วิหารอาบูซิมเบลกับเรื่องราวอัศจรรย์
ความยิ่งใหญ่ของฟาโรห์นั้นอาจจะดูได้ในหลายๆ ด้าน เช่น การแผ่ขยายอาณาจักร การสร้างพีระมิดหรือการสร้างมหาวิหารต่างๆ ในวันนี้ก็จะพาเพื่อนๆ ไปยังดินแดนนูเบียใกล้ชายแดนประเทศซูดาน ห่างจากเมืองอัสวานราว 200 ไมล์ มีมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์ นั่นคือ "วิหารอาบูซิมเบล"
วิหารอาบูซิมเบล เป็นสถาปัตยกรรมหินทรายอายุกว่า 3,000 ปี สร้างขึ้นในสมัยองค์ฟาโรห์รามเสสที่ 2 เพื่อบูชาเทพอามุน-รา วิหารแห่งนี้เจาะภูเขาเข้าไป ส่วนด้านหน้ามีรูปสลักองค์ฟาโรห์ราเสสที่ 2 สวมมงกุฎ มีเครายาว ประทับนั่งอยู่ด้านหน้าจำนวน 4 รูป
รูปสลักองค์ฟาโรห์ใหญ่โตมาก โดยดูจากใบหูของพระองค์ใหญ่โตวัดได้ประมาณ 4 เมตร ทั้งนี้ รูปสลักองค์ที่ 2 จากซ้ายมือพังเสียหายจากแผ่นดินไหว เมื่อพันปีก่อน ตรงพระบาทของรูปฟาโรห์มีรูปปั้นโอรสและธิดาของพระองค์ ด้านบนมีรูปสลักลิงบาบูน 22 ตัว ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าวิหารนี้สร้างเมื่อพระองค์ครองราชย์ เป็นปีที่ 22 เมื่อเข้าไปในวิหารจะพบว่ามีรูปสลักฟาโรห์ อีก 8 รูปประทับยืนทั้งสองข้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือน
บนกำแพงด้านเหนือวาดภาพสดุดีเรื่องราวของฟาโรห์รามเสสที่ 2 เมื่อครั้งเอาชนะศัตรูที่เมืองคาเดช ซึ่งเป็นภาพที่ฟาโรห์ขับรถศึกและภาพถือดาบตัดคอศัตรู
ภาพด้านล่างเป็นห้องเคารพที่ศักดิ์สิทธิ์ในวิหารมีรูปปั้นของเทพ 4 องค์ประทับนั่งเป็นประธาน ประกอบด้วยเทพทาห์ อามุน-รา ฟาโรห์รามเสสที่ 2และ เทพรา-ฮาริกเท
ทางด้านเหนือของวิหารมีวิหารเล็กเพื่ออุทิศให้เนเฟอร์ตารีองค์มเหสีของฟาโรห์ มีการกล่าวกันว่า ฟาโรห์รามเสสทรงหลงรักมเหสีองค์นี้มาก ซึ่งเหนือกว่าบรรดาสนมทั้ง 51 องค์ วิหารอาบูซิมเบลสร้างไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ และมีการทิ้งร้างไว้จนตะกอน
โคลนดินทับถมจนมิดมานานนับพันปี เพื่อรอการค้นพบอีกครั้งในปี พ.ศ. 2356 นักสำรวจชาวสวิสได้พบรูปปั้นยักษ์โผล่ขึ้นเหนือทรายจึงได้ขุดค้นและต่อมามีการบูรณะ ทั้งนี้ เมื่อครั้งสร้างเขื่อนอัสวาน วิหารก็จมอยู่ใต้บาดาลจนยูเนสโก้ลงมาให้ความช่วยเหลือพร้อมกับเงินสนับสนุนจากประเทศต่างๆ เพื่อเคลื่อนย้ายวิหารออกไปโดยตัดวิหารออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาต่อใหม่เหมือนจิ๊กซอว์
การโยกย้ายวิหารในครั้งนี้ใช้วิศวกรนับ 200 คน ใช้แรงงานประมาณ 1,000 คน ตัดหินออกมา 1,086 ชิ้น แต่ละชิ้นหนัก 20-30 ตัน ใช้เวลาโยกย้ายถึง 4 ปีเต็ม การย้ายวิหารมาอยู่ที่ใหม่นั้นตำแหน่งต่างๆ ต้องเหมือนเดิมทุกประการ ทั้งทิศทางลมและแสง แม้กระทั้งต้นไม้ก็ถอนมาปลูกให้เหมือนเดิม (สุดยอด) เว้นแต่ภูเขาที่ยากจะยกมาเพราะใช้งบมหาศาล วิศวกรก็สร้างภูเขาเทียมขึ้นมาแทน เมื่อย้ายวิหารมาครบก็พบเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ โดยมีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้าไปกระทบรูปปั้นทั้ง 4 ที่ห้องเคารพอันศักดิ์สิทธิ์ ราวกับว่าจะปลุกเทพให้คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
แสงที่สาดส่องเข้ามาในวิหารนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำปีละ 2 ครั้ง คือกุมภาพันธ์ และตุลาคม โดยก่อนหน้าที่โยกย้ายวิหารมาก็ปรากฏแสงในแบบเดียวกันมาแล้วกว่าสามพันปีก่อน โดยเมื่อย้ายมาที่ใหม่ก็ยังปรากฎว่ามีแสงส่องมาเหมือนเดิม จนเป็นปริศนามาถึงทุกวันนี้ว่าเขาเรียนรู้และสร้างวิหารให้มีแสงส่องเข้ามาได้อย่างไร โดยแสดงให้เห็นว่าคนอียิปต์โบราณนั้นมีความรู้ชั้นสูงในการสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ และความรู้ทางดาราศาสตร์ หรืออาจเป็นเพราะสิ่งเร้นลับอะไรกันแน่ ...........................
ขอบคุณภาพประกอบบางภาพ http://looklex.com
ขอบคุณวิดิโอ youtube.com
ที่มา: http://zensuz.exteen.com