หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เมื่อ "ผีมาใส่บาตร" หลวงพ่อคูณ

โพสท์โดย mata

"ผีมาใส่บาตร" ประสบการณ์ธุดงค์ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

ครั้งนั้น……หลวงพ่อคูณเริ่มจาริกธุดงค์ออกจากวัดถนนหักใหญ่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองคาย เส้นทางธุดงค์ของหลวงพ่อคูณยึดเอาแนวชายดงชายเขาอันเปล่าเปลี่ยวเป็นเส้นทางโคจร จะหยุดยังปักกลดบำเพ็ญสมณธรรม ก็ถือเอาทำเลชัยภูมิซึ่งห่างไกลชุมชนหมู่บ้านพอสมควร

หลวงพ่อคูณเดินเท้าไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงจังหวัดหนองคาย จากนั้นก็อาศัยเรือข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นยังฝั่งลาว

ราชอาณาจักรลาวสมัยนั้น ความเจริญมีอยู่แค่เมืองหลวงคือนครเวียงจันทน์เท่านั้นเอง เลยจากเขตเมืองหลวงไปแล้วก็คือป่าเขาลำเนาไพรซึ่งยังเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ ชาวลาวดำเนินชีวิตด้วยความเป็นอยู่เรียบง่าย ทำไร่ทำนาแค่พอกินพอใช้ไปวันๆ แต่ประชาชนซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นคนยากจนส่วนใหญ่นี้ต่างมีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง

เหตุการณ์ที่ทุ่งไหหิน

เมื่อหลวงพ่อคูณมาถึงทุ่งไหหินเป็นครั้งแรกนั้น เป็นเวลาโพล้เพล้มากแล้ว ท่านจึงปักกลดใกล้ๆกับพลาญหินราบเรียบส่วนหนึ่งของพลาญหินเป็นโขดหินชะเงื้อมสูงพอสมควร พอได้อาศัยเป็นที่บังลมอย่างดี เนื่องจากกระแสลมซึ่งพัดผ่านทุ่งไหหินแห่งนี้ออกจะรุนแรงเอาการอยู่

หลังจากสวดมนต์ทำวัตรแล้ว หลวงพ่อคูณก็เข้าที่ภาวนาภายในกลด คืนนั้นแม้จะเป็นคืนแรม แต่แสงดาวซึ่งพราวเต็มท้องฟ้าก็ช่วยบรรเทาความมืดไปได้หลายส่วน ทั่วท้องทุ่งซึ่งมีชื่อว่า “ทุ่งไหหิน” แห่งนี้ดูอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยวน่าพรั่งพรึงอย่างยากที่จะอธิบายได้ถูกถ้วน ทว่าหลวงพ่อคูณมิได้ใส่ใจต่อความสงัดวังเวงซึ่งครอบคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ หากเพ่งไปที่จิตเพื่อรวมเป็นสนามสู่กรรมฐานตามลำดับ

แต่สำหรับคืนนี้ จิตของหลวงพ่อคูณดูเหมือนจะกระสับกระส่ายคล้ายกับไม่ยอมให้สติควบคุมง่ายๆ แต่หลวงพ่อก็ไม่ยอมให้จิตมันแส่ส่ายนำไปสู่ภายนอกได้

และในวาระนั้น  หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธก็ได้เผชิญกับความอัศจรรย์ ณ ทุ่งไหหิน

 

จู่ๆ ก็มีเสียงอื้ออึงคล้ายพายุกล้ากำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งใกล้เข้ามาเสียงอื้ออึงก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ประหนึ่งกระแสลมอันบ้าคลั่งจะกวาดเอาสรรพสิ่งในท้องทุ่งไหหินให้ปลิวหายไปจนหมดสิ้น

แต่เมื่อเสียงนั้นเคลื่อนมาจะถึงกลดของหลวงพ่อคูณ เสียงของกระสแสลมกลับกลายเป็นเสียงโห่ร้องอึงคนึงของคนนับพันนับหมื่น ประหนึ่งมีกองทัพกำลังเคลื่อนขบวนยาตราตรงเข้ามา

หากผู้ซึ่งเผชิญกับปรากฎการณ์อันชวนให้ขนพองสยองเกล้าดังที่ปรากฎขาดสติหรือมีกำลังจิตหวั่นไหวอ่อนแอ อาจจะเกิดความหวาดหวั่นพรั่นพรึงถึงขั้นวิปลาสไปก็ได้ แต่สำหรับหลวงพ่อคูณนั้นท่านเคยผ่านประสบการณ์ความกลัวมาหนักหนาสาหัสยิ่งกว่านี้ เรียกว่าเคยกลัวจนถึงขีดสุด กระทั่งไม่รู้จักความกลัวใดๆ ทั้งสิ้นเสียแล้ว  เพียงแค่เสียงมากระทบหูเท่านี้จึงไม่ทำให้ท่านเกิดความหวั่นไหวได้

จากเสียงโห่ร้องอึงอลบอกบ่งถึงความดุร้ายกระหายเลือดก็พลันเปลี่ยนไป กลายเป็นเสียงร่ำไห้คร่ำครวญของผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานเหลือจะกล่าว และเสียงเช่นนี้ได้โหยหวยระงมไปทั่วท้องทุ่ง

หลวงพ่อคูณกล่าวในภายหลังว่า ณ ทุ่งไหหินแห่งนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ท่านไม่เคยคิดว่าจะได้ยินก็ได้ยิน ไม่เคยคิดว่าจะเห็นก็ได้เห็น

ทุ่งไหหินมีอดีตซับซ้อนทับถมกันอยู่จนยากจะแยกแยะออกมาได้ว่าเป็นยุคใดสมัยใด แต่ที่แน่นอนก็คือ ณ ที่ราบของท้องทุ่งแห่งนี้ เป็นที่สถิตย์ของดวงวิญญาณสัมภเวสีนับไม่ถ้วนซึ่งไม่มีที่จะไป ได้แต่เร่ร่อนวนเวียนอยู่ด้วยบุรพกรรมของตัวเองอย่างน่าเวทนา

หลวงพ่อคูณกระทำได้ก็แต่เพียงสำรวมจิตเข้าสู่กุศลแล้วแผ่เมตตาออกไปไม่มีประมาณ เพื่อชี้ทางสู่สุคติแก่วิญญาณทรมานทั้งหลายเหล่านั้น

หลวงพ่อคูณหยุดยั้งอยู่ที่ทุ่งไหหินเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพราะเห็นว่าไม่เป็นที่สัปปายะสมควรแก่การบำเพ็ญสมณธรรม ประกอบกับผู้คนจำนวนน้อยซึ่งอยู่อาศัยในเขตชายทุ่งไหหินเป็นชาวป่าชาวเขาที่ ค่อนไปทางป่าเถื่อน ไม่นับถือพระไม่นับถือพุทธ ทางเลื่อมใสบูชาลัทธิผีบรรพบุรุษ มีเจ้าป่าเจ้าเขา หลวงพ่อคูณจึงได้เก็บบริขารออกจากทุ่งไหหิน ธุดงค์รอนแรมต่อไป

หลังจากผ่านเมืองผาเลนไปไม่ไกลนัก มีทิวเขาโอบล้อมทอดตัวสลับซับซ้อนอยู่ด้านหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อคูณจาริกผ่านเชิงเขาขนาดย่อมก็พบถ้ำแห่งหนึ่งดูร่มรื่นสงัด เงียบเป็นที่น่าพอใจ ไม่ไกลจากถ้ำมีธารน้ำไหลใสสะอาด พออาศัยใช้เป็นน้ำสรง น้ำดื่มได้สะดวก และที่ตีนเขามีหมู่บ้านหลายหลังคาเรือน ชาวบ้านเหล่านั้นก็แสดงความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง

เหตุการณ์ที่ถ้ำผาเลน

เมื่อชาวบ้านเห็นหลวงพ่อคูณมาปักกลดบำเพ็ญธรรมอยู่ที่ถ้ำผาเลน ก็พากันปีนป่ายไต่เขาขึ้นมานมัสการท่านถึงในถ้ำ แล้วนิมนต์ให้ท่านอยู่ที่ถ้ำนี้นานๆ เพื่อที่พวกตนจะได้มีโอกาสทำบุญใส่บาตรสร้างกุศลกันบ้าง เพราะไม่มีพระสงฆ์องค์เจ้าผ่านมานานแล้ว หลวงพ่อคูณก็รับนิมนต์ ทำให้ชาวบ้านพากันปีติยินดีกันทั่วหน้า และกล่าวย้ำแก่ท่านว่าอย่าได้วิตกกังวลเรื่องภัตตาหาร พวกเขาจะเตรียมอาหารไว้ใส่บาตรทุกๆ เช้ามิให้ขาด

คืนนั้น  หลวงพ่อคูณเข้าไปอาศัยถ้ำใหญ่แห่งนั้นเป็นที่บำเพ็ญเพียรด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งเป็นที่น่าพอใจ เพราะอากาศภายในถ้ำไม่อับชื้น มีกระแสลมไหลผ่านวนเวียนตลอดเวลา

ตราบกระทั่งถึงเวลาได้อรุณ  ขอบฟ้าเริ่มเรืองแสงจางๆ หลวงพ่อคูณจึงเตรียมตัวออกบิณฑบาต แต่อากาศขณะนั้นยังขมุกขมัวมืดมัวไปทั่ว ประกอบกับภูมิอากาศบนภูเขามีหมอกลงจัดทำให้มองออกไปไกลๆ ไม่ได้เลย

หลวงพ่อคูณสะพายบาตรเรียบร้อยก็ออกจากบริเวณหน้าถ้ำเดินลงมาตามทางเล็กๆ ซึ่งคดเคี้ยวและลาดชัน มาจนถึงทางแยกลงทางที่ทอดลงไปยังหมู่บ้านตีนเขา จึงตัดสินใจไปทางซ้าย

เส้นทางสายนี้อ้อมภูเขาลาดลงไปไม่ชันนัก แต่ทางเดินออกจะรกเรื้อด้วยหญ้าและวัชพืชคลุมหน้าดินค่อนข้างหน้า  เดิน ตามทางไปสักครู่ใหญ่ความสว่างได้เพิ่มขึ้นและหมอกก็จางลง หลวงพ่อคูณเพิ่งสังเกตเห็นว่าทางที่ท่านเดินผ่านไปนั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งไปบรรจบที่ราบกว้าง มีเงาตะคุ่มของกองอิฐเก่าๆ ซึ่งทะลายลงมาระเกะระกะ และมีซากกำแพงปรักหักพังเป็นส่วนๆ อยู่ในบริเวณนั้น

หลวง พ่อคูณรู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เห็นภูมิประเทศออกจะพิกลอยู่ ท่านจำได้ว่าตอนที่เดินผ่านหมู่บ้านก่อนจะขึ้นภูเขามาถึงถ้ำไม่เคยเห็นกองอิฐกองหินหรือซากกำแพงแม้แต่น้อย แต่เหตุใดเช้าวันนี้จึงได้มีสภาพผันแปรเปลี่ยนไปผิดตามากเหลือเกิน หรือว่าท่านอาจจะมาผิดทาง เลยเดินเข้าหมู่บ้านด้านซึ่งไม่เคยผ่านมาก่อน

แล้วความคิดซึ่งไม่แน่ใจว่ามาผิดทางก็พลันหมดไป เมื่อแลไปข้างหน้าชาวบ้านทั้งหญิงชายหลายคนยืนถือขันข้าวและถาดใส่อาหารรอ คอยใส่บาตรอย่างเงียบๆ อยู่ข้างทางเดิน หลวงพ่อคูณจึงเดินเข้าไปด้วยกริยาอันสำรวม สายตาทอดต่ำเพียงมองเห็นเลยไปแค่ 3 – 4 ก้าว

หลวงพ่อคูณเปิดฝาบาตร รับข้าวและกับข้าวซึ่งห่อด้วยใบตองเป็นห่อเล็กๆ ไปจนสุดแถว แล้วท่านก็เดินกลับโดยอาการอันสงบเช่นเดิม  ขณะที่เดินย้อนกลับขึ้นเขาหลวงพ่อคูณยังมีข้อสะกิดใจสงสัยอยู่อีกประกากรหนึ่งก็คือ ทำไมชาวบ้านที่นำอาหารมาใส่บาตรจึงเงียบเชียบกันเหลือเกิน

ตลอดเวลาที่ท่านเดินผ่าน ไม่มีใครสนทนาพูดคุยกันเลย ทุกคนไม่ว่าจะใส่บาตรแล้วหรือกำลังรอใส่บาตรต่างก็ยืนนิ่งทื่อๆ ยืนอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายหรือเดินไปเดินมาตามประสาคนทั่วไป ไม่มีการทักทายหรือพูดคุยซึ่งกันและกัน ซึ่งออกจะผิดวิสัยธรรมชาติของสังคมคนหมู่มากทำให้บรรยากาศดูสงัดวังเวงบอกไม่ถูก

หลวงพ่อคูณครุ่นคิดเพียงเท่านี้ก็เลิกใส่ใจ ด้วยเห็นว่าไร้ประโยชน์ไร้สาระที่จะนำมาเป็นกังวล ท่านเดินมาตามเส้นทางเดิมซึ่งทอดอ้อมเขาขึ้นมาจนถึงถ้ำ

หลังจากฉันเรียบร้อยแล้วหลวงพ่อคูณได้นำบาตรไปชำระล้างที่ลำธาร เศษข้าวเศษอาหารซึ่งเหลือจากฉันได้นำมากองไว้บนก้อนหินเพื่อให้ทานแก่สัตว์ตัวเล็กๆ อีกต่อหนึ่ง แล้วหลวงพ่อก็นำบาตรกลับมาผึ่งแดดที่หน้าถ้ำ จากนั้นท่านจึงเข้าที่ปฏิบัติทางจิตนั่งสมาธิสลับกับการเดินจงกรม กระทั่งครบกำหนดเวลาในตอนเย็นหลวงพ่อคูณก็ไปสรงน้ำที่ลำธาร

คราวนี้ท่านรู้สึกแปลกใจที่เห็นเศษข้าวเศษอาหารซึ่งท่านวางกองไว้บนก้อนหินมิได้พร่องไปเลย แสดงว่าไม่มีสัตว์เล็กๆ เข้ามากินแม้แต่ตัวเดียว ซึ่งเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องแปลกเอาการ

เพราะตลอดระยะเวลาที่ท่านเดินธุดงค์ หากมีเศษข้าวเศษอาหารเหลือจากฉันแล้วท่านวางกองทิ้งไว้ สัตว์เล็กๆ จะเข้ามากินจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือทุกครั้ง

แต่สำหรับครั้งนี้ แม้แต่มดตัวเล็กๆ ก็ยังไม่มาตอมเสียด้วยซ้ำ

เช้าวันต่อมา  ก่อนออกไปบิณฑบาต หลวงพ่อคูณแวะไปดูกองเศษข้าวและเศษอาหารเพราะกลัวจะบูดเน่า ปรากฎว่าหายไปหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือเศษเล็กเศษน้อยตกค้างเอาไว้เลย เมื่อเข้าไปพิจารณาดูใกล้ๆ ยิ่งน่าแปลกหนักเข้าไปอีก เพราะถ้าหากมีสัตว์มากินเศษอาหารจะต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้ แต่เท่าที่หลวงพ่อคูณเห็นขณะนั้น บนก้อนหินเกลี้ยงเกลาประหนึ่งไม่เคยวางเศษอาหารใดๆ เอาไว้เลย ดุจเศษอาหารทั้งหมดหายวับไปเฉยๆ

หลวงพ่อคูณปฏิบัติสมณธรรมอยู่ที่ถ้ำผาเลนได้ 3 – 4 วัน ชาวบ้านตีนเขาหลายคนก็ขึ้นมาหาหลวงพ่อถึงที่ถ้ำด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ท่านมาอยู่ถ้ำผาเลนไม่เคยลงไปบิณฑบาตที่หมู่บ้านเลยทั้งๆ ที่รับนิมนต์พวกเขาไว้แล้ว

หลวงพ่อคูณบอกว่าได้ลงเขาไปบิณฑบาตทุกเช้าไม่ได้เว้นแม้แต่วันเดียว ทำไมชาวบ้านจึงกล่าวหาว่าท่านไม่ไปบิณฑบาตล่ะ

ชาวบ้านก็พากันงุนงงสงสัย เพราะทั่วทั้งหมูบ้านไม่มีใครเห็นหลวงพ่อ อีกทั้งข้าวปลาอาหารซึ่งทำเตรียมไว้เพื่อใส่บาตรก็ค้างเก้อมาทุกวัน จะว่าหลวงพ่อคูณหลงทางไปบิณฑบาตหมู่บ้านอื่นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะตลอดระแวกนี้ไม่มีหมู่บ้านอื่นใดอีก มีแต่ป่าเขาและดงไม้ไปตลอด 

ชาวบ้านสอบถามหลวงพ่อคูณว่าท่านลงจากเขาไปทางทิศไหน หลวงพ่ออธิบายว่าออกจากถ้ำแล้วก็ไปตามทางเดินลงเขา พอถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้ายเป็นทางอ้อมภูเขาไป

ชาวบ้านพอรู้ว่าหลวงพ่อคูณไปทางไหน พวกเขาก็พูดแทบจะพร้อมๆ กันว่า “หลวงพ่อไปบิณฑบาตกับผีเสียแล้ว” จากนั้นจึงได้อธิบายต่อไปว่าเส้นทางที่จะลงจากเขาไปสู่หมู่บ้านนั้นต้องแยกเข้าทางเดินขวามือ หากเลี้ยวซ้ายซึ่งเป็นทางเดินเก่าๆ อ้อมภูเขาไปนั้นคือทางไปเมืองร้างมาแต่โบราณกาล ไม่มีผู้คนอยู่อาศัยแม้แต่คนเดียว ชาวบ้านตีนเขายังไม่กล้าล่วงล้ำเข้าไปในเขตเมืองร้างแห่งนั้น เพราะเคยมีคนไปเจอภูตผีปิศาจน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่เมืองร้างมาแล้ว

หลวงพ่อคูณรับฟังเรื่องซึ่งท่านไม่เคยคาดคิดมาก่อน เมื่อพวกชาวบ้านเล่าความจนหมดสิ้นท่านก็ได้แต่หัวเราะหึๆ บอกแก่ทุกคนว่า

“เป็นบุญของผีเมืองร้างที่ได้ใส่บาตรพระ ซ้ำยังช่วยต่อชีวิตพระไปได้อีกหลายมื้อ จะว่าไปแล้วข้าวปลาอาหารของผีนี่มันก็แซ่บหลายอยู่”

เช้าวันรุ่งขึ้น  หลวงพ่อคูณก็ออกบิณฑบาตตามกิจของท่าน เมื่อลงจากเขามาถึงทางแยกซ้ายขวา ท่านตัดสินใจเดินไปทางซ้าย ซึ่งเป็นเส้นทางไปบรรจบกับเมืองร้าง เมื่อเข้าสู่เขตเมืองร้างแล้ว คราวนี้ท่านมองไม่เห็นมีใครมารอคอยใส่บาตรเช่นทุกเช้าที่ผ่านมา ที่เห็นอยู่เบื้องหน้าท่ามกลางสายหมอกหม่นมัว คือซากปรักพังของเมืองโบราณซึ่งล่มสลายไปหมดสิ้น ความรุ่งเรืองของศิลปวัตถุทั้งหลายเหลือเพียงแต่เศษอิฐหินที่รอคอยการผุพัง กลายเป็นธุลีดินไปในที่สุด

หลวงพ่อคูณ สงบจิตจนแนบสนิทอยู่กับกุศลซึ่งท่านได้สั่งสมมา แล้วแผ่เมตตาออกไปยังวิญญาณทั้งหลายที่ยังวนเวียนอยู่ในอาณาบริเวณเมืองร้างแห่งนี้ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นได้พบกับทางไปสู่สุคติที่ดีกว่า

จากนั้น หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ก็เดินกลับย้อนไปตามทางเดิม เมื่อถึงทางแยกท่านก็เลี้ยวไปตามทางลงเขาทอดไปสู่หมู่บ้านตีนเขา ซึ่งชาวบ้านกำลังเตรียมอาหารรอคอยใส่บาตรอยู่

อ่านแล้วเพื่อนๆ มีความรู้สึกอย่างไร เชื่อหรือไม่ว่าในโลกนี้จะมีสิ่งเร้นลับอยู่ปะปนกับพวกเรา เพียงแต่ว่าอยู่คนละภพเท่านั้น 

นี่คือประสบการณ์เผชิญวิญญาณบนเส้นทางธุดงค์ครั้งหนึ่งของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือท่านเจ้าคุณพระญาณวิทยาเถระ แห่งวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุดทด จังหวัดนครราชสีมา 

บทความนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมด อ่านข้อมูลเต็มได้ที่แหล่งข้อมูลด้านล่างครับ

เรียบเรียงโดย  พรชัย  สังเวียนวงศ์  (mata)

ขอบคุณภาพจาก

http://iseehistory.socita.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711179

http://punica.co.th/bbs/viewthread.php?tid=5385&rpid=214050&ordertype=0&page=29#pid214050

ขอบคุณแหล่งที่มา: หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่.sabuyblog.com/ผีมาใส่บาตร-หลวงพ่อคูณ-ปริสุทโธ/
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
mata's profile


โพสท์โดย: mata
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
100 VOTES (4/5 จาก 25 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึกหลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวนเปิด 2 ข้อหาหนัก "ป้าแอน" แม่บ้านทคดีผสมเดทตอลในขวดนมเด็ก พบประวัติอาชญากรรมเมื่อปี 67เปิดอายุแท้จริงของ น้องจินนี่ ลูกสาว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดแม่บ้านเดทตอลมหาภัยถูกจับกลางรายการ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจวางยาเด็ก เข้าใจผิดคิดว่าเป็นนม พร้อมขอโทษผู้เสียหายบทเรียนราคาแพง 111 ล้าน เมื่อความเชื่อใจกลายเป็นช่องโหว่ให้คนสนิทฉกฉวย10 วาทะเด็ดแห่งปี 2568 ที่คนไทยลืมไม่ลงเบสท์ คำสิงห์ เปิดใจข่าวซุบซิบกับ บิ๊ก ผญบ.ฟินแลนด์"มัดหมี่ พิมดาว" แฉกลลวงสูญเงิน 8 ล้านบาท จากแรงศรัทธาเมื่อจีนอยากทำหนัง The Shallows เป็นของตัวเอง จะเป็นยังไงจารกรรมพันธุ์พืชเปลี่ยนโลก ปฏิบัติการขโมย "ชา" จากแผ่นดินมังกรสู่อินเดีย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึกLuxuriate อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขแบบไม่ต้องรู้สึกผิดความหวังใหม่ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ชายออสเตรเลียคนแรกของโลกที่ใช้หัวใจเทียมทั้งหมดเมื่อจีนอยากทำหนัง The Shallows เป็นของตัวเอง จะเป็นยังไง
ตั้งกระทู้ใหม่