หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

หากดวงจันทร์อันเป็นที่รักต้องจากไป (mata)

เนื้อหาโดย mata

 

 

บทความที่แล้ว  ผมได้เขียนเป็นนิทานเรื่อง  ดวงจันทร์กับสายน้ำแห่งความรัก ในนิทานเรื่องนี้ได้กล่าวถึงกำเนิดดวงจันทร์ และผลของดวงจันทร์กับปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง  ที่เขียนให้เป็นนิทานก็เพียงหวังเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจและทำให้จดจำง่ายขึ้น  โดยเฉพาะเยาวชนหรือผู้ปกครองได้อ่านให้บุตรหลานฟังเพื่อความบันเทิงและเป็นความรู้  แต่ในท้ายนิทานเรื่องนี้ทิ้งท้ายว่า ลองถามโลกดูสิว่า......เธอจะอยู่อย่างไรหากไร้ซึ่งดวงจันทร์....และประโยคนี้คือที่มาของบทความที่ท่านจะได้อ่านต่อไป

เชื่อกันว่า ทั้งโลกและดวงจันทร์มีอายุพอๆ กัน คือราว 4,600 ล้านปี  มีหลายทฤษฏีเกี่ยวกับกำเนิดดวงจันทร์  ทฤษฎีที่ยอมรับกันมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ทฤษฎีการชนครั้งใหญ่ กล่าวว่ามีวัตถุขนาดดาวอังคารโคจรมาชนโลก ในช่วงที่โลกกำลังก่อตัวขึ้นใหม่ ๆ ทำให้เนื้อโลกบางส่วนที่ยังร้อนอยู่กระเด็นออกไป กระจัดกระจายในอวกาศและรวมตัวกันเป็นดวงจันทร์  ในช่วงเวลานั้นเชื่อว่าโลกและดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วมากกว่าในปัจจุบัน  แต่ด้วยแรงดึงดูดที่ส่งผลระหว่างกันจึงทำให้การหมุนช้าลงจนเท่าปัจจุบัน  อีกทั้งดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองและโคจรรอบโลกใช้เวลาเท่ากันเรียกว่าการหมุนแบบสมวาร  ทำให้ดวงจันทร์หันหน้าเข้าหาโลกด้านเดียว

เอ็ดวิน ฮับเบิล (Edwin Hubble) ได้สังเกตเห็นว่า เอกภพกำลังขยายตัวตลอดเวลา เพราะได้เห็นดาราจักร (galaxy) ต่างๆ ที่อยู่ไกลโพ้น เคลื่อนที่หนีจากกันด้วยความเร็วที่เป็นปฏิภาคโดยตรงกับระยะทาง (นั่นคือยิ่งอยู่ไกล ดาราจักรยิ่งมีความเร็วมากและนักฟิสิกส์ได้อธิบายสาเหตุที่ทำให้เอกภพขยายตัวว่า มาจากพลังงานที่หลงเหลืออยู่หลังการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ (Big Bang) เมื่อ 13,700 ล้านปีก่อน 

เมื่อดาวฤกษ์ที่มีมวลมหึมาแตกดับลง มันอาจจะทิ้งสิ่งที่ดำมืดที่สุด ทว่ามีอำนาจทำลายล้างสูงสุดไว้เบื้องหลัง นักดาราศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า หลุมดำ (black hole) เราไม่สามารถมองเห็นหลุมดำด้วยกล้องโทรทรรศน์ใดๆ เนื่องจากหลุมดำไม่เปล่งแสงหรือรังสีใดเลย แต่นักดาราศาตร์ก็มีวิธีอื่นในการค้นหา และจนถึงปัจจุบันได้ค้นพบหลุมดำในจักรวาลแล้วอย่างน้อย แห่ง หลุมดำเป็นซากที่สิ้นสลายของดาวฤกษ์ที่ถึงอายุขัยแล้ว สสารที่เคยประกอบกันเป็นดาวนั้นได้ถูกอัดตัวด้วยแรงดึงดูดของตนเองจนเหลือเป็นเพียงมวลหนาแน่นที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่านิวเคลียสของอะตอมเดียว ซึ่งเรียกว่า เอกภาวะ (singularity) เนื่องจากหลุมดำมีแรงโน้มถ่วงมหาศาล ดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าใกล้มิให้หนีออกไปจากหลุมดำได้  แม่แต่แสงก็หนีออกจากหลุมดำไม่ได้(จึงมองไม่เห็นและจึงมีชื่อเรียกว่า หลุมดำ) 

เอกภพมีสสารที่เรารู้จักและเข้าใจดีเพียง 4% เท่านั้นเอง คือมีอีก 22% ที่เป็นสสารมืด (dark matter) ที่ตามองไม่เห็น และอุปกรณ์ต่างๆ ยังตรวจจับไม่ได้ กับอีก 74% ที่เหลือเป็นพลังงานมืด (dark energy) ซึ่งทำหน้าที่เป็นแรงผลักดัน ซึ่งแรงนี้รุนแรงยิ่งกว่าแรงโน้มถ่วงมาก

จากการขยายตัวของจักรวาลจึงส่งผลให้ดวงดาวมีระยะห่างระหว่างกันมากขึ้น  รวมทั้งโลกและดวงจันทร์ด้วย  ในทุกๆ ปีดวงจันทร์ห่างโลกด้วยอัตรา 3 เซนติเมตรต่อปี ซึ่งอีก 1 ล้านปีจะเคลื่อนห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร  เราทราบดีว่าดวงจันทร์มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดน้ำขึ้นและน้ำลง  การที่โลกเราหมุนรอบตัวเองด้วยความเสถียร (ไม่แกว่ง) นั้น  ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะเกิดแรงดึงดูดระหว่างกันของโลกและดวงจันทร์  หากดวงจันทร์ห่างออกไปมากจนพ้นแรงดึงดูดของโลก  จะส่งผลกระทบกับโลกเราอย่างไรบ้าง

การเกิดน้ำขึ้นน้ำลงคงได้รับผลกระทบโดยตรง  หากเกิดภาวะน้ำนิ่ง (ขึ้นและลงระดับน้อยมาก) จะส่งผลต่อวัฏจักรของพืชพันธุ์และสัตว์แค่ไหน  หากโลกหมุนแบบไม่เสถียรจะส่งผลต่อสภาพภูมิกาศโลกเพียงใด  ฤดูกาลที่คงที่มายาวนานจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่  ทั้งหมดคงเกิดในอีกหลายรุ่นต่อจากเรา  มันคงยังอีกยาวไกลหากดวงจันทร์ค่อยๆ จากไปทีละน้อย  แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับดวงจันทร์ที่เป็นผลจากการถูกพุ่งชนของอุกาบาตหรือดาวเคราะห์น้อยดวงโต  ดวงจันทร์คงจากเราไปเร็วกว่าที่คาด  แล้ววันนั้นเราจะอยู่อย่างไรหากไร้ซึ่งดวงจันทร์

หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับผู้อ่านบ้าง  และถ้าอ่านประกอบกับนิทานเรื่อง ดวงจันทร์กับสายน้ำแห่งความรัก ก็จะทำให้เสริมความเข้าใจง่ายขึ้น  สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้อ่านนิทานก็อยากให้อ่านครับ  ต่อไปเราคงต้องห่วงใยดวงจันทร์ให้มากกว่านี้  ทุกครั้งที่แหงนมองดูดวงจันทร์คำอธิษฐานที่เคยขอคงต้องเพิ่มอีกข้อ 

..……ขอให้ดวงจันทร์ปลอดภัยและอยู่คู่โลกไปแสนนาน……….

สงวนสิทธิ์ ห้ามนำบทความนี้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์  หากคัดลอกไปกรุณาให้เครดิตผู้ประัพันธ์ด้วย ขอบคุณครับ

 

 

ภาพประกอบ  พรชัย  สังเวียนวงศ์ (mata)

ประพันธ์โดย  พรชัย  สังเวียนวงศ์ (mata)

ข้อมูลอ้างอิง  http://thaiastro.nectec.or.th , Google.co.th

 

เนื้อหาโดย: mata
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
mata's profile


โพสท์โดย: mata
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
80 VOTES (4/5 จาก 20 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยสภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนายแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีดเปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีนแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่นนี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoiaเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ตั้งกระทู้ใหม่