มองโกลทหารม้าปิศาจฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
หลังจากที่เจงกิสข่านรวบรวมชนเผ่าต่างๆในทุ่งหญ้าสเตปป์เป็นหนึ่งเดียวกันได้ในครั้งแรก
(เพราะไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน)เขาประกาศอย่างชัดเจนว่า
“นับแต่นี้ต่อไป ไม่มีชื่อ ตาร์ตาร์ ไนแมนหรืออะไรทั้งสิ้น พวกเราทั้งหมดคือ มองโกล!!
และตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ มองโกลของเราต้องเหนือกว่าทุกเผ่าที่ยังหายใจอยู่บนโลกนี้!!
(รูปของเจงกิสข่าน ซึ่งเชื่อได้ว่าวาดได้ใกล้เคียงตัวจริงที่สุด)
แทบไม่น่าเชื่อว่าชนเผ่าป่าเถื่อนที่ไม่รู้จักการอยู่เป็นเมือง ไม่รู้จักการเพาะปลูก
ไม่มีตัวหนังสือของตัวเองจะทำได้อย่างที่พูดถึงข้อเสียต่างๆที่ว่ามาทำให้พวกมองโกลถูกเรียกว่า
“อนารยชน” กลับกลายเป็นข้อดี ที่ชนเผ่านี้พร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว
โดยไม่มีการตั้งแง่รังเกียจไม่ว่าจะเป็น ศาสนา วิทยาการ ภาษา จนทำให้ “มองโกล”เป็นชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
และครองผืนแผ่นดินกว่า 70% ของแผ่นดินที่มนุษย์ที่มีอารยธรรมอยู่ได้ในสมัยนั้น
ส่วนชนเผ่าอื่นๆในโลกขณะนั้นต้องส่งบรรณาการให้มองโกลทั้งหมด!!!
ทำไมพวกมองโกลถึงรบเก่งเพราะชีวิตของพวกเขาอยู่บนทุ่งเลี้ยงสัตว์ ล่าสัตว์
การรบราฆ่าฟันเป็นกิจวัตรของมองโกลมาแต่ไหนแต่ไร ในการปกป้องทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ของตนเอง
ชีวิตของพวกมองโกลอยู่บนหลังม้ามากกว่าเดินเท้า พวกเขาควบม้าต่อเนื่องได้วันละ 120ไมล์
ซึ่งกว่ากองทัพที่ทำความเร็วในการเคลื่อนที่ได้ขนาดนี้อีกครั้งคือ กองทัพนโปเลียนในอีก 700 ปีต่อมา
ที่น่าทึ่งอีกอย่างคือพวกมองโกลอยู่แบบไม่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้นทั้งผู้หญิง เด็ก คนแก่ก็ติดตามกองทัพไปได้ตลอด
ทำให้ทหารสามารถทำศึกแดนไกลได้นานๆ โดยไม่มีอาการคิดถึงบ้านแต่อย่างใด
พวกมองโกลเป็นกองทัพที่วินัยสูงมากเพราะเป็นชนชาติใหม่ที่รวมชนเผ่าที่เป็นอริกันมานมนานเข้าด้วยกัน
ผู้ฝ่าฝืนหรือทะเลาะวิวาท จะมีบทลงโทษอย่างรุนแรงเหี้ยมโหดตาม
กฎหมาย "ยัสซาเจงกิสขานิส"(กฎหมายที่เจงกิสข่านบัญญัติขึ้น)
ที่ว่าด้วยหลักง่ายๆ“ลงโทษอย่างไร้ปราณีกับผู้ที่แข็งขืน กรุณากับผู้ยอมตาม”
ตัวอย่างกฎหมายยัสซาเจงกินขานิส
ฆ่าคน=ประหาร ลักขโมย=ประหาร เป็นชู้=ประหาร ทะเลาะวิวาทด้วความรุนแรง=ประหาร
มื่อมองโกลยกทัพไปที่ใดพวกเขาไม่รู้จักคำว่าพ่ายแพ้ สิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้หลังแต่ละเมืองถูกโจมตี
คือ ซากเมืองที่ถูกทำลาย ความตาย และซากศพ
พวกมุสลิมคิดว่า เจงกิสข่านคือทูตแห่งวันพิพากษา ที่มาทำลายล้างโลก
ในขณะที่พวกคริสเตียนต่างพร้อมใจเข้าสวดมนต์ของความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ในตอนที่กองทัพคริสเตียนถูกทำลายล้างหมดสิ้นที่ทุ่งราบกลางออสเตรีย
เกี่ยวกับวิทยาการ ถึงพวกมองโกล มักจะฆ่าล้างเมืองในกรณีที่เมืองไหนต่อต้าน
แต่มักไว้ชีวิตกวาดต้อนนักปราชญ์ นักบวช ไว้พัฒนา มองโกลเสมอ
พวกมองโกลคิด “โกน” ที่ทำให้ควบม้าได้ดีขึ้น
ดัดแปลง “ดินปืน”ที่ได้จากจีนให้มีอนุภาพรุนแรงขึ้น
สร้าง”พันธบัตร” ขึ้นมาโดยตอนแรกชาติตะวันตกบอกว่า เป็นกระดาษของพวกป่าเถื่อน
แต่เมื่อมองโกลยึด ตะวันตกได้ส่วนหนึ่ง ได้ประกาศว่า“ใครไม่รับพันธบัตรในการชำระหนี้ต้องถูกตัดหัว”
ไม่แปลกที่แม้แต่ในธนบัตรพวกเราก็ยังมีคำว่า “ธนบัตรนี้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย”ติดอยู่
คิดระบบยศ ทหาร คือ “หมวด หมู่ กองร้อย กองพัน กองพล”
บุกเบิกเส้นทางสายไหมทำให้ ตะวันออกเชื่อมกับตะวันตกสร้างความเจริญในทุกๆด้านของมวลมนุษย์
(จริงๆทางสายไหมถูกบุกเบิกมานานแล้วแต่การที่ต้องผ่านแดนเถื่อนมากมายทำให้เส้นทางนี้อันตรายมาก)
แต่ในยุคของมองโกลที่กฎหมายโหดเหี้ยมเด็ดขาด
แม้กระทั่งสาวน้อยสะพายถุงทองคำยังสามารถเดินจากตะวันออกกลางมาจีนได้อย่างปลอดภัย
ลูกหลานของเจงกิสข่านสามารถมีอำนาจได้ต่อเนื่องมาถึง 700 ปีคือราชวงศ์โมกุล
(มาจากคำว่ามองโกล) ราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองอินเดียใน ศต 18