เรื่องราวของ ชา เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่นำมาฝาก
โพสท์โดย mata
สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกวันนี้หันไปทางไหนก็มักจะเห็นคนดื่มชากัน แต่เป็นชาที่อยู่ในรูปแบบใหม่อย่างชาเขียวบรรจุขวดหลากหลายยี่ห้อ แต่สมัยก่อนชาที่มักจะหาดื่มกันมักจะเป็นชาร้อน อย่างเช่น ชาจีน หรือชาแบบฝรั่ง ที่มีกลิ่นหอม ส่วนคนไทยเดิมๆ ก็มักจะคุ้นเคยกับชาดำเย็น หรือชาเย็นใส่นม วันนี้อยากจะฝากเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับชามาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ
- การดื่มชาใส่น้ำแข็ง เริ่มขึ้นในงานมหกรรมโลกซึ่งมีการละเล่นมากมายไม่ว่าจะเป็น เต้นรำ, เล่นเกมแต่งตัว , การละเล่นพื้นบ้าน ที่เซนต์หลุยส์ ปี ค.ศ. 1904 โดยหนุ่มอังกฤษ ชื่อริชาร์ด เบลชินเดรน (Richard Blechyndren) ช่วงนั้นอากาศร้อนมากเขาขายน้ำชาร้อนๆไม่ออก จึงรินน้ำชาราดลงไปบนก้อนน้ำแข็ง ทำให้คนที่ดื่มรู้สึกสดชื่น เลยขายดิบขายดีกันไป
- ชาติแรกที่ เติมนมในชา คนฝรั่งเศสเป็นชาติแรกที่เติมนมสดในน้ำชา ชาฝรั่งในยุคเริ่มแรกนั้นก็ดื่มเหมือนกับชาจีนครับ คือดื่มแต่น้ำชาล้วนๆ โดยไม่เติม นม น้ำตาล ลงไป แต่ก็คงเป็นเพราะวัฒนธรรมการกินดื่มของเขา ที่มักจะมีพวกนมเนยเป็นส่วนประกอบ จึงได้ทดลองเติมนมลงไปในน้ำชา ซึ่งก็ปรากฎว่า ได้ลิ้มรสชาติที่ละมุนไปอีกแบบ ส่วนใหญ่ชาที่เติมนมจะเป็นชาที่ผลิตจากอินเดีย หรือ ศรีลังกา จำพวก ชาอัสสัม ซีลอน จะเข้ากันได้ดีกับนม
- ชาถุง (tea bag) กล่าวกันว่าชาใส่ถุงจะให้ความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค ผู้ค้นพบวิธีเอาชาใส่ถุงคือคนจีน โดยบรรจุลงถุงผ้าไหมส่งไปลอนดอนแต่เอกสารหนึ่งกล่าวว่า โทมัส ซุลละแวน (Thomas Sullivan) เป็นผู้คิดค้นถุงใส่ชาที่แสนอำนวยความสะดวกและเหมาะสมกับรสนิยมคนรุ่นใหม่
- ชาบรรจุกระป๋อง เพื่อเอาใจผู้บริโภคที่เดินทางไกล หรือคนที่งานยุ่งไม่สนใจการกินอยู่ โรงงานอุตสาหกรรมได้เอาน้ำชาใส่กระป๋องเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2483
- ประเทศไทยพัฒนาเป็นครั้งแรกคือ ชากระป๋องลิปตัน เมื่อ พ.ศ. 2531 ด้วยการเติมกลิ่นมะนาวลงไป เมื่อดื่มตอนเย็นจัดมีรสชาติกลมกล่อมยิ่ง
- เมี่ยง เป็นผลิตภัณฑ์ชาที่ผ่านการนึ่งและหมักอย่างหนึ่งของคนไทยภาคเหนือ คนลาวและคนพม่า อาจกินเมี่ยงแบบเปรี้ยวๆ หรือโรยเกลือใส่เล็กน้อยก็จะเสริมรสชาติ เมี่ยงมีบทบาทในชีวิตจนเกิดคำพังเพยว่า "เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม" ปัจจุบันเมี่ยงถูกลดบทบาท เพราะคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจน้อยลง
- กากเมล็ดชา มีสารซาโปนีน (Saponin) ใช้สระผมและล้างสิ่งสกปรกออกจากเรือนผม ทำให้เส้นผมเป็นมัน ส่วนกากใบชาที่ชงแล้วนำมาพอกแผลน้ำร้อนลวกได้ น้ำมันจากเมล็ดชาทำเนยเทียมได้
- กำเนิดปั้นชา ยุคแรกๆ ชาวจีนดื่มชา จะใช้หม้อต้มและเทลงดื่มในชาม ต่อมาประมาณต้นศตวรรษที่ 16 มีการค้นพบปั้นชาขึ้นใกล้เมืองอี๋ชิงมณฑลเจียงซูโดยเด็กรับใช้คุณชายตระกูลอู๋ที่กำลังจะเดินทางไปสอบจอหงวน ได้แวะพักที่วัดจิน ซา ที่วัดนี้มีเตาเผาเพราะพระจะปั้นภาชนะดินใช้เอง วันหนึ่งหลังการเตรียมชงน้ำชาให้คุณชายท่องหนังสือเรียบร้อยแล้ว เด็กรับใช้ชื่อ กงชุน ได้หลบมาพักผ่อนและเห็นพระปั้นภาชนะดินอยู่ จึงเข้าร่วมวง ปั้นไปปั้นมา ปั้นเอาภาชนะทรงกลมมีฝาปิดด้านบนเติมหูจับ ต่อพวยกาออกมา กลายเป็นอุปกรณ์ชงชาและกรองใบชาใบแรกของโลก และยังเป็นต้นแบบของภาชนะชงชาชุดเครื่องเงินของราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษอีกด้วย
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
ขอบคุณภาพประกอบ http://thaiflavor888.blogspot.com, Dek-D.com, http://www.bloggang.com, http://www.ninemarket.com, http://www.thebestinsure.com, http://www.14kumpa.com
โพสท์โดย: mata
ที่มา: http://noo-ddd.blogspot.com
ที่มา: http://noo-ddd.blogspot.com
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
44 VOTES (4/5 จาก 11 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"แช่หรือไม่แช่? อ.เจษฎ์ชี้ชัด ซีอิ๊ว-ซอสหอยนางรม หลายบ้านทำผิด!"6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์แอฟ ทักษอร และ นนกุล คู่รักสุดอบอุ่น รับบทช่างภาพคู่ เฝ้ากองเชียร์ น้องปีใหม่ โชว์ความสามารถบนเวทีHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"วิธีใช้รีโมทแอร์ในโหมดต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้าหมอเหรียญทองกำลังมองหาสถานที่เช่าสำหรับตั้งซูเปอร์คลินิก เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีบัตรทองจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ