ใครใคร่ชอบสปอยล์ เชิญ The hobbit ขอบอก
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก http://welovemovieclub.com เราเลือกอันนี้มาให้อาจ เพราะเห็นด้วยในหลายๆจุด อย่างเรื่องภาพนี้ไปดูโรงกรุงศรีไอแม็กซ์ สุดยอดเลย จากที่อลังอยู่แล้วยิ่งอลังใหญ่เลย หนังแนะนำให้ไปดูเสาร์นี้เลย อิๆ
http://www.majortrailers.com/detail.php?tid=760
“The Hobbit: An Unexpected Journey” ไม่เพียงจะเข้าฉายในระบบ HFR 3D ระบบใหม่ล่าสุดของโลกภาพยนตร์ที่ให้ภาพสมจริงยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่หนังยังเข้าฉายในระบบจอยักษ์ IMAX 3D อีกด้วย โดยอย่างที่ทราบกันดีว่าผู้กำกับ Peter Jackson ใส่ใจในเรื่องของการเลือกหาโลเกชั่นสวยๆ และ งานด้านภาพไม่แพ้ในส่วนของความละเอียดในเนื้อหาหรือนักแสดงเลยทีเดียว ซึ่งในหนังเรื่องนี้ก็จัดได้ว่ามาพร้อมการนำเสนอภาพสถานที่ต่างๆบนดินแดนมิดเดิ้ล-เอิร์ธได้อย่างสวยงามอลังการที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น ริเวนเดลอาณาจักรแห่งเอลฟ์ , ฉากสถานที่ต่างๆอันเป็นป่าเขา หรือ ที่ราบกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่สวยงามชวนตื่นตาตื่นใจ ซึ่งนอกจากนี้ในส่วนของฉากแอคชั่นต่างๆก็ถือว่านำเสนอออกมาได้น่าตื่นตาไม่แพ้กัน อาทิ การเผชิญหน้ากับโทรลล์ 3 ตัวกลางป่าลึก ที่ให้อารมณ์สนุกสนานเฮฮา , ฉากการเดินผ่านหุบเขาของคณะเดินทางก่อนจะตกอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างยักษ์ศิลา , การไล่ล่ากลางที่ราบของเหล่าออร์ค และที่โดดเด่นที่สุดก็คงไม่พ้นฉากการบุกตะลุยอาณาจักรใต้ดินของก็อบลินที่นอกจากจะมาพร้อม CG และความสนุกติ่นเต้นชวนลุ้นที่อยู่ในระดับน่าชื่นชมแล้ว การนำเสนอฉากๆนี้ด้วยมุมกล้องที่ทิ้งแนวดิ่งขึ้นลงไปมาอย่างอิสระก็ยิ่งเสริมความน่าทึ่งให้กับฉากๆนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อภาพมาพร้อมมุมกล้องที่เจ๋งและหวือหวาในตัวอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้การชมบนจอใหญ่ในระบบ IMAX 3D อุดมไปด้วยความบันเทิงที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นตามไปด้วย
หากจะว่าไปก็ต้องชมผู้กำกับ Jackson ที่เหมือนจะสร้างสรรค์หนังเรื่องนี้มาเพื่อรองรับและให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมในทุกระบบในโรงภาพยนตร์จริงๆ เพราะ ถ้าการฉายในระบบ HFR 3D เป็นการทำให้ผู้ชมดื่มด่ำการผจญภัยในแบบสมจริงด้วยภาพที่คมชัดสุดๆของโลกในโรงภาพยนตร์เวลานี้แล้ว การได้ชมบน IMAX 3D ก็ถือเป็นความบันเทิงแบบเต็มตา เต็มอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่สมกับเรื่องราวการผจญภัยอันใหญ่ยิ่งของตัวละครจริงๆ
ด้านฉากที่ถือว่าน่าจดจำที่สุดในหนังภาคนี้ก็ขอยกให้กับฉากการเผชิญหน้ากันระหว่าง Bilbo และ Gollum ภายในถ้ำใต้ดิน ซึ่งไม่เพียงหนังจะมาพร้อมการนำเสนอตัวละคร Gollum ที่ถูกแหวนครอบงำจนกลายเป็นทาสอย่างสมบูรณ์แบบดั่งที่เราได้เห็นในหนังชุด The Lord of the Rings เท่านั้น แต่ภาพการทายปริศนาระหว่าง Bilbo และ Gollum กับการที่ Bilbo ต้องคอยใช้ไหวพริบในการแก้ปริศนาของอีกฝ่ายให้ได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของ Gollum ก่อนที่ปริศนาข้อสุดท้ายของ Bilbo จะนำไปสู่การไล่ล่าภายในถ้ำลึกแห่งนี้ ภาพ Bilbo ที่อยู่ภายใต้พลังแห่งแหวนและมือข้างหนึ่งถือดาบจ่อไปที่ร่างของ Gollum ที่กำลังคลุ้มคลั่งจากการเสียของรักไป สายตาของ Bilbo ณ นาทีนั้นเต็มไปด้วยความสับสน , วุ่นวายใจ และ อยากยุติปัญหาตรงหน้านี้ให้จบสิ้น ซึ่งนับเป็นฉากที่บีบอารมณ์และนำเสนอได้อย่างดีกับเหตุการณ์ที่จะกลายมาเป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญของอนาคตแห่งมิดเดิ้ล-เอิร์ธในอนาคต
โดยรวมแล้ว “The Hobbit: An Unexpected Journey” ถือเป็นปฐมบทแห่งของผจญภัยที่มาพร้อมความลงตัวในการเป็นหนังแฟนตาซีดราม่าแอคชั่นที่สนุกสนานได้อย่างดีเยี่ยม หนังมาพร้อมความยาวถึง 169 นาที ซึ่งการที่นิยายเล่มเดียวถูกแบ่งออกเป็นหนัง 3 ภาคจบ แถมแต่ละภาคมีความเป็นไปได้ว่าจะยาวเกิน 2 ชั่วโมง ทำให้หลายคนมองว่าหนังจะยืดยาดน่าเบื่อหน่ายได้ แต่ว่ากันตามตรงแล้ว การดำเนินเรื่องใน “The Hobbit: An Unexpected Journey” ก็ถือว่ามีความค่อยเป็นค่อยไปในการให้ผู้ชมซึมซับลักษณะนิสัยตัวละครต่างๆได้อย่างชวนติดตาม ก่อนที่จะค่อยๆทวีความเข้มข้นของเนื้อหาขึ้นเรื่อยๆจนถึงฉากสุดท้ายที่เชื่อว่าใครหลายคนคงอยากจะชมบทต่อไปของคณะผจญภัยนี้จนแทบอดใจไม่ไหวเป็นแน่ !!
http://www.majortrailers.com/detail.php?tid=760