มา:
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
aominroom's profile


โพสท์โดย: aominroom
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
152 VOTES (4/5 จาก 38 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เขมรอ้างกีฬายิมนาสติก มีต้นกำเนิดมาจากเขมร มีหลักฐาน ณ กำแพงนครวัด?ช็อตเด็ดสัตว์โลก : เกาะกันอยู่เพียบๆ แถมยืดได้หดได้เสียด้วย แบบนี้ น้องคือตัวอะไรกันนะ ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ครูไพบูลย์ เจ้าของฉายากงยูเมืองไทย อวดหล่อโชว์ซิกแพก กล้ามแน่น ทำเอาสาวแห่กรี๊ด!!สเปกหนูรัตน์ ชอบรวย หล่อแบบเกาหลีซูเปอร์สตาร์ที่ไม่มีงานแสดง แต่เป็นเศรษฐีระดับพันล้าน
ตั้งกระทู้ใหม่