ประวัติศาสตร์การแต่งหน้า
โพสท์โดย ปุ๋ย พรทิพย์ งาบกะดานกะดก
ทุกวันนี้การแต่งหน้าเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับสาวๆ ส่วนอุปกรณ์แต่งหน้าและเครื่องสำอางก็มีให้เลือกใช้มากมายไปหมด จนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ความจริงแล้วการแต่งหน้ามีความเป็นมาอย่างยาวนาน มีนอกเหนือไปจากการแต่งเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว และนี่คือเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการแต่งหน้า
- มีการบันทึกไว้ครั้งแรกที่อียิปต์ ประมาณ 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์ใช้น้ำมันแบบพิเศษทาตัวเพื่อป้องกันแสงแดด และลม นอกจากนั้นยังช่วยให้ผิวนุ่มขึ้นด้วย ส่วนการแต่งหน้าอีกอย่างที่เป็นสัญลักษณ์ของชาวอียิปต์โบราณเลย ก็คือ การเขียนขอบตาดำ โดยใช้อุปกรณ์ที่ใช้เขียนเรียกว่า Kohl ระบายลงไป เหตุผลก็เพื่อช่วยป้องกันดวงตาจากแสงแดดและแมลง และยังมีเหตุผลตามความเชื่อว่า ช่วยในการขับไล่สิ่งชั่วร้ายอีกด้วย ซึ่งการเขียนตานี้เป็นที่นิยมในอียิปต์มาก ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย รวยหรือจน ทุกคนก็จะทาขอบตาดำ
- ในช่วงยุคโรมัน หรือประมาณ ค.ศ.1 เป็นต้นไป ชาวโรมันนิยมทาขอบตาดำด้วย Kohl เหมือนกัน แต่มีการใช้ชอล์กขาวเพิ่มเป็นไฮไลท์ช่วยให้หน้าสว่างขึ้นด้วย นอกจากนั้นยังใช้ผลชาดสีแดงทางแก้ม ที่น่าสนใจคือ ชาวโรมันให้ความสำคัญกับสุขภาพฟันมาก มีการใช้หินภูเขาไฟ ช่วยในการทำความสะอาดฟัน และทำให้ฟันขาวขึ้น
- ในยุโรปช่วงยุคกลาง (Middle age) ผิวขาวเป็นที่นิยมมาก ไม่ใช่ขาวอมชมพูแบบที่นิยมในบ้านเราตอนนี้ แต่ต้องเป็นขาวซีดเหมือนกระดาษ ยิ่งขาวมาก ยิ่งแสดงถึงสถานะทางสังคมที่สูงกว่า สาวๆ ยุโรปจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มีผิวขาว แม้กระทั่งยอมทำร้ายตัวเองเพื่อให้เลือดออก ทำให้มีผิวขาวซีดสมใจ
- ช่วงยุคฟื้นฟูศิลปะ (Renaissance) ศตวรรษที่ 17 การแต่งหน้าถือเป็นเรื่องน่าอับอาย และยอมรับไม่ได้ในสังคม แต่ผู้คนยังคงนิยมผิวขาวกันอยู่ ในช่วงยุคนี้มีการนำไข่ขาวมาทางหน้า เพื่อให้มีลักษณะมันเงา รวมทั้งใช้สีขาวที่ทำมาจากตะกั่วขาว ซึ่งเป็นพิษมาทาหน้า ส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพทำให้มีผู้หญิงจำนวนมากที่ตายจากพิษตะกั่ว
- ศตวรรษที่ 18 เริ่มมีการยอมรับผู้หญิงที่เป็นนักแสดงและโสเภณีสามารถแต่งหน้าได้ ส่วนคนธรรมดาสามารถทำได้แค่ทาแก้มสีชมพู ให้ดูเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี แต่ในฝรั่งเศสนิยมทาปากและแก้มสีแดง เพื่อให้ดูเป็นคนสุขภาพดี สนุกสนาน และในที่ฝรั่งเศสนี่เอง ที่มีการคิดค้นลิปสติกอันแรกของโลก ทำมาจากไขมันกวาง น้ำมันละหุ่ง และขี้ผึ้ง ห่อด้วยกระดาษ
- ศตวรรษที่ 20 ช่วงปี ค.ศ.1910 ถือเป็นช่วงปฏิวัติวงการเครื่องสำอางอย่างแท้จริง มีการคิดค้นเครื่องสำอางหลายอย่างที่เราใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ เช่น มาสคารา ลิปสติกแท่ง รวมถึงแป้งแบบตลับ ยุคนี้การแต่งหน้าถือเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งซึ่งแพร่หลายไปทั่ว พร้อมๆ กับการโด่งดังขึ้นของฮอลลีวูด และการเติบโตของนิตยสารแฟชั่นต่างๆ
- ทุกวันนี้ แนวความคิดแบบสวยจากภายใน กับการแต่งหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ เป็นที่นิยมมาก แต่แนวทางการแต่งหน้าก็ยังมีหลากหลาย ใครจะแต่งยังไง ทำอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน รวมถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยเสริมความงาม ลบความบกพร่อง ก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ต้องรอดูกันต่อไปว่า ในอนาคตเราจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรกันอีก
ที่มา makeup2enhance , authorsden
แปลและเรียบเรียงโดย
ทีมงาน everyday-readers
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
72 VOTES (4/5 จาก 18 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลุกขึ้นไได้...ก็ชนะ
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
จักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสง
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
"อาหารบ้าน ๆ ที่คนต่างชาติหลงรัก แต่คนไทยมองว่าเป็นอาหาร “ธรรมดา”" มันเป็นเพราะอะไรกันนะ
รีวิวหนังดัง SURROGATES คนอึดฝ่านรกโคลนนิ่ง
"สาละ" ดอกไม้ในตำนานเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระมหาศาสดาของศาสนาพุทธ (สาละในหลวงพระบาง)
เจาะลึกลำดับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมซาวน่าญี่ปุ่น เมื่อพื้นที่ส่วนตัวกลายเป็นกับดักมรณะ
ย้อนชะตากรรม "ขันทีหัวใจพระโพธิสัตว์" ยอมแก้ราชโองการเพียงหนึ่งคำ เพื่อรักษาชีวิตคนนับพัน
ทำไมคนค้าขายสินค้าที่ผิดศีลธรรมจึงร่ำรวย?Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
โฆษก "ฮุนเซน" โม้หนัก!! เคยผ่านการรบมาแล้วนับ 100 ครั้ง!!
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
ด่วน! แก๊งสแกมเมอร์จีน–กัมพูชาแตกฮือ ปอยเปตอลหม่าน หลังทหารกัมพูชายึดอาคารใช้เป็นฐานทหาร ตกเป็นเป้าการสู้รบชายแดน
ย้อนชะตากรรม "ขันทีหัวใจพระโพธิสัตว์" ยอมแก้ราชโองการเพียงหนึ่งคำ เพื่อรักษาชีวิตคนนับพัน








