เมื่อฉันติดฟ้าจรดทราย แล้วสามีก็ติด......ชีมัค
เมื่อฉันติดฟ้าจรดทราย แล้วสามีก็...ส่งรูปมาให้ดูทางไลน์ (ไม่ได้อยู่ด้วยกัน)
เราขำก๊ากกเลย 555 ทำไปได้
ชาลีฟพันธุ์ข้าวเหนียวผู้ติดชีมัค
ถามสามีด้วยรึเปล่าว่ากริ๊ดใครระหว่างชารีฟกับองค์อาเหม็ด
เกร็ดความรู้ ผ้าชีมัค Shemagh ผืนผ้าแห่งตำนานนับพันปีของชนชาวอาหรับในดินแดนแห่งทะเลทราย
ประโยชน์ของผ้าชีมัคในสมัยโบราณคือ
- กันความร้อนจากพื้นทราย กันฝุ่นละอองจนกระทั่งความบ้ากระหน่ำของทรายจากพายุซึ่งทรายจะปะทะผิวหนังด้วยความเร็วกว่าร้อนกิโลเมตรต่อวินาที นึกสภาพเรานั่งหลังรถกระบะแล้วที่วิ่งเร็วๆแล้วเอาหน้าโต้ลมแล้วมีฝนตกลงมา ขนาดนั้นยังทำให้เราเจ็บแล้วทรายหล่ะ ทรายที่มากับพายุสามารถทำให้ผิวหนังบาดเจ็บสาหัสได้ เพราะความแรงที่สามารถเจาะทะลุผิวหนังของมนุยษ์ได้อย่างสบายๆ
- ป้องกันอันตรายจากสัตว์และแมลงได้ในยามค่ำคื่น เพราะการเดินทางในทะเลทราย กลางวันอาจจะดูว่ามันแห้งแล้งคงไม่มีสัตว์หรือแมลงอยู่ แต่ยามค่ำคืนพวกสัตว์หรือแมลงที่ซ่อนอยู่ตามโขดหินจะออกมาล่าเหยื่อ นักเดินทางที่อาศัยแสงตะวันในการชี้เส้นทางนั้น ตอนกลางคืนจะก่อกองไฟแล้วนอนตามโขดหิน หรือบนพื้นทราย ผ้าชีมัคจะเอามาใช้พันรอบศรีษะทั้งหมดเพื่อไม่ให้แมลงหรือสัตว์กัดต่อย
- กันแดด เป็นอะไรที่แน่นอนอยู่แล้ว
- เอามาปกปิดร่างกายได้ สำหรับเวลาฉุกเฉิน เช่นเมื่อสตรีเกิดเครื่องนุ่งห่มขาดหรือฉีก ผู้ที่มีผ้าชีมัคสามารถที่จะเอาผ้าที่โพกศรีษะมาปกปิดร่างกายแทนได้
- ** ผ้าชีมัคไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับศาสนาอิสลาม เนื่องจากผ้าชีมัคเป็นเครื่องแต่งกายของชาวเปอร์เชีย เพราะว่าเป็นเขตุอากาศร้อนกึ่งทะเลทราย มิฉะนั้นจะไม่ใช่เครื่องนุ่งห่มหรือของศักด์สิทธ์ทางศาสนาแต่อย่างใด สมัยมีสงครามกับกรีซ กับโรมัน ทหารที่บาดเจ็บก็ใช้ผ้าชีมัคในการปิดบาดแผล ซับเลือด เช่นเดียวกับที่คนไทยใช้ผ้าชีมัค สมัยก่อนไม่มีศาสนาผู้คนก็ใช้ผ้านี้มานานนับพันๆ ปีครับ
ที่มา
http://pantip.com/topic/30839119