หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รวมรายชื่อภูติ ผี สัตว์ประหลาด และเทพยดา สัญชาติไทย มีเยอะ

โพสท์โดย กSะเจี๊้eวxวๅu

1. กระสือ เป็นชื่อผีชนิดหนึ่งที่ถือว่าเข้าสิงในตัวผู้หญิงและชอบกินของโสโครก คู่กับ "กระหัง" ซึ่งเข้าสิงในตัวผู้ชาย

2. กระหัง ตามความเชื่อพื้นบ้านมีลักษณะเป็นผีผู้ชาย ที่มีอุปนิสัยคล้ายกับกระสือ สามารถบินได้ โดยใช้กระด้งฝัดข้าวลักษณะคล้ายปีกโผบิน และนั่งบนสากตำข้าวควบคู่กัน จริงๆแล้วตามความเชื่อ การที่จะเป็นกระหังได้นั้นไม่ยาก การเป็นกระหังเกิดจาก การผิดครู คือ ผิดคำที่สัญญากับครู (อาจารย์ทางเวทมนตร์) เช่น ต้องห้ามกินอาหารที่เป็นบวบ ห้ามเดินลอดสะพาน การผิดครูจะทำให้เกิดเป็นกระหังประเภทหนึ่ง

3. กองกอย เป็นผีป่าชนิดหนึ่ง (ผีไพร) ลักษณะรูปร่างจะเป็นผีที่มีขาข้างเดียว มีปากเป็นท่อเหมือนแมลงวัน เวลาไปไหนมาไหนจะกระโดดไปด้วยขาข้างเดียว และส่งเสียงร้องว่า " กองกอย ๆ " หรือบ้างก็ว่าร้อง "ก๋อยๆ" อันเป็นที่มาของชื่อ เชื่อว่ามีหน้าตาคล้ายลิงหรือค่าง บ้างเรียกว่า ผีโป่ง หรือผีโบ่งขาม สันนิษฐานว่า ความเชื่อเรื่องผีโป่ง ก็คือ ค่างแก่ที่หน้าตาน่าเกลียดไม่สามารถขึ้นต้นไม้ได้ มีความเชื่อของคนบางกลุ่มว่า ถ้าได้ดื่มเลือดค่างจะทำให้ร่างกายคงกระพันเป็นอมตะ เชื่อว่า ผีกองกอย จะดูดเลือดจากหัวแม่เท้าของคนค้างแรมในป่า วิธีการป้องกันคือ ให้นอนไขว้ขาหรือชิดเท้ากันทั้งสองข้าง

4. กุมารทอง กุมารเทพ /กุมารพราย เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทยเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ที่มาของกุมารทองมาจากการเลี้ยงภูติผีปีศาจไว้ใช้งาน โดยกุมารทองจะเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชาย หากเป็นวิญญาณผู้หญิงที่คนเลี้ยงไว้จะเรียกว่า "โหงพราย"

5. โขมด โขมดป่า/โขมดดง (ขะ-โหฺมด) เป็นผีชนิดหนึ่ง มาจากภาษาเขมร "โขฺมจ" แปลว่าผีทั่วไป พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่าผีโขมดจัดอยู่ในพวกผีกระสือหรือผีโพง เห็นเป็นดวงไฟลอยวูบวาบไปมาในเวลากลางคืน (เช่นจากนิยาย เพชรพระอุมา) พอเข้าไปใกล้ก็หายไป วิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นแก๊สมีเทนที่เกิดจากซากพืชและสัตว์ที่เน่าเปื่อยผุ พัง

6. ควายธนู เป็นเครื่องรางตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ สะท้อนให้เห็นระบบความเชื่อทางไสยศาสตร์ของสังคมเกษตรกรรม อันมีความผูกพันกับวัฒนธรรมข้าว ซึ่งเลี้ยงวัวควายไว้ใช้งานในด้านการเกษตร วิชาเหล่านี้เป็นการทำหุ่นพยนต์รูปแบบหนึ่ง หุ่นพยนต์สามารถทำได้ทั้งรูปคนและสัตว์ ที่นิยมมีทั้งวัวธนูและควายธนู สามารถสร้างได้หลายวิธี เช่น สานจากไม้ไผ่ ปั้นด้วยดินผสมมวลสาร ปั้นจากขี้ผึ้ง ไปจนถึงหล่อขึ้นด้วยโลหะอาถรรพ์ เช่น ตะปูโลงศพเจ็ดป่าช้า ,เหล็กขนันผีพราย ,เหล็กยอดเจดีย์ เป็นต้น เอามาหลอมรวมกันหล่อเป็นรูปควาย บางสำนักใช้โครงเป็นไม้ไผ่แล้วพอกด้วยครั่งที่ได้จากต้นพุททรา เมื่อทำสำเร็จแล้วต้องปลุกเสกตามพิธีกรรม แล้วเลี้ยงไว้ให้ดี ต้องหาหญ้าและน้ำเลี้ยงเสมอ เชื่อว่าสามารถใช้ให้เฝ้าบ้านหรือไร่นา ใช้งานได้ตามความประสงค์ ทั้งป้องกันภูตผีและโจรผู้ร้าย และสามารถสั่งให้ไปสังหารคู่อริได้อีกด้วย


7. นางตะเคียน เป็นผี ตามตำนานพื้นบ้านของไทย เป็นผีผู้หญิง สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียน
บริเวณผืนป่าที่ผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่จะสะอาดสะอ้านเหมือนมีคนมาปัดกวาด อยู่เสมอๆ ก็คงเหมือนกับคนอยู่บ้านต้องออกมาปัดกวาดหน้าบ้านตัวเองให้สะอาดอยู่ตลอด เวลานั่นเอง
นางตะเคียนมักมีรูปร่างหน้าตาสะสวย หมดจดงดงาม ผมยาว ห่มสไบ ใส่ผ้าถุง บางที่ก็ว่าแต่งตัวเหมือนสาวบ้านป่าทั่ว ๆ ไป ผีนางตะเคียนมักจะเป็นจำพวกหวงที่อยู่ และจะดุร้ายมากหากใครคิดจะรุกรานที่อยู่ของตน
ผู้คนที่มีความเชื่อเรื่องนี้ มักเชื่อว่าต้นตะเคียนมักมีผีนางตะเคียนสิงอยู่ การจะนำเอาต้นตะเคียนมาขุดเป็นเรือ (เรือสมัยก่อนใช้วิธีขุดขึ้นจากต้นไม้ทั้งต้น) หรือนำไม้ตะเคียนมาสร้างบ้าน จำเป็นจะต้องทำพิธีบวงสรวงขออนุญาตจากนางตะเคียนก่อน ทั้งนี้ เมื่อต้นตะเคียนที่ถูกนำมาแปรสภาพเป็นยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้างแล้ว นางตะเคียนที่สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงสถานะตามไปด้วย เช่น ถ้าเป็นเรือ นางตะเคียนก็จะกลายเป็นแม่ย่านางเรือ เป็นต้น


8. นางตานี จะมีรูปร่างหน้าตาสวยสด หมดจด งดงาม ห่มสไบสีเขียว และนุ่งโจงกระเบนแบบหญิงโบราณชอบล่อชายให้หลงใหลและเข้าไปลวนลามจนกลายเป็น เมีย เเละนางตานียังมีเเรงหึงหวงที่น่ากลัวอีกด้วย เพราะถ้าชายที่มีอะไรกับนางเเล้ว เมื่อไปมีผู้หญิงคนอื่นนางตานีก็จะตามไปหักคอชายผู้นั้นทันทีด้วยเเรงหึงหวง นั้นเอง

9. นางนาค หรือ แม่นาค พระโขนง เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีตายทั้งกลมที่เป็นที่รู้จักกันดีเรื่องหนึ่งของ ไทยเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในรัชสมัย รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันมี ศาลแม่นาค ตั้งอยู่ที่ วัดมหาบุศย์ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร

10. ปอบ หรือ ปอป เป็นผีจำพวกหนึ่ง ที่เล่าต่อๆ กันมาในตำนวนพื้นบ้านของไทย โดยเชื่อกันว่าเป็นผีที่กินของดิบๆ สดๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม โดยมีความเชื่อว่า คนที่จะกลายเป็นปอบนั้น มักจะเล่นคาถาอาคม หรือคุณไสย พอรักษาคาถาอาคมที่มีอยู่กับตัวไม่ได้ ของนั้นเลยแตก ไม่สามารถบังคับตนเองได้จนกลายเป็นปอบ ปอบไม่มีวันตายจนกว่าจะเจอทายาท

11. เปรต เป็นผีตามความเชื่อไทย มีรูปร่างสูงเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ผิวดำ ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม และเปรตจะหิวอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากกินอะไรไม่ได้ จึงชอบมาขอส่วนบุญในงานบุญต่างๆ ซึ่งเมื่อสะสมบุญได้แล้วเกิดใหม่ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างที่ เป็นอยู่


12. เทพารักษ์ เทพารักษ์ เป็นเทพระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นเทพที่อยู่ในสวรรค์ชั้น กามาพจรภพ เทพารักษ์ จะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ เรียกว่า รุกขเทวดา ส่วนเทพารักษ์ที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนจะเรียกว่า เจ้าที่เจ้าทาง

13. ผีกะเขียนอย่างวิชาการคือ ผีกละ เป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ผีพวกนี้จะมีลักษณะคล้ายผีปอบ คือเข้าสิงในคน และชอบกินของสดของคาว คนที่เลี้ยงผีกะ เป็นคนที่มีวิชาอาคม เล่นคุณเล่นของ ผีกะจะถูกเลี้ยงไว้ในหม้อดิน โดยมีผ้ายันต์สีขาวปิดปากหม้อไว้ โดยจะวางไว้บนเพดานบ้าน เจ้าของจะเซ่นผีกะด้วยไข่ดิบวันละฟอง
ผีกะ แต่เดิมคนที่เริ่มนำมาเผยแพร่ คือพวกลิเก หรือพวกนักดนตรี ที่แสดงการละเล่น เรียกว่าผีกะพระ-นาง ผีกะชนิดนี้มีลักษณะคล้ายวอกหรือค่าง ตัวเล็กๆสองตัว มักจะนั่งบนบ่าคนเลี้ยง ผีกะชนิดนี้มีคุณประโยชน์ตรงที่ หากใครเลี้ยงไว้ไม่ว่านักแสดงจะขี้เหร่แค่ไหน พอตกกลางคืนมันจะเลียหน้า ทำให้ยิ่งดึกยิ่งงดงาม การเลี้ยงผีกะจึงเป็นแฟชั่นของนักแสดงทางภาคเหนือในช่วงหนึ่งและเริ่มแพร่ หลายสู่ภาคเหนือในจังหวัดต่างๆ จนกระทั่งแยกเป็นหลายชนิด ผีกะมีคุณอนันต์แต่ก็มีโทษมหันต์ หากใครเลี้ยงไม่ดี ปล่อยให้ผีกะอดๆอยากๆ มันก็จะทำให้เจ้าของกลายสภาพเป็นกึ่งคนกึ่งภูติ ชอบสิงสู่ชาวบ้านกินตับไตไส้พุง ต้องหาหมอผีมาไล่ออกไปเป็นประจำ
การติดต่อสืบสายของผีกละ นอกจากจะติดต่อกันทางเครือญาติแล้ว ยังติดต่อกันได้กับคนนอกตระกูลอีกด้วย ชายหรือหญิงใดที่แต่งงานกับคนที่เป็นสายตระกูลผี เมื่อได้กินข้าวร่วมไหเดียวกันครบ 7 ไห ก็จะเป็นสายผีในตระกูลนั้นอย่างเต็มตัว

14. ผีตาโบ๋ คือ ผีที่มีลักษณะเป็นหัวกะโหลก ไม่มีลูกตา หรือผลุบหายเข้าไปในเบ้าตา

15. ผีตายทั้งกลม คือเป็นผีไทยลักษณะหนึ่ง โดยผู้หญิงที่ตายขณะที่กำลังตั้งครรภ์ลูกในท้องหรือขณะที่กำลังออกลูก ถ้าในขณะที่กำลังจะออกลูกนั้นแล้วเกิดตายขึ้นมาทั้งแม่และลูกถือว่าเป็นการ ตายโหงอีกรูปแบบหนึ่ง นางนาค หรือแม่นาคพระโขนงก็เป็นผีตายทั้งกลมเช่นกัน ผีตายทั้งกลมจะสำแดงอาการหลอกหลอนคนในรูปแบบต่างๆ เช่น ถ้าใครเดินผ่านบ้านที่มีหญิงตายทั้งกลมในยามค่ำคืน จะได้ยินเสียงกลอ่มเด็กดังวังเวงมาจากในบ้านที่มีหญิงตายทั้งกลมนั้น หรือหนักหน่อยอาจจะมีคนเห็นเปลเด็กผูกอยู่บนคบไม้สูง โดยมีผีตายทั้งกลมนั่งกล่อมลูกอยู่ข้างล่าง ส่วนมือยืดยาวขึ้นไปบนคบไม้ ไกวเปลให้ลูก
คำว่าตายทั้งกลม สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากคำว่า ตายทั้งกม ซึ่ง กม เป็นภาษาเขมร แปลว่า ทั้งหมด คือหมายถึงตายหมดทั้งแม่ทั้งลูกนั่นเอง

16. ผีตายห่า (ผีต๋ายหลุ้ต๊อง) เป็นชื่อเรียกของคนที่ตายด้วยโรคห่า แต่ปัจจุบันคนมักนำมาพูดรวมกัน เป็นคำว่า ตายห่าตายโหง บางคนไม่เข้าใจเลยคิดว่าเป็นการตายแบบเดียวกันไป นอกจากนี้คำว่า ตายห่า ยังเป็นคำอุทานด้วย
ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ มีโรคห่า ระบาดในเขตพระนคร ทำให้ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ศพของคนที่ตายมีมากกว่าที่วัดจะรองรับได้ คนจึงนำเอามาทิ้งไว้ตามลานวัดบ้าง แม่น้ำลำคลองบ้าง วิญญาณของคนที่ตายก็ไม่สงบ เพราะไม่ได้รับการทำพิธีศพที่ถูกต้องตามศาสนา เลยยังคงปรากฏกายให้ผู้คนได้พบเห็นกันอยู่ทั่วไป

17. ผีตายโหง คือ คนที่เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน แบบไม่ธรรมดาตามธรรมชาติ เช่น ถูกยิง จมน้ำ รถชน ฆ่าตัวตาย เป็นต้น สำหรับการตายทั้งกลมก็ถือว่าเป็นการตายแบบตายโหงเช่นกัน
ผีตายโหงจะเป็นผีที่จิตตก เนื่องจากจิตสุดท้ายก่อนตายอารมณ์ยังติดอยู่กับความหวาดกลัว ความตกใจ ความอาฆาตแค้น ความอาลัยอาวรณ์ ตายทั้งที่ยังทำใจไม่ได้ วิญญาณจึงติดอยู่ในบ่วงแห่งอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้น ไม่สงบสุข เป็นวิญญาณทรมาน ไม่ยอมรับสภาพปัจจุบันของตัวเอง เลยยังคงเที่ยวปรากฏกายให้คนได้พบได้เห็น ยิ่งถ้าเป็นผีตายโหงที่ตายขณะยังมีความอาฆาตพยาบาทจะมีความดุร้ายเป็นพิเศษ
ผีตายโหงมักสิงสถิตอยู่กับที่ที่ตัวเองตาย (เช่น ผีเฝ้าถนน ตามโค้งร้อยศพ เป็นต้น) เมื่อมีคนมาตายแทนจึงจะไปผุดไปเกิดได้
เรื่องของโค้งร้อยศพนี้ สามารถสันนิษฐานได้ถึงปรากฏการณ์ของความคำนึงอันแรงกล้าที่หลงเหลืออยู่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครสักคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง และรู้สึกกระหายอยากดื่มน้ำมากๆ แต่มีคนมาเรียกให้ไปทำอย่างอื่นและต้องลุกไปเสียก่อนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดื่มน้ำให้ชุ่มชื่นใจ ความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะดื่มน้ำจะยังคงหลงเหลืออยู่ที่เก้าอี้ตัว นั้น เมื่อมีคนเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวนั้นก็จะเกิดความรู้สึกกระหาย และอยากดื่มน้ำเป็นอันมากเช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถอธิบายปรากฏการณ์โค้งร้อยศพได้ว่า ขณะที่ผู้ประสบอุบัติเหตุกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ตกใจ และทุรนทุรายนั้น ความรู้สึกอันแรงกล้าเฮือกสุดท้ายยังคงหลงเหลืออยู่ ณ บริเวณนั้น ดังนั้น เมื่อมีผู้ที่ผ่านมาหลังจากนั้นก็จะรับเอาความคำนึงอันแรงกล้าของผู้ตายมา ทำให้เกิดประสบอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน

18. ผีถ้วยแก้ว เป็นการละเล่นโบราณอย่างหนึ่งตามความเชื่อส่วนบุคคล โดยเชื่อว่าเป็นการอัญเชิญวิญญาณ (หรือผี) มาสถิตในถ้วยแก้ว แล้วสอบถามเรื่องราวต่างๆ กับวิญญาณนั้นตามแต่จุดประสงค์ของผู้เล่น ผู้เล่นจะทราบคำตอบของคำถาม จากการเคลื่อนที่ของถ้วยแก้วไปบนตัวอักษรที่เขียนเอาไว้บนแผ่นกระดาษ

19. ผีทะเล เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของคนที่ตายในทะเล ผีทะเลปรากฏให้เห็นในหลายลักษณะ อาจจะมาเป็นรูปลักษณ์ของคนเดินลากปลาตัวใหญ่ขึ้นมาจากทะเลในตอนกลางคืนบ้าง (ถูกปลากินตาย) หรือขึ้นมาบนเรือในยามกลางคืนขณะที่ชาวประมงออกเรือหาปลาบ้าง ผีทะเลที่ขึ้นบนเรือนี้ มักจะมาในลักษณะเป็นดวงไฟสว่างอยู่บนเสากระโดงเรือ และชาวประมงเชื่อกันว่าถ้าผีทะเลได้ไต่ขึ้นเกาะบนเสากระโดงเรือแล้ว จะทำให้เรือลำนั้นอัปปางลง
ปรากฏการณ์ผีทะเลอย่างหลังนี้ ชาวตะวันตกเรียกว่า เปลวเพลิงแห่งเซนต์เอลโม (St. Elmo's Fire) เป็นปรากฏการณ์ที่ไฟฟ้าสถิตย์ในอากาศไหลลงสู่ที่ต่ำโดยผ่านวัตถุต่างๆ เช่นเสากระโดงเรือ มักจะเกิดในวันที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง
ในวรรณคดีไทยเอง ก็มีการกล่าวถึงผีทะเลเอาไว้เช่นกัน ก็คือ "นางผีเสื้อสมุทร" ในวรรณคดีเรื่อง "พระอภัยมณี" ของกวีเอกแห่งสยาม สุนทรภู่ นั่นเอง ซึ่งนางผีเสื้อสมุทรเป็นยักษ์ที่มีอิทธิฤทธิ์อำนาจมาก และเป็นใหญ่ที่สุดในบรรดาภูตผีทั้งมวลที่สิงสู่อยู่ในท้องทะเล[

20. ผีป่า หรือ ผีไพร เป็นความเชื่อของชาวไทย ที่เกี่ยวข้องกับป่าและภูติผีวิญญาณ คือผีที่สิงสถิตอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ส่วนใหญ่จะอยู่ในป่าลึก ผีป่ามีหลายจำพวกด้วยกัน

21. ผีเป้า ผีเป้า เป็นผีที่ชอบกินของสด คาว มักแอบออกหากินตอนกลางคืน เที่ยวจับกบเขียดกิน หากหากบเขียดกินไม่ได้ อย่างน้อย สุดท้าย ก่อนกลับขึ้นบ้าน ก็จะกินขี้หมา รองท้องไปพลางๆ ผีเป้า ความจริง ไม่ใช่วิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว แต่ ผีเป้า คือ คนที่ยังมีชีวิตอยู่นี่แหละ กลายเป็นเป้า
คำว่า “เป้า” หมายถึง คน หรือสัตว์ซึ่งปกติกินพืชเป็นอาหาร กินของสุกเป็นอาหาร เปลี่ยนไปชอบกินของเป็นๆ กินแบบจับได้ กินเลย ไม่ผ่านกระบวนการปรุงเป็นอาหาร คนที่เปลี่ยนไปชอบกินสัตว์เป็นๆ โดยไม่นำมาปรุงเป็นอาหาร เหมือนแมวจับหนูได้ กินเลยนั้น คือคนนั้นกลายเป็นเป้า เราเรียก คนเป็นเป้าว่า “ผีเป้า”
ผีเป้า เกิดจาก คนที่ใช้ว่านชนิดหนึ่ง นำมาเป็นมวลสารกายสิทธิ์ ช่วยให้ตนอาคมแก่กล้า ว่านชนิดนี้ บ้านข้าพเจ้าเรียกว่า ว่านเลือด หรือว่านเป้า ว่านเลือด ยางว่านจะมีสีแดงสดเหมือนเลือดและมีกลิ่นคาวเหมือนเลือด
ว่านชนิดนี้ ผู้เรียนอาคม มักปลูกไว้ข้างรั้วบ้าน สมัยก่อน ผู้ชายส่วนใหญ่ก็เรียนอาคมกันอยู่แล้ว การปลูกว่านนี้ไว้ในบ้าน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และว่านนี้ ก็จัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งด้วย นั่นคือ หากนำมาเข้ายา ก็เป็นยา หากนำมาเข้าพิธี ก็เป็นมวลสารกายสิทธิ์
ว่านชนิดนี้ เมื่อเข้าพิธีแล้ว มีความเป็นกายสิทธิ์อะไรบ้าง ข้าพเจ้าไม่ทราบ ส่วนคนกลายเป็นเป้าได้ ก็เกิดจากรักษาข้อกำหนดไม่ได้ หรือภาษาอีสานเรียก ผิดข้อคะลำ ทำให้ตนควบคุมมวลสารกายสิทธิ์นั้นไม่ได้ สุดท้าย ตกอยู่ภายใต้อำนาจมวลสารกายสิทธิ์นั้น และกลายเป็น เป้า ไปในที่สุด
ผีเป้า ความจริงไม่ได้ออกหากินเฉพาะกลางคืนหรอก กลางวัน ก็หากิน เช่นกัน เช่นหากไปหาปลา จับปลาได้ มองซ้ายขวาไม่มีคนมองตน ก็กัดกินปลาเป็นๆ เลย แต่โดยส่วนใหญ่ มักได้ยินเรื่องเล่าว่า ผีเป้า มักออกหากินตอนกลางคืน คงเป็นเพราะว่า ปลอดคน กินได้ถนัด
คนที่เป็นเป้า ก็ใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติทั่วไป หากไม่มีใครไปเห็นจะจะ ตอนที่กำลังกินสัตว์เป็นๆ ก็ไม่มีใครรู้ แต่หากมีคนบังเอิญไปเห็นและรู้เข้าว่าใครเป็นผีเป้า ผีเป้านั้น ไม่อยากให้ชาวบ้านคนอื่นๆ รู้ กลัวจะอับอาย ก็อาจจะพูดต่อรอง ขอร้อง ให้ของแลกเปลี่ยน หรือไม่ ก็บอกว่า หากเปิดเผยให้คนอื่นรู้ เอ็งจะชิบหาย ซึ่งผีเป้ามีอาคมอยู่แล้ว การใช้ไสยศาสตร์ทำร้ายคนอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องยาก คนที่เห็น จึงยากจะมีใครนำมาเปิดเผยต่อ ผีเป้า เป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ในหนัง มักทำให้ปอบกินของสดๆ กินไก่สด เป็นต้น ความจริงแล้ว ผีที่กินแบบนั้น ไม่ใช่ผีปอบหรอก แต่เป็นผีเป้า

22. ผีพราย ส่วนใหญ่มีถิ่นที่อยู่อยู่ในน้ำมากกว่าบนบก พราย เชื่อกันว่าเป็นจิตวิญญาณชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กสุด (ลำดับของดวงจิตวิญญาณที่สามารถปรากฏให้รับรู้ได้ คือ พราย ภูติ ผี ปีศาจ)ส่วนใหญ่มักมีที่มาจากการหมักหมมของซากพืชหรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆ ดวงจิตวิญญาณนี้มักแสดงตน(มีลักษณะเป็นดวงไฟเรืองแสง)เพื่อหาสถานะที่อยู่ โดยเข้าทดแทนในบางส่วนของร่างมนุษย์ สัตว์ซึ่งถือว่าดีกว่าสถานะเดิม(สิงสู่)ด้วยการหลอกล่อให้ยอมรับ ลุ่มหลง
ผีพรายส่วนมากจึงมักปรากฏร่างเป็นผู้หญิง นางไม้ บางทีก็จัดเข้าพวกผีพรายได้เช่นกัน เช่น พรายตะเคียน พรายตานี เป็นต้น หรือแม้แต่ผีทะเล หรือผีน้ำ ก็จัดเป็นพรายด้วยเช่นกัน เช่น พรายทะเล พรายน้ำ แต่ว่าพรายน้ำที่เป็นฟองผุดๆ ขึ้นจากน้ำนั้น เป็นคนละอย่างกัน

ผีพราย มีสามชนิด คือ
1.ชนิดตกน้ำตาย จะกลายเป็นผีพรายที่ๆตกไปนั้น รอเวลาเพื่อหาตัวตายตัวแทน
2.ชนิดกึ่งคนกึ่งปลา มีรายงานว่าเจอที่ลำน้ำชี เป็นรูปร่างของกึ่งคนกึ่งปลา ดุร้าย คนที่ทอดแหได้ต้องรีบปล่อยทันที
3.ชนิดทารก พบเฉพาะที่คลองบางกะปิ รูปร่างเหมือนทารก มักลอยคอเล่นน้ำตอนกลางดึก


3. ผีไพร ผีที่สิงสถิตอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ส่วนใหญ่จะอยู่ในป่าลึก ผีไพรมีหลายจำพวกด้วยกัน


24. ผีโพง เป็นผีประเภทเดียวกับผีกระสือ เป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ผีโพงเกิดจากว่านชนิดหนึ่ง เรียกว่าว่านผีโพง ซึ่งมีสีขาว รสฉุนร้อน เมื่อแก่จะมีธาตุปรอทลงกิน ทำให้เกิดแสงส่องสว่างแบบแมงคาเรือง
เมื่อจะออกหากิน ผีโพงจะออกไปในรูปลักษณ์รูปร่างหน้าตาเหมือนกับเจ้าของว่าน ไม่ได้ถอดหัวกับไส้เหมือนกระสือ มาในรูปร่างกายมนุษย์ทุกอย่าง แต่จะมีดวงไฟเล็กๆ สว่างเรืองๆ อยู่ที่ปลายจมูก และหยดลงเป็นหยดๆ เหมือนหยดน้ำ ฝีโพงจะออกหากินตามหนองน้ำ หรือทุ่งนาหลังฝนตก อาหารของผีโพงคือกบ และเขียด ซึ่งผีโพงจะกินด้วยการจับมาดูดเอาเมือกกินทีละตัวๆ
โดยปกติ ผีโพงจะกลัวคน และหลบหน้าคน ไม่ยอมให้ใครมาเห็น หรือจำได้ว่าตนเป็นใคร หากมีคนบังเอิญมาพบ คนผู้นั้นไม่ได้ทำอันตราย หรือวิ่งหนีไป ผีชนิดนี้จะเข้ามาเจรจา บ้างก็เสกก้อนหินเป็นเหรียญ เสกใบไม้เป็นธนบัตร แล้วเอามาให้คนๆนั้น แล้วบอกว่าอย่าบอกให้ใครรู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่กลับไปบ้านของพวกนั้นจะกลายเป็นสภาพตามเดิม แต่ถ้าหากใครทำให้เจ็บใจ หรือนำเรื่องไปบอกชาวบ้านว่าตนเป็นใคร ผีโพงจะเอาคานของแม่ม่ายพุ่งข้ามหลังคาบ้าน แล้วในทีสุด คนคนนั้นก็จะพบกับความพินาศวอดวาย หรือไม่งั้น ก็จะนำเอาก้านกล้วยที่ถูกตัดเอาใบออกไปหมดแล้ว พุ่งข้ามหลังคาบ้าน คนภาคเหนือสมัยก่อนเมื่อตัดใบกล้วยนำไปใช้แล้วจึงมักจะสับก้านกล้วยให้เป็น ชิ้นเล็กๆแล้วนำไปทิ้ง หรือไม่งั้นก็จะถ่มน้ำลาย ใส่ในหม้อน้ำดื่ม บ้านคนที่เห็นหน้าตนและนำไปบอกคนอื่น หรือทำร้ายตนเอง เพื่อให้บุคคลผู้นั้นกลายเป็นพีโพงต่อไป
หากมีคนทราบว่าตนเป็นใคร จะอยู่ได้ไม่เกินสามวัน จะมีตุ่มน้ำหนองพุพองทั่วร่างกาย แล้วสิ้นใจไปที่สุด

25. ผีฟ้า นางเทียม (ผู้ทรงผีฟ้า) ผีฟ้า คือคำเรียก เทวดา ของชาวไทยในภาคเหนือ และภาคอีสาน เป็นการบูชาแบบพื้นบ้านที่มีการนับถือผีกัน
คนที่เป็นร่างทรงของผีฟ้าจะสืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นในลูกๆ ที่เป็นผู้หญิง เมื่อมีคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ชาวบ้านมักนำมาให้ผีฟ้าเสี่ยงทาย และช่วยรักษา ผีฟ้าจึงเป็นประเพณีอีกอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อในเรื่องของ ไสยศาสตร์ และการทรงเจ้าเข้าผีของสังคมดั้งเดิมของคนไทย


26. ผีหัวขาด คือคนที่ตายโดยถูกฟันคอด้วยดาบ ในสมัยโบราณจะมีการประหารนักโทษโดยการใช้ดาบตัดคอ คนที่ถูกตัดคอจึงกลายเป็นผีหัวขาด อาจเกิดจากประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน ถูกรถชน ถูกกระจกบาดคอขาด หรือด้วยสาเหตุอื่นๆ ผีหัวขาด เป็น ผีตายโหง ประเภทหนึ่ง

27. ผีมเหสักข์ ตามความหมายแปลว่า เทวดาผู้ใหญ่ [1] แต่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีความเชื่อว่า ผีมเหสักข์ คือวิญญาณของบรรพบุรุษที่คอยปกปักรักษาดินแดนถิ่นนั้น (คล้ายกับพระภูมิเจ้าที่) ประเพณีการไหว้ผีมเหสักข์จะจัดตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ไปจนสิ้นเดือน 7 อันปรากฏในฮีตสิบสอง คลองสิบสี่ มีการฉลองฟ้อนรำและการเข้าทรงด้วย [2] บางท้องถิ่นเช่นอำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร จัดการไหว้ผีมเหสักข์ในช่วงมีนาคมถึงเมษายน


28. ผีอำ คือ คำเอ่ยของคนที่คิดว่าถูกผีหลอกในขณะนอนครึ่งหลับครึ่งตื่น มีอาการที่รู้สึกแน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก หรือขยับตัวไม่ได้ในขณะนอน หรือนั่งเหมือนมีคนมานั่งทับบนตัว ว่ากันว่า เกิดจากการนั่ง หรือนอนผิดท่า ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท ทำให้ขยับตัวไม่ได้
ทางแพทย์อธิบายว่าเกิดจากการ ที่สมองตื่นไม่พร้อมกัน สมองเรานั้นมีบริเวณต่างๆ ที่ทำหน้าที่ต่างๆ บริเวณด้านหน้าจะทำหน้าที่สั่งให้เคลื่อนไหว ส่วนรับความรู้สึกนี่จะเป็นแกนกลาง กับด้านค่อนมาหลังหน่อย เวลาเราตื่นสมองจะมีกระแสไฟฟ้าเป็นตัวทำงาน เวลาเราหลับกระแสเหล่านี้ก็ลดลง (เข้าสู่ระยะพัก) ดังนั้นเมื่อเราตื่น ถ้าบริเวณรับความรู้ตัวตื่น แต่บริเวณสั่งการเคลื่อนไหวยังไม่ตื่น ก็เป็นอาการผีอำ แต่ก็มี โรคบางโรคที่มีลักษณะเหมือนกันนี้เรียกว่า Lockin Syndrome จะรู้ตัวแต่ขยับอะไรไม่ได้ ได้แต่กลอกลูกตาไปมา

29. ผีบ้านผีเรือน ชาวไทยใหญ่เรียกว่า ผีล่ำ ไทยอีสานเรียกว่า ผีด้ำ มี ลักษณะต่างจากผีทั่วไปคือ จะอยู่ในรูปของวิญญาณ ศักดิ์สืทธิที่เจ้าบ้าน เคารพกราบไหว้ จะคอยคุ้มครองผู้อยู่อาศัยในบ้าน เมื่อถึงเทศกาลเช่นปีใหม่หรือวันเกิด เจ้าบ้านที่มีความเชื่อจะทำการ เซ่นไหว้ ลักษณะรูปร่างจะเหมือนคนปกติ ใส่ชุดไทย บ้างก็ว่า ผีบ้านคือผีประจำหมู่บ้าน ส่วนผีเรือนก็คือผีประจำเหย้าเรือน และเรียกรวมกันว่าผีบ้านผีเรือน บางครั้งเรียกว่า "ด้ำ" อย่างเช่นคนที่ดวงตกสุดๆ จะทำอะไรก็ดูแย่ จะมีคำที่เรียกว่า "ผีซ้ำ ด้ำพลอย"

30. พระภูมิเจ้าที่ ตามความเชื่อแล้วถือกันว่าพระภูมิเจ้าที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันมีพลัง อำนาจสามารถคุ้มครองปกป้อง แก่ผู้ที่เคารพนับถือ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวมีส่วนซึ่งได้รับอิทธิพลการสืบทอดทางความเชื่อมาจากศาสนา พราหมณ์-ฮินดู ผสมผสานกับศาสนาพุทธจนเกิดเป็นความเชื่อที่ว่า พระภูมิเจ้าที่ คือเทวดาหรือเทพารักษ์ อันมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองแก่พื้นที่บนโลกบริเวณส่วนต่างๆให้บังเกิดสันติ สุข และความปลอดภัย การตั้งหรือการสร้างศาลพระภูมิ ก็เพื่อที่จะให้พระภูมิหรือเทพารักษ์เอาไว้เป็นที่สำหรับสถิต

31. ผีแถน (ผีด้ำใหญ่) ผีแถน หรือ ผีฟ้า นั้นชาวอีสานมีความเชื่อว่าเป็นเทวดามากกว่าเป็นผี ส่วนแถนนั้นมีความเชื่อว่าเป็นคำเรียกรวมถึงเทวดา และแถนที่ใหญ่ที่สุดคือ "แถนหลวง" ซึ่งเชื่อว่าเป็นพระอินทร์
ผีแถนนั้นแต่ละพื้นที่มีการเรียกที่แตกต่างกันไป และมีความเชื่อว่า "ผีแถน" นั้นสามารถที่จะดับยุคเข็ญหรือทำลายล้างอุปสรรคทั้งปวงได้ และสามารถที่จะช่วยเหลือมนุษย์ที่เดือดร้อนได้

32. แม่ย่านาง แม่ย่านาง คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยเคารพนับถือว่าคอยคุ้มครองปกป้องกันภัย ให้แก่พาหนะ เช่น รถ เรือ หรือเชื่อว่าสิงสถิตอยู่ในรถ ในเรือ และให้คุณให้โทษแก่ผู้ขับขี่โดยสารได้

33. ผีม้าบ้อง (ปอบม้า) ผีม้าบ้อง เกิดจากปาฏิหาริย์ของผีกละนั่นเอง เมื่อผีกละมีพลังแก่กล้าจะแปลงกายให้คล้ายกับม้า สีของลำตัวโดยมากจะเป็นสีหม่น คนโบราณได้เล่าต่อกันมาว่า ผีกละจะเข้าสิงร่างเจ้าของผีหรือคนในตระกูล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย มักจะเลือกออกในคืนเดือนมืดหรือข้างแรม โดยการพับแขนทั้ง 2 ข้างแนบกับตัว หันด้านศอกไปข้างหน้า สมมุติให้เป็นหูของม้า ใช้ผ้าขาวม้าผูกเอวให้เหลือชายไว้ข้างหลัง สมมุติให้เป็นหาง แล้ววิ่งออกไป สถานที่ผีม้าบ้องชอบวิ่งเข้าออกจะเป็นตรอกซอกซอยแคบๆ คนเมืองเรียกว่า "คลองหน้อย" หรือวิ่งไปตามลำเหมืองที่ไม่มีน้ำ ระหว่างที่ผีม้าบ้องวิ่ง คนที่มีบ้านอยู่แถวนั้นจะได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงวิ่งของวัวควาย มีคนเคยเห็นผีม้าบ้อง แต่ไม่มีใครเคยเห็นหมดทั้งตัว บางคนจะเห็นส่วนข้าง บางคนเห็นเพียงส่วนก้น ว่ากันว่าถ้าคนไปเจอผีม้าบ้อง คนจะถูกทำร้ายหรือครอบงำ "อำ" หรือจะทำให้ป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ ร่างกายจะผอมเหลืองไปทีละน้อย และเสียชีวิตในที่สุด

34. รากษส เป็นอสูรจำพวกหนึ่งซึ่งดีก็มี ชั่วก็มี แต่โดยมากมักเป็นศัตรูกับเทวดา อาศัยอยู่ตามป่าช้า ชอบกวนพราหมณ์ในขณะทำพิธี

35. ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เป็นเรื่องราววิญญาณ "ปู่โสม" ที่เฝ้าสมบัติสมัยกรุงศรีอยุธยาแตก

36. ผีบังบด ชาวเมือง ลับแลหรือบางทีภาษาท้องถิ่น เขาก็เรียกว่า "ผีบังบด" พวกนี้ก็เป็นชาวทิพย์กลุ่มหนึ่งเหมือนกันและสามารถรับบุญที่พวกมนุษย์อุทิศ ให้ได้เป็นอย่างดี

37. ผีกละยักษ์ ทางภาคเหนือ ถือว่าเป็น วิญญาณของพระสงฆ์ ผู้มีอาคมมากเป็น ผีที่อันตรายสุด ๆ ไปเลย ได้ยินว่าถ้าเข้ามาสิงสู่ในตัวใครแล้ว เขาจะงอกได้ แล้วถ้าเขางอกเมื่อไรจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ตายลูกเดียว

38. ผีอี่เงือก ของทางเหนืออีกแล้วครับ มีชื่อเงือกและอาศัยในน้ำ แต่ไม่ใช่นางเงือกนะครับ เพราะผีอี่เงือกนี่จะไม่มีรูปร่างแน่นอน เพราะรูปกายเป็นน้ำใสๆ เหนียวเหนอะหนะ เวลาฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วม มันจะออกมาล่าคน (จับคนกิน)

39. ผีปู่แสะย่าแสะ เดิมเป็นผีที่ดูแลรักษาเมืองเชียงใหม่ แต่ต่อมาผีปู่แสะย่าแสะและลูกหลานดูแลเฉพาะในเขตนอกเมือง ( เพราะมีผีตนอื่นดูแลในเขตเมืองอยู่แล้ว ) เรื่องของผีปู่แสะย่าแสะปรากฎในตำนานเชียงใหม่ปางเดิม และตำนายวัดดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกันว่า เดิมเป็นผีบรรพบุรุษของพวกลวะที่อาศัยอยู่ในบริเวณเชิงดอยสุเทพ มีเรื่องเล่าว่าสมัยที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ถึงเชิงดอยคำได้พบยักษ์ สามตนพ่อแม่ลูก ซึ่งยังชีพด้วยเนื้อสัตว์และเนื้อมนุษย์ เมื่อยักษ์ทั้งสามเห็นพระพุทธเจ้าก็จะจับกิน แต่พระพุทธองค์ทรงแผ่เมตตาจนยักษ์ทั้งสามเกรงในพระบารมีจึงยอมแสดงความเคารพ พระพุทธเจ้าจึงทรงเทศนาและให้ยักษ์ทั้งสามรักษาศีลห้า แต่ผีปู่แสะย่าแสะไม่อาจรับศีลห้าได้ตลอดจึงขอกินเนื้อมนุษย์ปีละสองคน เมื่อพระพุทธองค์ไม่อนุญาต ก็ขอต่อรองลงมาเรื่อย ๆ จนขอกินเนื้อสัตว์ ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสบอกให้ไปถามเจ้าเมืองเอาเอง แล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จจากไป โดยไว้พระเกศธาตุที่ต่อมากลายเป็นพระธาตุดอยคำ ผีปู่แสะย่าแสะได้รับอนุญาติจากเจ้า เมืองให้กินควายได้ปีละครั้ง จึงได้มีประเพณีฆ่าควายเอาเนื้อสดสังเวยผีปู่แสะย่าแสะ ส่วนบุตรของปู่แสะย่าแสะได้บวชเป็นฤาษีชื่อสุเทวฤาษี

40. ผีโป๊กกะโหล้ง เป็นผีป่าในความเชื่อของชาวไทยภาคเหนือสันนิษฐานว่า เป็นผีโป่งชนิดหนึ่ง เพราะมีลักษณะคล้ายกันคือ มีขาเดียว วิ่งไวเหมือนลมพัด แต่ผีชนิดนี้มีความแปลกอยู่บ้างตรงที่ไม่เคยดูดเลือดคนที่เดินป่า แต่ชอบบังตาคนเล่น ผีชนิดนี้มีเสียงร้องประจำตัวคือ โป๊กๆๆ กะโหล้ง โป๊กๆๆๆ กะโหล้ง เป็นลักษณะประจำตัว นิสัยประจำตัวอีกอย่างของผีชนิดนี้คือ หากมีคนตะโกนเรียกกันในป่า มันจะเลียนเสียง ทำให้คนที่ตะโกนรับหลงทางเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ดังนั้นคนเฒ่าคนแก่ถึงได้ห้ามตะโกนในป่า เพราะผีโป๊กกะโหล้งจะเลียนเสียงทำให้หลงป่าได้


41. ผีหลังกลวง เชื่อกันว่าผีหลังกลวงเป็นความเชื่อของชาวไทยภาคใต้มีลักษณะเป็นเหมือนกับคน ธรรมดาแบบเราๆท่านๆนี่แหล่ะ แต่มันไม่ชอบใส่เสื้อผ้า(ประมาณว่าใส่แต่กางเกงที่ขาดรุ่งริ่ง)และที่สำคัญ คือมันมีสันหลังที่กลวงโบ๋มีน้ำหนองไหลออกมาอย่างน่ากลัว ผีหลังกลวงชอบอาศัยอยู่ในแถบสถานที่ๆมีอากาศเย็นโดยเฉพาะในบริเวณน้ำตกต่างๆ ของทางภาคใต้ เชื่อกันว่ามันชอบกินของดิบ

42. ผีห่า เชื่อกันว่าผีห่าเป็นผีโบราณของไทยมีมากในภาคกลาง ไม่มีใครเคยเห็นหรือรู้ว่าผีห่ามันมีรูปร่างหรือหน้าตาเป็นเช่นไรรู้แต่ เพียงว่าผีห่ามันชอบมาทางน้ำในคืนเดือนมืดเท่านั้น ยามใดก็ตามที่ผีห่าลงในหมู่บ้านคนจะตายเป็นเบือ(ตายมาก)และเรียกคนที่โดนผี ห่ากินว่า “ตายห่า” หรือ “ห่าแดก” จนในที่สุดเราจึงรู้ว่า “ผีห่า” นั้นมันมีตัวตนอยู่ในน้ำจริงแต่มันเป็นเพียงเชื้อโรค


43. ผีไร้ญาติ เชื่อกันว่า “ผีไร้ญาติ” คือผีที่ไม่มีใครทำบุญส่งข้าวปลาอาหารไปให้ใช้

44. ผีพนัน (ทวาบร) ชื่อ “ ทวาบร ” มาจากคำว่า ทวิ + อประ หมายถึง 2 : 2 หรือ 2 และอีก 2 ส่วนที่เหลืออยู่ คือ 50 : 50 อันเป็นลักษณะของความไม่แน่นอน อันไม่อาจทำนายผลที่จะเกิดล่วงหน้าได้ ซึ่งเป็นลักษณะของทวาบรยุค อันมีคนชั่วและคนดีอยู่ในอัตราส่วนที่เท่ากัน จนไม่อาจกะเกณฑ์ได้ว่าใครจะชนะ ใครจะแพ้ เพราะใครเพลี่ยงพล้ำก่อนก็แพ้ และคำว่าทวาบรยังเป็นแต้มของเกมสกาโบราณ ที่หากทอดได้แต้มทวาบรแล้ว จะไม่อาจระบุได้ว่าคนที่ได้แต้มดังกล่าวจะชนะหรือแพ้ เพราะผลคือ 50 : 50 จึงจำต้องทอดใหม่ ตัวทวาบรเทพซึ่งเป็นเทพผู้ปกครองยุคทวาบรจึงมีลักษณะนิสัยที่ไม่อาจเอาแน่ เอานอนได้ดังนามแห่งตนและยุคที่ตนถือครองดังกล่าวมา เทพองค์นี้เป็นสหายของกลีซึ่งเป็นเทพแห่งหายนะและความเสื่อม โดยทวาบรมีฐานะเป็นเทพแห่งการพนัน เพราะการพนันก็เป็นสิ่งที่ให้ผลที่ไม่อาจทำนายล่วงหน้าได้เช่นกัน หากคนปัจจุบันจะคุ้นเคยกับคำว่า “ ผีพนัน ” มากกว่าคำว่า “ เทพแห่งการพนัน ” แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลใดมัวเมาและฝักใฝ่ลาภลอยอันไม่จีรังจากการพนัน บุคคลนั้นเท่ากับว่าอยู่ในอำนาจของทวาบร เพราะได้ขายชีวิตของตนเองและครอบครัวให้กับทวาบรไปเสียแล้ว

45. ผีจอมปลวก คติความเชื่อ กล่าวกันว่าจอมปลวกเป็นที่สิงสถิตของเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งดีและไม่ดี (แล้วแต่พื้นที่)
ถ้า "จอมปลวก" เกิดขึ้นทางทิศใดของบ้าน จะตีความหมายว่าอย่างไร....

1.ทิศตะวันออก หมายถึง จะมีข้าวของ เงินทองมากมาย
2.ทิศใต้ หมายถึง จะได้กินของกำนัล ได้รับของจากผู้สูงศักด์
3.ทิศตะวันตก หมายถึง เรื่องหยุมหยิม จะมีเรื่องเดือดร้อน
4.ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึง จะมีความสุข มีสมบัติมาก มีคนยกย่องในทรัพย์เรา
5.ทิศเหนือ หมายถึง จะเป็นใหญ่เป็นโตมีชื่อเสียง
6.ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หมายถึง ผู้มีอำนาจ มีบารมี จะมาชื่นชอบ
7.ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึง ระวังไฟจะไหม้บ้าน
8.ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หมายถึง มีความสุข ได้หญิงที่รู้ใจ มีทรัพย์สินและเงินทอง

46. ผีโป่ง ลักษณะดินโป่ง คือ แอ่งดินเค็มตามธรรมชาติ เป็นดินที่มีเกลือแร่ต่าง ๆ ปนอยู่ เช่น เกลือโซเดียมคลอไรด์ เกลือแคลเซียม แมกนีเซียม หรือ โปตัสเซียมเป็นต้น ดินโป่งมักเป็นดินเนื้อละเอียด บางคนก็บอกว่า ดินโป่งเกิดจากการทับถมของซากสัตว์ที่มากินดินโป่ง
ผู้ที่โดนผีโป่งดินเข้าแฝงจะมีอาการเจ็บปวดตามข้อ เหมือนเป็นโรครูมาตอยด์ แต่ตรวจเลือดแล้วหาสาเหตุไม่ได้ การเข้าแฝงของ "ผีโป่ง" ถือว่าเป็นวิญญาณผีที่ร้ายที่สุด ถ้าโดนแฝงแล้วหายยากมาก ๆ เพราะผีโป่งกินน้ำเลือดน้ำหนองในกระดูกเป็นอาหาร และแฝงลงลึกถึงในกระดูก ซึ่งเป็นสาเหตุโรคมะเร็งกระดูกส่วนหนึ่ง (ไม่ใช่ทุกกรณี จะเป็นในกรณีที่หมอตรวจวินิจฉัยโรค พร้อม SCAN ตรวจเลือด ตรวจร่างกายด้วยเครื่องมือทันสมัยแล้ว กลับไม่เจอเนื้อร้ายหรือจุดที่เป็นมะเร็ง ทั้งที่อาการของผู้ป่วยเป็นตามลักษณะของโรค จะมาพบว่าเป็นโรคร้ายต่าง ๆ เมื่อเสียชีวิตไปแล้ว หรือมีอาการทรุดหนัก จึงมาตรวจพบว่าเป็นโรคร้าย) แม้ว่าจะรักษาแล้ว กระดูกก็จะผุ เพราะวิญญาณพวกนี้แฝงลงลึกกินเนื้อเยื่อของกระดูกเลย ลักษณะของผีโป่ง แบ่งย่อยได้อีกประมาณ ๔ ชนิด ดังนี้
ก) โป่งน้ำ : อยู่ไกล้แถบหนองน้ำ อาการที่เป็นคือ ถ้าโดนแฝงมาแล้วตัวจะบวม ๆ
ข) โป่งช้าง : อยู่บริเวณโป่งช้าง (บริเวณที่ช้างชอบไปกินดินโป่ง) อาการที่เป็นคือ ถ้าโดนแฝงมาแล้วเท้าจะโตใหญ่ลักษณะเหมือนเท้าช้าง
ค) โป่งแห้ง : อาการที่เป็นคือ ถ้าโดนแฝงมาแล้วตัวจะค่อย ๆ ผอมลง จนตัวแห้ง คือ ผอมแห้ง ๆ
ง) โป่งอ่อน : อาการที่เป็นคือ ถ้าโดนแฝงมาแล้วจะไม่มีแรงอ่อนแอลงแล้วก็ค่อย ๆ เสียชีวิต


47. ผีขุนน้ำ ผีขุนน้ำ เชื่อว่าเป็นอารักษ์ประจำต้นน้ำแต่ละสาย จะสิงสถิตอยู่บนดอยสูงอันเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำทั้งหลาย อาศัยอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นไทร ไม้มะค่าหรือไม้ยาง เป็นต้น

48. ผีพุ่งใต้ (ผีปุ้งส้าว) โบราณกล่าวไว้ว่า ผีพุ่งใต้คือวิญญาณที่ลงมาจุติเป็นมนุษย์ และเมื่อเห็นผีพุ่งใต้อย่าใช้นิ้วชี้ เพราะว่าวิญญาณที่จะเกิดแทนที่จะเป็นมนุษย์ จะไปเกิดในท้องหมาแทน หากจะชี้ให้ผู้อื่นได้เห็น ให้ใช้ปากโบ้ยแทน เน้อพี่น้อง

49. ผีนา (ผีตาแฮก) เป็นผีประจำท้องไร่ท้องนา ถือกันว่าเป็นผีที่ปกปักรักษาพืชสวนไร่นา และทำให้ข้าวกล้า เจริญงอกงาม อุดมสมบูรณ์ การทำนาจะได้ผลดี จึงมีการเซ่นไหว้ผีตาแฮกทุกปี ปีละ ๒ ครั้ง คือ ก่อนลงมือปักดำ และหลังการเก็บเกี่ยว ฉะนั้นในที่นาของแต่ละคนจะมีที่ที่ให้ผีตาแฮกอยู่ ซึ่งบางคนอาจปลูกกระท่อมหลังเล็ก ๆ บางคนจะปักเสาเป็นสัญลักษณ์ว่าที่ตรงนี้คือ ที่อยู่ของผีตาแฮก หรือบางแห่งจะทำรั้วถี่ ๆ ล้อมบริเวณใดบริเวณหนึ่งไว้ ซึ่งชาวบ้านจะทราบดีถึงที่อยู่ของผีตาแฮกนี้

50. ผีเจ้าพ่อ เป็นทหารที่เสียชีวิตในการรบหรือสร้างวีรกรรมให้บ้านเมือง จึงถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพ่อ คอยดูแลสถานที่นั้นๆ
ที่มา CryENGINE Thailand
เขียนโดย เกรียงศักดิ์ ขำหุ่น
Tags  ผี
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
กSะเจี๊้eวxวๅu's profile


โพสท์โดย: กSะเจี๊้eวxวๅu
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
123 VOTES (4.1/5 จาก 30 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
รวมเด็ดเลขปฏิทินงวด2พ.ค.67รวมภาพความฮา แบบสร้างสรรค์ ของคนเขมร กับ นักท่องเที่ยวกับรูปปั้นม้าน้ำอันโด่งดังในโลกโซเชียลตอนนี้ลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อยชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?ต้าวสาบ..น่าร๊าคอ่า!iPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!เขมรแสบ! นำภาพเก่าสถานท่องเที่ยวไทย ที่เต็มไปด้วยกองขยะมาเล่นไทย?6 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำขณะที่เรากำลังขับรถอยู่ มีอะไรบ้าง มาดูกันได้จ้า
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
พ่อของ "น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์" เสียชีวิตแล้วiPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!ต้าวสาบ..น่าร๊าคอ่า!รวมภาพความฮา แบบสร้างสรรค์ ของคนเขมร กับ นักท่องเที่ยวกับรูปปั้นม้าน้ำอันโด่งดังในโลกโซเชียลตอนนี้6 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำขณะที่เรากำลังขับรถอยู่ มีอะไรบ้าง มาดูกันได้จ้า
ตั้งกระทู้ใหม่