หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

อันตรายจากคลื่นโทรศัพท์มือถือ

โพสท์โดย Taegukgi

               ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราเป็นอย่างมาก  หลาย ๆ  คนมีโทรศัพท์มือถือมากกว่า 1 เครื่อง  หรือใน 1 เครื่องก็มีมากกว่า 1 ซิม  หากวันใดลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้านก็จะรู้สึกขาดความมั่นใจทันที  เพราะหลาย ๆคนเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ในโทรศัพท์มือถือ แ ละนั่นก็ส่งผลให้เราจดจำอะไรได้น้อยลง  เช่น  หมายเลขโทรศัพท์ต่าง ๆ  ทุกวันนี้เมื่อเราผ่านไปตามท้องถนนหรือห้างสรรพสินค้าก็จะเห็นวัยรุ่นคุยโทรศัพท์กันตลอดเวลา  บ้างก็แชทหรือโพสต์ข้อมู,ใน Social Network  ปลูกผักปลูกหญ้ากันในโทรศัพท์ขณะเดินห้างสรรพสินค้า  ซึ่งก็นับว่าเป็นนวัตกรรมที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว  เมื่อเปรียบเทียบกับสิบปีที่แล้ว  ที่โทรศัพท์มือถือรุ่นแรก ๆ  ของ Motorola ยังได้รับสมญาว่าเป็น “รุ่นกระติกน้ำ”

                                                               

 

 

              อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากโทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการส่งสัญญาณ  จึงมีความตระหนักถึงอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือ  โดยเฉพาะในเด็ก ๆ  ที่พัฒนาการทางสมองยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่  ดังนั้นที่ผ่านมาจึงมีงานวิจัยเพื่อไขข้อข้องใจถึงความสัมพันธ์ระหว่าง  “คลื่นโทรศัพท์มือถือ”  กับการเกิด  “โรคมะเร็ง”  อย่างมากมาย  และมีการสรุปผลทั้งไม่มีความเกี่ยวข้องกัน  และการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง  ดังนั้น  อยู่ที่ผู้บริโภคว่าจะเลือกรับฟังข้อสรุปแบบใด  ทั้งนี้  จะขอสรุปเฉพาะในส่วนที่มีผลการศึกษาว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็ง

              งานวิจัยในประเทศฟินแลนด์ที่มี  “องค์การความปลอดภัยด้านรังสีและนิวเคลียร์”  ของฟินแลนด์เป็นผู้ทำการศึกษา  โดยองค์การฯ  แยกเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ใช้มือถือเกือบ 5,000 คน  แบ่งเป็นผู้ใช้มือถือที่ป่วยเป็นมะเร็งสมองชนิด Gliomas จำนวน 1,521 คน  และผู้ใช้ที่ไม่เป็นมะเร็งสมองอีก 3,301 คน  เมื่อไม่นำเอาปัจจัยเกี่ยวกับระยะเวลาของการใช้มือถือมาพิจารณา  คณะผู้วิจัยไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างมือถือกับการเกิดมะเร็งสมอง  อย่างไรก็ตาม  เมื่อนำปัจจัยเรื่องเวลาเข้ามาคิดด้วย  จะพบว่า  ร้อยละ 37  ของกลุ่มผู้ที่ใช้มือถือที่จะเป็นมะเร็งสมองล้วนแต่มีประวัติการใช้มือถือมานานกว่า 10 ปี  ทั้งนี้  มะเร็งที่ตรวจพบ  ได้แก่  มะเร็งชนิด Gliomas  หรือมะเร็งบริเวณระบบประสาท  นอกจากนั้น  ตำแหน่งที่เกิดมะเร็งจะเกิดขึ้นภายในศีรษะข้างที่ต้องแนบติดกับตัวเครื่องมือถือเป็นประจำ  เบื้องต้นจึงตั้งสมมติฐานได้ว่า  ความถี่และระยะเวลาของการใช้มือถือนั้นยิ่งนานเท่าไหร่  ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงก่อให้เกิดมะเร็งสมอง

               ผลวิจัยในสวีเดนเตือนเด็กและวัยรุ่นว่ามีความเสี่ยงเพิ่ม 5 เท่าที่จะเป็นเนื้องอกในสมองชนิดร้ายแรงจากการใช้โทรศัพท์มือถือ  โดยนักวิจัยระบุว่าเด็กมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากสมองและระบบประสาทยังพัฒนาไม่เต็มที่  นอกจากนี้ด้วยการที่เด็กมีศีรษะขนาดเล็กกว่าและกะโหลกบางกว่ายังทำให้คลื่นพลังงานจากโทรศัพท์มือถือสามารถทะลุทะลวงเข้าสู่สมองเด็กได้มากกว่า  และงานวิจัยจากสวีเดนที่เผยแพร่ต่อที่ประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยโทรศัพท์มือถือและสุขภาพของผู้ใช้ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่อังกฤษเมื่อเร็ว ๆ นี้  มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งว่าด้วยความเสี่ยงจากการแพร่กระจายคลื่นพลังงานที่เป็นต้นเหตุของมะเร็ง  โดยศาสตราจารย์เลนนาร์ต  ฮาร์เดลล์  จากมหาวิทยาลัยฮอสปิตอลในโอเรโบร  สวีเดน  ผู้นำการวิจัยแถลงต่อที่ประชุมว่า  ผู้ที่เริ่มใช้โทรศัพท์มือถือก่อนอายุ 20 ปี  มีโอกาสเป็นเนื้องอกในสมองชนิดร้ายแรงเพียง 50 % เท่านั้น  และแค่ 2 เท่าสำหรับมะเร็งบริเวณส่วนต่อของหูกับสมอง  และศาสตราจารย์ฮาร์เดลล์กล่าวว่า  ผลศึกษานี้ถือเป็นสัญญาณอันตราย  และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี  ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ  ยกเว้นเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน  ส่วนวัยรุ่นควรใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีหรือชุดหูฟัง  และควรใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อพิมพ์ข้อความเป็นหลัก  สำหรับคนอายุ 20 ปีขึ้นไป  ความเสี่ยงจะลดลงเนื่องจากสมองมีการพัฒนาเต็มที่แล้ว  ศาสตราจารย์ฮาร์เดลล์ยังยอมรับว่า  อันตรายต่อเด็กและวัยรุ่นอาจมีมากกว่าที่พบในการศึกษานี้  เนื่องจากการศึกษานี้ไม่ได้แสดงผลกระทบจากการใช้โทรศัพท์มือถือระยะยาว  ขณะที่มะเร็งส่วนใหญ่ใช้เวลานานกว่า 10 ปีในการก่อตัว  หรือยาวนานกว่าช่วงเวลาที่ใช้โทรศัพท์มือถือเริ่มวางขายในตลาด  นอกจากนี้  งานวิจัยนี้ยังแสดงให้เห็นว่าผู้ใหญ่ที่ใช้อุปกรณ์สื่อสารชนิดนี้นานกว่า 10 ปีมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะเป็นเนื้องอกในสมองชนิดร้ายแรงและมะเร็งบริเวณส่วนต่อของหูกับสมอง  อย่างไรก็ดีศาสตร์จารย์ฮาร์เดลล์ยอมรับว่ายังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลายาวนานเพิ่มความเสี่ยงสำหรับคนที่เริ่มต้นใช้ในวัยรุ่นอย่างไร  จึงควรทำการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

 

               งานวิจัยที่ให้ผลในลักษณะเดียวกันอักงานหนึ่งเป็นของ Dr.George Carlo  นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน  โดยสรุปว่า  การใช้โทรศัพท์มือถืออาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง  พร้อมได้กล่าวถึงผลการศึกษาที่ยังไม่ได้มีการตีพิมพ์ออกมาว่า  การใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกในสมองชนิดที่พบไม่บ่อยนักเช่นเดียวกับผลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน

               งานวิจัยของมหาวิทยาลัยบริสตอล  ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ  ซึ่งศึกษากับผู้ใหญ่จำนวน 36 คน  โดยให้ได้รับรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีขนาดเดียวกับที่ปล่อยออกมาจากโทรศัพท์มือถือเป็นเวลา 20 – 30 นาที  ปรากฏว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าดังกล่าวทำให้หน้าที่ของ visual cortex เปลี่ยนไป  ดังนั้น  นักวิจัยจึงได้แนะให้ใช้โทรศัพท์มือถือให้ได้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

            การศึกษาวิจัยเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือมาก ๆ  จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งในสมองหรือไม่นั้น  ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง  ถึงจะมีนักวิจัยหลายสำนักได้ผลิตผลงานวิจัยออกมาว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งในสมองมากขึ้นแต่ในงานวิจัยเหล่านั้นก็มักสรุปในตอนท้ายว่ายังไม่สมบูรณ์แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์  ยังจะต้องมีการทำวิจัยเพิ่มเติม

            เพื่อความปลอดภัยในการใช้โทรศัพท์มือถือ  ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

1.      ใช้ไมโครโฟนแบบเสียบหูฟัง  (Headset)  หรือ Bluetooth  เพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์ที่มาจากโทรศัพท์มือถือพุ่งตรงเข้าที่สมอง

2.      เปิดลำโพงขณะคุยโทรศัพท์  แต่อาจไม่เหมาะนักสำหรับการคุยเรื่องส่วนตัว

3.      ใช้วิธีส่งข้อความแทนการพูด

4.      เลือกซื้อโทรศัพท์มือถือประเภทกำลังการกระจายรังสีต่ำ

5.      คุยโทรศัพท์ครั้งละสั้น ๆ

ถึงแม้จะมีบทความมากมายเกี่ยวกับอันตรายจากโทรศัพท์มือถือในการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง  แต่ปัจจุบันนี้ได้มีการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์มือถือเพื่อรักษาโรคมะเร็งด้วยเช่นกัน  โดยคณะแพทย์จาก MIT และฮาร์วาร์ดได้คิดค้นชิป microNMR  ซึ่งภายในเป็นสนามแม่เหล็กที่อยู่ในรูปแบบอนุภาคนาโน  สามารถวัดโปรตีนและส่วนประกอบทางเคมีอื่น ๆ  ที่ส่งผลต่อการเกิดเนื้องอกได้โดยเมื่อต้องทำการตรวจก็เพียงตัดเนื้อเยื่อขนาดเล็กใส่ไว้ในอุปกรณ์เสริมของมือถือที่ออกแบบมาเพื่อตรวจเนื้องอกโดยเฉพาะ  จากนั้นมือถือก็จะสามารถวิเคราะห์อัตราการเกิดเนื้องอกที่เป็นส่วนสำคัญก่อให้เกิดมะเร็งได้ภายใน 1 ชั่วโมงผ่านหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์  โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้มีต้นทุนเพียง 7,000 บาท  ทั้งผลการวิจัยยังระบุอีกว่า  ผลการวิเคราะห์แม่นยำถึง 96 %  (สูงกว่าแบบเก่าที่ใช้เครื่องขนาดใหญ่และต้องรออีกหลายวันที่มีความแม่นยำ 94 %)  เทคโนโลยีนี้มีความสำคัญต่อมนุษยชาติอย่างมาก  เพื่อที่จะบอกคนไข้ได้ไวและแม่นยำที่สุดถึงอัตราการเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายและสามารถป้องกันได้ทันท่วงที

 

สำหรับประเด็นด้านการกำหนดกฎหมายในการใช้โทรศัพท์มือถือนั้น  ณ  ขณะนี้  มีเพียงการเคลื่อนไหวในประเทศอเมริกา  โดยสภาร่างกฎหมายรัฐเมน  ประเทศสหรัฐอเมริกา  กำลังจะทำให้รัฐเมนเป็นพื้นที่แรกที่ออกกฎให้ผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือทุกเครื่องที่วางจำหน่ายในรัฐ  ต้องติดฉลากเตือนผู้ใช้ว่ามีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งสมอง  รัฐเมนมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งสิ้น 950,000 คนจากประชากรรวม 1.3 ล้านคน  โดยในขณะนี้สหรัฐฯมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งสิ้น 270 ล้านคน  เพิ่มขึ้นจาก 110 ล้านคนในปี 2000  ถึงแม้การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์จำนานมาก รวมถึงผู้ผลิตจะยืนยันว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจะไม่มีผลใดๆ ก็ตาม  โดยแนวคิดการติดฉลากคำเตือนเรื่องมะเร็งสมองในกล่องโทรศัพท์มือถือถูกเปิดเผยบนเวทีประชุมสภาร่างกฎหมายแห่งชาติสหรัฐอเมริกาหรือ National Conference of State Legislators และนายกเทศมนตรีของซานฟรานซิสโกก็กำลังพยายามผลักดันให้ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองแรกที่ออกกฎให้กล่องโทรศัพท์มือถือต้องติดฉลากเตือนมะเร็งเช่นกัน

ที่มา: สำนักความปลอดภัยแรงงาน
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Taegukgi's profile


โพสท์โดย: Taegukgi
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
32 VOTES (4/5 จาก 8 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เปิดตัวตำรวจสาว นางฟ้าผู้พิสูจน์หลักฐาน สวยและเก่ง ช่วยคลี่คลายคดีแอมไซยาไนด์นางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจทบ.มีคำสั่งให้ พล.ท.ณรงค์ สวนแก้ว เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ถูกย้ายจากตำแหน่ง หลังเกิดกรณีซ้อมที่รุนแรง'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"เจนนี่ทำเซอร์ไพรส์ใหญ่! มอบบ้านพร้อมโฉนดให้ “ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ฉลองอายุครบ 20 ปีหน้าชื่นอกตรม ภาวะโรคยิ้มซึมเศร้า Smiling Depression ยิ้มง่ายแต่ภายในแตกสลายอะไรจะเกิดขึ้น หากปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงบ้านในฝันก็ต้องปล่อย! 'กวินท์-ปุ้มปุ้ย' เปิดใจขายบ้าน 19.5 ล้าน ทั้งที่รักมาก6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์"น้องธาช่า" ลูกสาว "กิ๊ก สุวัจนี" แจ้งเกิดเต็มตัว! ประเดิมละครเรื่องแรกกับบทบาทสุดปัง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
วิธีใช้รีโมทแอร์ในโหมดต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า"ผู้บริหารมาม่าไขปริศนา ยอดขายพุ่งเพราะเศรษฐกิจแย่ หรือแค่คิดไปเอง?"หมอเหรียญทองกำลังมองหาสถานที่เช่าสำหรับตั้งซูเปอร์คลินิก เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีบัตรทองจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะครูสงสัยทำไม นร.ชายใส่กระโปรง..รู้เหตุผลแล้วบอกเลย ใจนายแมนมาก
ตั้งกระทู้ใหม่