"ฝิ่น" ภัยที่น่ากลัวกว่าสงครามของชาวอัฟกานิสถาน
สวัสดีครับเพื่อนๆ ถ้าจะให้หลับตานึกถึงอัฟกานิสถาน หลายคนก็คงเห็นแต่สิ่งปรักหักพังของบ้านเรือน ความแห้งแล้ง และสงคราม แต่เรื่องที่เลวร้ายกว่าสงครามยังซ่อนอยู่ที่นี่และเติบโตขึ้นทุกวัน
ปัจจุบันอัฟกานิสถาน เป็นแหล่งปลูกฝิ่นและส่งออกฝิ่นรายใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2011 ทั่วโลกผลิตฝิ่นราว 7 พันตัน ในจำนวนนี้มาจากอัฟกานิสถานถึง 5.8 พันตัน มหาศาลเลยใช่หรือเปล่าครับ
สาเหตุที่ทำให้อัฟกานิสถานเป็นแหล่งปลูกฝิ่น
ประการแรก สภาพประเทศที่ไร้เสถียรภาพ รัฐบาลกลางไม่อาจควบคุมประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
ถึงแม้จะมีประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้ง แต่ชาวบ้านก็ยังผูกพันอยู่กับผู้นำท้องถิ่นมากกว่า และผู้นำท้องถิ่นก็มักจะอยู่ในสายของขบวนการค้ายา ซึ่งอเมริกาเองก็ยังต้องพึ่งพิงกลุ่มนี่อยู่ ดังนั้น รัฐบาลและอเมริกาจึงไม่เอาจริงเอาจังนัก
ประการที่สอง ความยากจน
อัฟกานิสถานไม่มีอาณาเขตติดต่อทางทะเล สภาพอากาศมีลักษณะแห้งแล้งตลอดปี และหนาวเย็นในฤดูหนาว มีทรัพยากรธรรมชาติน้อย เป็นเหตุผลสำคัญทำให้ประชากรราว 31 ล้านส่วนใหญ่อยู่ในความยากจน ประเทศมีพื้นที่เพาะปลูกเพียงร้อยละ 12 แต่ชาวอัฟกานิสถานร้อยละ 70 มีอาชีพหลักคือทำการเกษตร แต่ปัจจุบันพื้นที่ถูกผลกระทบจากสงคราม เกษตรกรไม่มีทางเลือกอาชีพอื่นจึงยึดการปลูกฝิ่นแทนเนื่องจากได้ผลตอบแทนดีกว่า อัฟกานิสถานกลายเป็นประเทศที่มีพื้นที่ปลูกฝิ่นที่ใหญ่ที่สุดและขยายตัวรวดเร็วที่สุด
ประการที่สาม ฝิ่นเป็นพืชปลูกง่าย มีความมั่นคงในรายได้
สำหรับครอบครัวคนยากจนฝิ่นเป็นพืชที่น่าปลูก และบางครั้งไม่ได้ปลูกเพราะได้กำไรสูงสุด แต่ฝิ่นเป็นพืชทนแล้ง ฝิ่นเก็บรักษาไว้ได้ยาวนาน มีผู้รับซื้อแน่นอนกว่า บางครั้งพ่อค้าเสนอราคาให้ล่วงหน้า มารับซื้อถึงหน้าบ้าน หรือชำระราคาสินค้าล่วงหน้า ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกษตรกรรู้สึกมั่นใจว่าครอบครัวของตนจะไม่ขาดแคลน
ประการที่สี่ สังคมมีระบบจูงใจให้ปลูกฝิ่น
ครอบครัวที่ยากจนมักต้องเผชิญเหตุกู้ยืมเงิน ในสังคมชนบทครัวเรือนที่ปลูกฝิ่นจะได้รับเครดิตจากแหล่งเงินกู้นอกระบบมากกว่าครอบครัวที่ไม่ปลูกฝิ่น นอกจากนี้เกษตรกรที่หันมาปลูกฝิ่นจะมีความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์กับกลุ่มติดอาวุธกลุ่มค้ายา กลุ่มเหล่านี้จะให้ความช่วยเหลือและให้ความคุ้มครองในระดับหนึ่งด้วย ดังนั้น คนที่ปลูกฝิ่นจึงได้รับการดูแลจากระบบสังคมชนบททั้งด้านปัจจัยสี่และความปลอดภัย
ที่นี่ เด็ก 6 ขวบ ก็สูบฝิ่นกันแล้ว บางบ้านสูญเสียทุกอย่างไปกับสงคราม ไม่มีอะไรจะต้องสูญเสียอีกต่อไป เพื่อความอยู่รอด เด็กส่วนใหญ่ทำหน้าที่ส่งยา การสูบฝิ่นหรือเฮโรอีนที่นี่จึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับชุมชน เฮโรอีน 1 กรัม มีราคาเพียง 1 ดอลล่าร์เท่านั้น คงไม่ง่ายนักที่จะกวาดล้างฝิ่นให้หมดไปจากประเทศ เพราะรัฐบาลและอเมริกาเองก็ยังต้องพึ่งพิงผู้นำท้องถิ่นที่ค้ายาแต่มีกองกำลังติดอาวุธ และช่วยต่อต้านกลุ่มตอลิบัน
ผมนั่งพิมพ์เรื่องนี้เพราะรู้สึกเวทนากับประชาชนของบ้านเมืองเขาจริงๆ ครับ เห็นภาพเด็กสูบฝิ่นแล้วมันทำให้ผมรู้สึกหดหู่ใจ แต่ก็ไม่รู่้จะทำอย่างไรได้ ก็เพียงแต่นำมาบอกกล่าวให้เห็นถึงอันตรายและผลที่จะตามมาในอนาคตที่ร้ายแรง หากยังไม่สามารถหยุดยั้งเรื่องราวเหล่านี้ได้ ทุกคนบนโลกใบนี้ควรเกิดมาพร้อมกับโอกาสที่เท่าเทียมกันทางสังคม เด็กๆ ที่นี่ควรได้รับโอกาสทางการศึกษา ได้เล่นตุ๊กตาเหมือนเด็กทั่วไป ไม่ว่าเขาจะเป็นกลุ่มใด ศาสนาใด สำหรับผม อยากเห็นทุกคนมีความสุขครับ...mata
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
ขอบคุณภาพจาก
http://vk.com/event27498479?z=photo-33733140_307659626%2Fwall-27498479_1796