MU ยุคทรัมป์ - ตำนานนางฟ้าสวยทำได้
นับจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ซื้อกิจการและบริหารงานองค์กรนางงามจักรวาล (Miss Universe Organization) ตั้งแต่ปี 1996 การประกวดนางงามจักรวาลก็เข้าสู่ยุคแห่งการชิงไหวชิงพริบบนพื้นฐานของมิตรภาพ เพื่อพัฒนาตัวเองให้โดดเด่นเหนือคู่แข่งภายในช่วงเวลาเก็บตัว รวมทั้งเวลาที่ประกวดจริงไม่ถึง 2 ชั่วโมง และนี่คือส่วนหนึ่งของตำนานนางฟ้าที่ได้ครองตำแหน่งในยุคโดนัลด์ ทรัมป์
นางฟ้าสวยทำได้
นางฟ้ากลุ่มนี้เน้นฝึกฝนตัวเองเพื่อเสริมจุดเด่นให้ดีเยี่ยม จนสามารถคว้าตำแหน่งได้ท่ามกลางคำครหาครับ
บรู๊ค มาเฮลานี่ ลี (อเมริกา) MU 1997
ความเก๋และจริงใจ คือตัวตนที่ชัดเจนของเธอ บนเวทีที่ผู้เข้าประกวดพยายามโหมประดิษฐ์ตัวแข่งกัน จนกลบความเป็นตัวตนหมด แต่บรู๊คแสดงออกถึงความเป็นตัวตนของเธอ ผ่านทั้งเครื่องแต่งกาย บุคลิกภาพ รวมทั้งการตอบคำถามที่ไม่ใช่พิมพ์นิยมของนางงามทั่วโลก ถ้าเทียบสมัยนี้ก็ประมาณน้องญาญ่าครับ คนอื่นเป็นอย่างไรบรู๊คไม่เสียเวลาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อไปแข่งขัน เธอเน้นทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แข่งกับตัวเองเท่านั้น โดยเฉพาะคำถามข้อสุดท้าย “ถ้าชีวิตของคุณสามารถเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้เป็นเวลาหนึ่งวัน โดยที่คุณสามารถทำทุกสิ่งได้โดยไม่ต้องกลัวอะไร คุณจะทำอะไร” คำตอบของเธอคือ “จะทานอาหารทุกอย่างในโลกค่ะ พวกคุณคงไม่เข้าใจหรอกค่ะ แล้วดิฉันจะทานสองรอบด้วย” เรียกเสียงเฮชอบใจได้ลั่นฮอลล์ทีเดียว และเธอก็ยืนยันด้วยการจับท้องที่ไร้พุงของเธอ น่ารักมาก เธอประกาศเป็นนัยแทนอลิเซีย มาชาโด้ (เวเนซูเอล่า) MU 1996 ที่เกือบโดนกระแสโลกให้ปลดจากตำแหน่งเพราะน้ำหนักเกินว่า “นางงามก็หิวเป็นนะคะ”
เวนดี้ ฟิตซ์วิลเลี่ยม (ตรินิแดดและโตเบโก) MU 1998
เวนดี้เป็นนางงามผิวสีมีดีที่รูปร่างและ “น้ำใจ” ถึงหน้าตาเธอจะน่ารัก แต่เมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจขาอ่อน เธอกลับดูด้อยไปอย่างไม่เป็นธรรม แต่เวนดี้ก็เข้าใจจุดนี้ดี ด้วยรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ทำให้เธอผ่านรอบชุดว่ายน้ำได้ฉลุย และเธอเน้นจุดนี้ต่อเนื่องในรอบชุดราตรี ด้วยการเลือกชุดที่ไม่โป๊เปลือย แต่อวดถึงความได้สัดส่วนโค้งเว้าที่สวยงามของรูปร่าง เพื่อให้ตัวเองเข้ารอบต่อไปให้ได้ แล้วก็สำเร็จ ในการสัมภาษณ์ ทุกคำพูดแสดงออกถึงความห่วงใยเพื่อนมนุษย์อย่างใจจริง ทำให้เธอได้ตำแหน่งนี้ไปครองท่ามกลางความยินดีอย่างเหลือล้นของเพื่อนผู้เข้าร่วมประกวด ที่กรูเข้ามาแสดงความยินดีกับเวนดี้ การ์ดบนเวทีและนางงามจักรวาลปีก่อนหน้า ต้องฝ่าด่านเพื่อสวมมงกุฎให้เธอด้วยความยากลำบาก แต่นั่นก็เป็นการยืนยันว่า เวนดี้ไม่ได้เสแสร้งพูด เธอเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ซึ่งความดีใจของเพื่อนนางงามเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดี
เอ็มพูเล่ คเว-ลาโกเบ้ (บอตสวานา) MU 1999
เอ็มพูเล่ประสบความล้มเหลวในการประกวด Miss World ปี 1997 แต่เธอก็เลือกที่จะพัฒนาตัวเอง แล้วเป็นตัวแทนคนแรกจากบอตสวานาที่เข้าร่วมประกวดนางงามจักรวาลปี 1999 แม้ว่ารูปร่างหน้าตาเธอจะจัดอยู่ในระดับนางฟ้า แต่ด้วยแสนยานุภาพของมหาอำนาจขาอ่อนประเทศอื่น เธอก็ทำได้แค่เสมอตัวทั้งในรอบชุดว่ายน้ำและชุดราตรี กระนั้นความผิดหวังจากเวที Miss World ที่ทำให้เธอได้พบตัวเองว่า เธอมีความสามารถด้านการพูดโน้มน้าวจิตใจที่ดีเยี่ยม และเวที Miss Universe ก็เป็นอีกโอกาสที่จะให้เธอได้ใช้ความสามารถด้านนี้สร้างอนาคตให้ตัวเอง รอบสัมภาษณ์ทั้งสองรอบ เอ็มพูเล่จึงใช้ทักษะทางการพูดอย่างเต็มที่ จนอย่างโดดเด่นจนเหนือมหาอำนาจขาอ่อนประเทศอื่นอย่างขาดลอย เหล่ากรรมการก็ยอมรับในความตั้งใจจริงของเธอ ที่จะใช้ความสามารถด้านการพูดเพื่อช่วยเหลือสังคมโลก จึงยินดีให้โอกาสนี้กับเอ็มพูเล่ ซึ่งในระหว่างการดำรงตำแหน่ง เอ็มพูเล่ก็ได้รับการยอมรับในความสามารถจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติหลายแห่ง แม้ว่าจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว องค์กรด้านระดับนานาชาติหลายแห่งก็ต้องการให้เธอช่วยเป็นโฆษกให้
ริโยะ โมะริ (ญี่ปุ่น) MU 2007
ปีนั้นผมไม่ได้ดูถ่ายทอดสด ตอนที่ผมเห็นรูปเธอได้รับตำแหน่ง “เฮ้ย!! ได้ตำแหน่งได้ไงเนี่ย” และค่อนข้างเชื่อในข่าวลือว่า เธอได้รับตำแหน่งเพราะเป็นปีสุดท้ายที่จะใช้มงกุฎมิกิโมโตะ แต่เมื่อได้ดูการประกวดทั้งหมด และทราบประวัติการเตรียมตัวของเธอ ผมก็เปลี่ยนความคิดทันที
ริโยะเป็นชาวญี่ปุ่นแท้ ที่มีความอดทนเพียรพยายามทำงานหนักเป็นที่ตั้ง อีกทั้งครอบครัวที่ร่ำรวยของเธอ ก็ไม่ได้ใช้เงินเลี้ยงดูเธอให้เป็นง่อย แต่ให้ริโยะใช้เพื่อฝึกฝนและเตรียมพร้อมอย่างสร้างสรรค์ ตามความสามารถที่เธอมีอยู่อย่างเต็มที่ โดยมีคุณย่าและคุณพ่อคุณแม่คอยให้กำลังใจตลอดเวลาไม่มีอั้น ริโยะเดินทางไปเรียนเต้นรำทั้งที่แคนาดาและอเมริกา เพื่อสร้างตัวเองให้มีความสามารถทั้งร่างกายและจิตใจมากพอที่จะทำฝันของเธอให้เป็นจริง นั่นคือ การเป็นนางงามจักรวาลเพื่อใช้ชื่อเสียงสู่การเป็นนางแบบและสร้างโรงเรียนสอนเต้นรำนานาชาติที่ริโยะและแม่ของเธอรัก เมื่อกองประกวดของญี่ปุ่นเห็นความตั้งใจจริงจากผลงานที่ริโยะทำบนเวที จึงได้สร้างแผนทำคะแนนแต่ละรอบให้สูงสุดไม่ทิ้งกันดังนี้
ชุดว่ายน้ำ :
ข้อดีมากของริโยะคือ รูปร่างได้สัดส่วนจากการเต้นตั้งแต่เด็ก และสามารถจัดวางท่วงท่าให้ตัวเองได้อย่างดี ดังนั้น “ท่าเดินนมสะเทือน” อันเป็นเอกลักษณ์ของริโยะตอนประกวดที่ญี่ปุ่น จึงถูกพัฒนาให้หนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้นบนเวทีนางงามจักรวาล (ผมชอบมาก ^^ ความคิดดีมากด้วย เพราะกรรมการและคนดูไม่สามารถมองสิ่งใดได้เลยนอกจากทรวงอกของเธอ) แล้วก็สำเร็จ ริโยะได้คะแนนชุดว่ายน้ำเป็นที่หนึ่งบนเวทีนางงามจักรวาลในคืนนั้น
ชุดราตรี :
กองประกวดญี่ปุ่นและตัวริโยะ คงได้เห็นชุดชุด Gucci แนวสเปนที่ คุราร่า จิบานะ Miss Japan Universe ปีก่อนหน้าริโยะใส่ออกงาน ว่าเหมาะสำหรับใช้ประกวดที่เม็กซิโก และด้วยความเป็นประเทศต้นกำเนิดของนินจา กองประกวดญี่ปุ่นจึงออกแบบให้ริโยะเดินกรีดชายกระโปรงขึ้นให้เหมือนผีเสื้อบินทุกรอบ ซึ่งนอกจากจะทำให้เธอเด่นยามเดินเดี่ยวแล้ว ยังสามารถใช้กระโปรงบังผู้เข้าแข่งขันคนอื่นยามเดินเป็นกลุ่มไปในตัวได้อีกด้วย จนเธอก็ทำคะแนนได้เป็นที่สี่ และสามารถเข้ารอบสุดท้ายได้
การสัมภาษณ์ :
แม้ภาษาอังกฤษของริโยะจะจัดอยู่ในระดับดีมาก เพราะเธอไปเรียนด้านการเต้นรำที่แคนาดาและนิวยอร์คตั้งแต่ม.ปลาย (โมริเป็นนามสกุลผู้ดีของญี่ปุ่นครับ ไม่ต้องงงว่าทำไมเธอถึงเรียนอะไรได้มากมาย) แต่เธอเลือกใช้ล่ามครับ เพราะเธอจะได้ฟังคำถามสองรอบ (อังกฤษรอบนึง ญี่ปุ่นรอบนึง) และไม่ต้องเสียเวลากังวลตอบเป็นภาษาอังกฤษที่ความหมายอาจจะเพี้ยนจากที่ต้องการสื่อ อีกทั้งยังเว้นจังหวะการตอบไม่ให้ยาวเกินไป ล่ามจะได้แปลได้ถูกต้องเต็มที่ภายในเวลาที่บีบคั้น ซึ่งถ้าเป็น Blind Audition แบบ the voice ตำแหน่งควรเป็นของเธอครับ กรรมการถามว่า “บทเรียนใดที่คุณได้เรียนเมื่อตอนเป็นเด็กและมีผลกับคุณจนถึงปัจจุบัน” คำตอบของริโย “ดิฉันเรียนเต้นรำตั้งแต่เด็กค่ะ และจากการใช้ชีวิตโตมาท่ามกลางเพื่อนนักเรียนและคุณครู ดิฉันได้เรียนรู้ว่า เราจะต้องรู้จักทำให้ตัวเองมีความสุข อดทน และมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ และนี่คือสิ่งที่ดิฉันต้องการถ่ายทอดให้เด็กรุ่นต่อๆ ไปค่ะ”
เมื่อได้ตำแหน่ง ชะตากรรมของริโยะก็ไม่ต่างจาก อะคิโคะ โคะจิมะ นางงามจักรวาลคนแรกของญี่ปุ่นครับ ถูกพายุคำวิจารณ์โหมกระหน่ำใส่ว่ามีความสวยไม่พอกับตำแหน่ง แม้กระทั่งนางงามจักรวาลปีก่อนเองก็ดูไม่ค่อยพอใจนัก ทำมงกุฎร่วงตอนมอบตำแหน่ง แม้ความสวยของริโยะอยู่ในระดับที่ทำให้ผู้ชายแท้มองเหลียวหลังน้ำลายยืดได้ก็จริงอยู่ แต่เมื่อเทียบมาตรฐานนางงามแล้ว เธอก็ไม่ถึงขั้นที่จะจัดอยู่ในกลุ่ม “สวยมาก” ซึ่งริโยะคงเจอการไม่ยอมรับในลักษณะนี้มามากตอนเรียนเต้นที่เมืองนอก ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะยิ้มรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพื่อขอโอกาสให้เธอได้พิสูจน์ตัวเอง สุดท้ายความสามารถที่ติดตัวเธอ ก็ช่วยให้เธอคว้ามงกุฎมาสวมไว้ได้ตามสัญชาตญาณนักรบแดนอาทิตย์อุทัย
ในช่วงเวลาการประกวด ริโยะ ทำให้กรรมการทุกคนเห็นได้ชัดเจนว่า เธอมีศักยภาพสูงมากที่จะปฏิบัติหน้าที่นางงามจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นการวางตัว บุคลิกภาพ ความอดทนฝึกฝน และการพัฒนาที่เห็นได้ชัดเจน ถึงตำแหน่งที่เธอได้มาจะสร้างทั้งข้อครหาและความไม่พอใจในช่วงแรก แต่การปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ริโยะ ก็ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในวงกว้างว่า สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ไม่บกพร่อง
ริโยะไม่ได้ทำศัลยกรรมหรือประดิษฐ์ท่าทางคำพูดจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนที่นางงามหลายคนเลือกทำเพื่อให้ได้ตำแหน่ง ริโยะเป็นตัวอย่างของผู้หญิงธรรมดา ที่เลือกฝึกฝนการเต้นรำที่เธอรัก จนกลายเป็นความสามารถที่ช่วยให้เธอทำสิ่งที่ฝันไว้ให้เป็นจริงได้ด้วยตัวตนที่เธอเป็นจริงๆ เธอไม่ยอมเป็นคนด้อยค่าที่ยอมแพ้กับข้อจำกัดต่างๆ ของตัวเอง แต่มุ่งมั่นพัฒนาตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ เพื่อให้ตัวเองโดดเด่นพอที่ได้มาซึ่งโอกาสในการทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง ในคืนอำลาตำแหน่ง ริโยะได้ให้ของขวัญกับนางงานรุ่นหลังและผู้หญิงทั่วโลก จากการทำให้เห็นจริงด้วยชีวิตของเธอ "ดิฉันอยากบอกกับพวกคุณที่เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหลายว่า ถ้าดิฉันทำได้ พวกคุณก็ต้องทำได้เช่นเดียวกัน อย่ายอมแพ้ มุ่งหน้าทำตามฝัน อดทน มองโลกในแง่บวก และมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ"