พิธีรดน้ำสังข์ ตำนานและข้อสงสัยทำไมต้องใช้หอยสังข์?
พิธีอันสำคัญของคนไทย ในพิธีแต่งงานแบบไทย อีกพิธีหนึ่งก็คือ พิธีรดน้ำสังข์ หรือ หลั่งน้ำพุทธมนต์ เคยสงสัยกันไหมครับว่า พิธีรดน้ำสังข์ มีที่มาที่ไปยังไง และทำไมจึงต้องใช้หอยสังข์ เป็นหอยอื่นหรือสิ่งของอื่นไม่ได้เหรอ วันนี้ผมหาข้อมูลมาฝากเพื่อนๆกันครับ
ประวัติความเป็นมาของพิธีรดน้ำสังข์
หอยสังข์ ซึ่งถือกันว่าเป็นของที่มงคล และมักนำมาใช้ในงานมงคลต่างๆ ซึ่งมีที่มาจากเรื่องเล่าต่อกันมาว่า เมื่อครั้งพระอิศวรสร้างเขาพระสุเมรุแล้ว พระองค์ก็มีประกาศิตให้พระพรหมธาดาขึ้นไปอยู่ในพรหมโลก ให้เป็นใหญ่กว่าพระพรหมทั้งหลาย ในครั้งนั้นพระพรหมที่มีจิตใจริษยาต่างก็ไม่พอใจ จึงจุติลงมาเป็นสังข์อสูรอยู่ใต้เขาพระสุเมรุ ครั้งนั้นพระพรหมธาดาได้นำเอาคัมภีร์มาถวายพระอิศวรเกิดอยากสรงน้ำ จึงได้วางคัมภีร์ไว้ริมฝั่งแล้วเสด็จลงน้ำ
ฝ่ายสังข์อสูรเมื่อเห็นเช่นนั้น จึงได้ให้ผีเสื้อน้ำไปลักเอาคัมภีร์นั้นมาแล้วก็กลืนเข้าไว้ในท้อง ฝ่ายองค์พรหมธาดาเมื่อขึ้นมาจากน้ำไม่เห็นคัมภีร์ จึงรีบไปเข้าเฝ้าพระอิศวรทูลเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทรงทราบ เมื่อพระศิวะเจ้าเข้าฌานก็ทราบถึงสาเหตุ จึงได้เชิญพระนารายณ์มา และให้เป็นธุระในการนำคัมภีร์กลับมา พระนารายณ์จึงได้แปลงกายเป็นปลากรายทอง นามว่า “มัจฉาวตาร” ไล่ล่าสังหารผีเสื้อน้ำ และเข้าโรมรันกับสังข์อสูร ในที่สุดก็เอาชนะสังข์อสูรได้ แล้วสำแดงองค์คืนร่างเป็นพระสี่กร ยื่นพระหัตถ์เข้าไปในปากสังข์อสูรเพื่อหยิบเอาพระคัมภีร์
บางตำนานก็ว่าทรงแหวกปากของสังข์อสูรออก จากนั้นสาปสังข์อสูรว่า สังข์อสูรเป็นพรหมมาจุติและกลืนคัมภีร์พระเวย์เข้าไป อีกทั้งยังมีรอยนิ้วพระหัตถ์แห่งพระองค์ปรากฏอยู่ด้วย นับว่าเป็นมงคล ดังนั้น ถ้าผู้ใดจะทำการมงคลในภายภาคหน้าก็จงเอาสังข์เข้าไปอยู่ในพิธีนั้น ผู้ใดรดน้ำในอุทร สังข์ก็ให้เป็นมงคลกันอุบาทว์เสนียดจัญไร ถ้าเป่าก็ให้เป็นมงคลไปจนสุดเสียงสังข์ ครั้งสาปแล้วพระนารายณ์ก็นำคัมภีร์ไปถวายพระอิศวร และเสด็จกลับเกษียรสมุทร ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพราหมณ์จึงถือว่าหอยสังข์ที่ปากมีริ้ว 2 – 4 ริ้ว อันเกิดจากนิ้วพระหัตถ์ของพระสี่กรปรากฏอยู่นั้น เป็นสังข์สำคัญ
เมื่อยักษ์สังข์อสูรนั้นอยู่ในมหาสมุทรเนิ่นนานเข้าจึงได้กลับกลายมาเป็น “หอยสังข์” และมีสภาพเหมือนกับที่พระนารายณ์สาปไว้ทุกประการ ตามบริเวณร่างกายของหอยสังข์นั้น ได้มีรอยนิ้วพระหัตถ์ของพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้ายังปรากฏอยู่ ในขณะที่พระองค์ทรงบีบปากเพื่อค้นหาคัมภีร์พระเวย์เมื่อครั้งแรก และที่ปากของหอยสังข์มีรอยยาวออกมานั้น ก็เพราะพระนารายณ์ลากคัมภีร์พระเวย์ต่าง ๆ ออกมาทางปาก ครั้งเมื่อถึงเวลาจะทำพิธีมงคลต่าง ๆ จึงจะนำหอยสังข์นั้นมาเข้าร่วมอยู่ในพิธีมงคลต่าง ๆ อย่างพิธีแต่งงาน เพราะหอยสังข์เคยเป็นที่บรรจุพระเวย์ต่าง ๆ ไว้ในท้องของตนจนครบทุกประการ
ส่วนที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ สังข์เป็นหอยทะเลกาบเดี่ยว เปลือกมีสีขาวบริสุทธิ์ เนื้อแข็งละเอียด พวกพราหมณ์ถือว่าสังข์เป็นของศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคล เพราะหอยสังข์สีขาว ไม่มีลวดลายไฝฝ้าราคี อีกทั้งเปลือกหอยนั้นเวียนขวา เมื่อเทน้ำออกมาน้ำก็จะไหลเวียนขวาอันเป็นทิศทางที่ถือกันว่าเป็นมงคล แต่เหตุผลสำคัญที่สุดก็คือ พระนารายณ์ซึ่งเป็นเทพเจ้าของพวกพราหมณ์ ทรงสังข์ด้วยอย่างหนึ่งพระนารายณ์นั้นมีสี่กร แต่ละกรถือของอย่างหนึ่งดังนี้ คือ คทาจักร สังข์ และดอกบัว ด้วยเหตุที่พระนารายณ์ทรงสังข์ พระนามหนึ่งของพระองค์จึงมีว่า “สังขกร” แปลว่า ผู้มีสังข์อยู่ในมือ
ส่วนท่าน ว.วชิรเมธี ได้ให้ความหมายของการใช้หอยนั้นก็ทำนองเดียวกัยพราหมณ์ แต่ส่วนน้ำนั้นได้ให้ความหมายไว้อย่างมีหลักเหตุผลที่ดีคือ น้ำนั้นแสดงถึงความเย็นและเป็นปึกแผ่น ถึงแม้จะมีก้อนหินหย่อนลงไปมันก็จะแยกได้สักครู่ก็จะกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ก็สอนให้คู่รักรู้จักที่จะรักและสร้างความเป็นปึกแผ่น มั่นคง ไม่แปรเปลี่ยนไปเหมือนน้ำนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้พวกพราหมณ์จึงใช้หอยสังข์ในพิธีมงคล ไม่ว่าใช้เป่าหรือใช้ใส่น้ำมนต์ รวมทั้งใช้หลั่งน้ำแก่คู่สมรส ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ไทยรับมาจากพราหมณ์นั่นเอง
มีเพื่อนๆ คนไหนเคยผ่านการรดน้ำจากหอยสังข์แล้วหรือยังครับ ขอให้ทุกคนพบกับความรักที่ดีมีความสุขและมีโอกาสได้รับน้ำสังข์พุทธมนต์กันทุกคนนะครับ แล้วพบกันใหม่ครับ....mata
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
ขอบคุณภาพประกอบ บ้านวิวาห์
ที่มา: ท่าน ว.วชิรเมธี, th.wikipedia.org, banviva.com,