ระหัสลับจากนิทาน ภาค 1 ปล.ยาวหน่อยนะครับ
หลายๆคนอาจจะบอกว่านิทานเป็นเรื่องของเด็กๆ แต่เอาเข้าจริงแล้ว นิทานมีมนต์ขลังอันยากจะต้านทาน ไม่ว่าต่อเด็ก
หรือผู้ใหญ่ คุณเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ทำไมนิทานเหล่านี้เป็นเรื่องอมตะ ทรงอิทธิพล และตราตรึงใจคนอ่านทุกยุคทุกสมัย
อาจเป็นไปได้ว่านิทานเหล่านี้ซุกซ่อนบางสิ่งบางอย่างภายใต้เนื้อเรื่องที่สนุกสนานสอนในไร้พิษสง บางอย่างที่เป็นความจริง
อันเก่าแก่เกี่ยวกับตัวตนของมนุษย์ที่รอคอยการถอดรหัสอยู่ ดังเช่นนิทานต่อไปนี้
พิน็อคคิโอ กับพิธีกรรมการเป็นหนุ่ม (Puberty Rites)
พิน็อคคิโอเป็นเรื่องราวของหุ่นไม้รูปเด็กชายที่นางฟ้าได้บันดาลให้มีชีวิตเพื่อทำฝันให้ช่างไม้ เกปเปตโต้ ซึ่ง
ฝันอยากจะมีลูกชายให้เป็นจริง แต่กระนั้นพิน็อคคิโอ้กลับเป็นหุ่นไม้แสนดื้อแสนซนและชอบโกหกเป็นนิสัย
และจุดเด่นของพิน็อคคิโอ้ก็คือเมื่อเข้าโกหก จมูกเขาจะยาวขึ้นเรื่อยๆนั้นเอง พิน็อคคิโอต้องพจญภัยและเผชิญ
กับอุปสรรคนานับประการ จนในที่สุดพิน็อคคิโอก็ได้เป็นเด็กสมใจ แล้วพิน็อคคิโอเกี่ยวข้องอะไรกับการเป็นหนุ่มเล่า?
ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกับพิธีกรรมนี้ก่อน พิธีกรรมการเป็นหนุ่ม (Puberty Rites) เป็นพิธีกรรมอันเก่าแก่ของมนุษย์
ประกอบขึ้นเพื่อเปลี่ยนจากสถานะเด็กชายในเผ่าให้กลายเป็นชายหนุ่มสมบูรณ์ ซึ่งผู้ที่ผ่านพิธีจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ใหญ่
สามารถประกอบอาชีพและมีครอบครัวได้ ซึ่งในปัจจุบันยังคงพบเห็นในเผ่าต่างๆที่กระจายอยู่ทั่วแอฟริกา พิธีกรรมเหล่านี้มีลักษณะ
สากลร่วมร่วมกันอย่างน่าสนใจคือ เหล่าเด็กชายจะถูกผู้ชายในเผ่าพรากออกไปจาก อกแม่ และจะถูกกักอยู่ในกระท่อมร่วมกัน
ผู้ชายจะบอกผู้หญิงในเผ่าว่า ลูกชายและพี่ชายน้องชายเธอถูกปีศาจลักพาตัวไป และพวกเหล่าผู้หญิงก็จะร่ำไห้เสียใจรำพันด้วยความ
อาลัยรัก ส่วนเด็กชายขณะที่ถูกกักขังจะต้องเผชิญกับด่านทดสอบนานับประการ พวกเข้าจะถูกลงโทษและดูกถูกเหยียดหยามต่างๆนาๆ
เพื่อให้เข้าสลัดความโหยหาแม่จนในที่สุดเมื่อพวกเขาผ่านบททดสอบ พวกเขาจะได้รับการต้อนรับกลับเสมือนว่าพวกเขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง
ในเรื่องพิน็อคคิโอ พิน็อคคิโอเดิมเป็นหุ่นไม้ที่สร้างโดย เกปเปตโต พ่อของเขา และโตเป็นเด็กทันทีโดยไม่ผ่านช่วงเวลา
การเป็นทารกที่ต้องได้รับความเอาใจใส่และความรักจากแม่ และเพราะโตมาโดยขาดความรักจากแม่ ทำให้มีนิสัยขี้โกหกเนื่องจาก
การโกหกนั้นจะเกิดขึ้นเพื่อปกปิดความจริงอันไม่อาจรับได้ (ที่ไม่มีแม่)
พิน็อคคิโอมีนิสัยดื้อดึงขัดขืน เช่นในตอนที่พ่อเขาสั่งให้เขาไปเรียน แต่พิน็อกคิโอไม่รักดีกลับหนีเที่ยว นอกจากนี้พิน็อคคิโอยังไม่
สามารถควบคุมอารมณ์ความต้องการทางเพศของตัวเองได้ นักจิตวิเคราะห์อธิบายว่า จมูกเป็นสัญลักษณ์ของลึงค์(หรรม)ผู้ชาย
ในสมัยจักดิวรรดิไบแซนไทน์ ชายหนุ่มจะตัดปลายจมูกของตน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการตอนตนเอง เพื่อแสดงความจงรักภัคดีต่อรัชทายาท
และไม่คิดแย่งอำนาจจากเจ้านาย อาการยื่นของจมูกจึงหมายถึงการตื่นตัวทางเพศของเด็กๆ ที่ไม่รู้จักการควบคุมความต้องการของตนเอง
ดังนั้น ด้วยนิสัยเช่นนี้ พิน็อคคิโอจึกต้องผ่านบททดสอบของพิธีกรรมที่แสดงด้วยสัญลักษณ์ของความลำบาก เราสามารถสังเกตุเห็นได้ว่า
ในเรื่องนี้แทบไม่มีผู้หญิง เพราะว่าเรื่องนี้เป็นพิธีกรรมการเปลี่ยนจากเด็กชายกลายเป็นหนุ่มของพิน็คคิโอที่ถูกพรากจากอกแม่ นางฟ้าที่ให้ชีวิต
จึกเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นแม่ มักปรากฏตัวน้อยครั้งในความฝันอันเลือนลางของพิน็คคิโอ เหมือนเหล่าเด็กชายในกระท่อมฝึกฝน
ซึ่งต้องอดทนกับความยากลำบากที่มีจุดประสงค์เพื่อขจัดความผูกพันธ์เกี่ยวกับแม่เพื่อโตไปเป็นหนุ่มเต็มตัว
พิน็อคคิโอได้ติดตามหาพ่อไปยังมหาสมุทรตามคำบอกเล่าของนกพิราบ ซึ่งนกพิราบถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตเพศชาย ในนิทาน
ปกรณัมต่างๆ เช่น นกพิราบเป็นสัญลักษณ์ของการเปิดเผยของพระผู้เป็นเจ้าแก่โนอาห์ และเมื่อพิน็อคคิโอกระโดดลงทะเลเพื่อช่วยพ่อ
พิน็อคคอโอได้ตาย(ในฐานะเด็ก) และเกิดใหม่ (ในฐานะผู้ผ่านการทดสอบ) ในท้ายสุด พิน็อคคิโอได้กลายเป็นเด็กที่แท้จริง นั้นหมายถึงการ
เติบโตของเด็กกบฏที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ กลายเป็นเด็กที่รู้จักผิดชอบชั่วดี และเป็นคนที่เชื่อฟังกฏระเบียบของสังคมนั่นเอง
ซิลเดอเรลล่า กับการผลิบานของความเป็นหญิง
นิทานเกี่ยวกับสาวน้อยอาภัพเรื่องนี้คงไม่ต้องเล่าเรื่องย่อให้มากความ เพราะความนิยมของเทพนิยายเรื่องนี้ไม่เป็นที่สงใสของเด็กๆ
และสาวน้อยสาวใหญ่ (ที่หวังที่พบรักแบบในนิทานบ้าง) แต่เคยเอะใจมัยว่า ทำไมทุกเวอร์ชั่นจะต้องถูกโฟกัสไปที่ร้องเท้าแก้วของเธอ
แล้วทำไม เธอจะต้องวิ่งซุ่มซ่ามทำรองเท้าหลุดไว้ข้างหนึ่งให้เจ้าชายดูต่างหน้าตอนเที่ยงคืน?
ซิกมัน ฟรอยด์ ได้อธิบายความหมายสัญลักษณ์ของรองเท้าในหนังสือของเขา Symbolism in Dreams ฟรอยด์ตีความหมายว่า รองเท้า
หมายถึงสัญลักษณ์ของ อวัยวะเพศหญิง เชื่อว่าเมื่อเด็กเล็กๆ ค้นพบว่าเพศหญิงไม่มี หรรม เหมือนเพศชาย พวกเขาสงใสว่าา หรรม ของพวก
ผู้หญิงหายไปไหน ส่วนการเต้นรำอันแสนโรแมนติกนั้นก็เป็นรหัสการ สัมพันธ์ทางเพศนั้นเอง และช่วงเวลาของการถึงจุดสุดยอดทางเพศ
ก็คือช่วงที่นาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนตรง ตอนนั้นนั้นเองที่ซินเดอเรลล่าต้องสูญเสียรองเท้า(หรือพรหมจรรย์)ให้แก่เจ้าชายโดยเธอได้เติมเต็ม
ความเป็นหญิงของเธอนั้นเอง
นี่ไม่ใช่การกล่าวลอยๆแต่ได้มีการยืนยันเป็นกรณีศึกษาของนักจิตวิเคราะห์ คาร์ล อับราฮัม ที่คนไข้คนหนึ่งของเค้ามีอาการประหลาด ที่ชอบ
มองรองเท้าของผู้หญิง และจะมีความรังเกียจขยะแขยงหากรองเท้านั้นมีรูปทรงอัปลักษณ์ แต่จะมีความสุขหากรองเท้านั้นประนีตสาวยงาม
(รึเค้าอยากจะใส่ก็ไม่อาจทราบได้) ในเรื่องซินเดอเรลล่าเองก็เช่นกันแม้นางซินฯ จะสวยงามแต่มนต์เสน่ห์ของเรื่องกลับจ้องไปที่รองเท้าแก้ว
ซึ่งผู้หญิงหลายคนก็คงเสียเวลาไปกับร้านรองเท้าเพื่อเลือกเฟ้นรองเท้าคู่โปรดเหมือนกัน
ลูกหมู 3 ตัว กับพันธนาการทางประวัติศาสตร์ของมนุยษ์
ตอนเด็กๆ พวกเรามักได้ยินนิทานเรื่องลูกหมู 3 ตัว บ่อยๆและซึมซับคติสอนใจว่า การขี้เกียจจะเป็นภัยแก่ตัว และการขยันจะนำพา
ความสำเร็จมาสุ่ตัว เหมือนกับหมูตัวสุดท้ายที่ลงทุนสร้างบ้านด้วยอิฐ ทำให้รอดจากเงื้อมมือของหมาป่า นี่อาจจะเป็นเวอร์ชั่น
ที่พ่อแม่ เล่าให้ฟังแล้วหวังว่าเราจะตั้งใจเรียน งั้นอ่านนิทานเรืองหมูๆ อีกครั้งในแบบใหม่กัน
ในเรื่อง ลูกหมูพี่น้องสร้างบ้านจากวัสดุ 3 อย่างแตกต่างกัน คือ หญ้า ไม้ และก้อนอิฐ นักจิตวิเคราะได้อธิบายว่า มันคือสัญลักษ์
แสดงเส้นทางพัฒนาของมนุษย์ จากเดิมมนุษย์สร้างบ้านมุงด้วยหญ้าและไม้ซึ่งไม่ทนทานและมั่นคง ต่อมาเมื่อพวกเขาได้พบการสร้าง
บ้านเรือนด้วยอิฐที่ทนทานจนในที่สุดมนุษย์สามารถตั้งถิ่นฐานได้อย่างมั่นคง และสร้างแปงเมืองและพัฒนาเป็อารยะธรรมได้นั้นเอง
ลูกหมู 3 ตัวแสดงถึงการที่มนุษย์สามารถพิชิดความปรารถนาในตัวของตัวเองซึ่งในทางจิตวิทยาเรียกว่า อิด (ld) อิดคือจิตใจไร้สำนึก
ทีี่เป็นความปรารถนา ต้องการทำตามอำเภอใจ ซึ่งในนิทานแสดงถึงลูกหมุ 2 ตัวที่สร้างบ้านอยากลวกๆ เพราะจะได้เอาเวลาไปนอนและ
เที่ยวเล่น อิดมีทั้งในมนุยษและสัตว์ แต่ในมนุ๋ย์จะมีส่วนของจิตสำนึกหรือ Ego ซึ่งเป็นส่วนของความนึกคิด สติปัญญา ซึ่งในส่วนนี้เองทำ
ให้มนุยษ์แตกต่างจากสัตว์ การใช้เหตุผลทำให้มนุยษ์รู้จักแยกแยะสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เป็นแรงผลักดันทำให้มนุษย์สร้างอารยธรรม
ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ นิทานเรื่องนี้ยังแสดงถึงปมเก่าแก่ของมนุษย์ นั้นคือ "ปมโอดิปุส" (Odipus Complex) หรือปมที่ลูกชายมักเกลียดพ่อ
เพราะรักแม่ซึ่งเป็นปมที่เกิดขึ้นในเด็กเล็ก และจายหายไปเมื่อโตขึ้น ปมนี้มีชื่อมาจากวีรบุรุษชาวกรีกชื่อ โอดิปุส ที่พลั้งมือฆ่าพ่อ
ตัวเองและรับแม่แท้ๆตนเป็นภรรยา ฟรอยด์ อธิบายว่า เลข 3 ใช้แสดงถึงอวัยวะเพศชาย (ไข่ 2 หรรม 1 = 3 พอดี)
ขณะที่บ้านแสดงถึงร่างกายสตรี ส่วนหมาป่านั้นเป็นสัญลักษณ์ของพ่อ เนื่องจากร่างกายเต็มไปด้วยขน ซึ่งหมายถึงร่างกายชาย
ที่โตเต็มวัย ดังนั้นการพิชิตหมาป่าได้จึงหมายถึงการก้าวข้ามผ่านพ่อและเป็นใหญ่แทน ซึ่งหมายถึงจะได้ครอบครองมรดกพ่อและทรัพย์สิน
ในปรัมเทพกรีก ก็มีการพูดถึงปม โปดิอุสนี้เช่นกัน เช่นกรณีของ โอดิปุสเอง หรือ กรณีซุสโค่นบังลังค์โครนอสโดยการสนับสนุน
จากไกอาแล้วขึ้นเป็นใหญ่
ไคอ่านจบบ้าง หวังว่าคงชอบนะครับ ซ้ำรึป่าวไม่มั้นใจ ถ้าซ้ำก็ขออภัยนะครับ
ขอติดเรื่องอื่นๆก่อนนะคับ
คราวหน้า นิทานยอดนิยมอย่างสโนวไวท ์ และราพันเซล ซ่อนความหมายอะไรไว้ ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะ
www.psychohistory2001.com