หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

จริงหรือไม่ ที่เขาว่ากันว่า สุนัขกินของหวานแล้วจะดุขึ้น!!!

โพสท์โดย mata

     เพื่อนๆ คงจะเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า "ให้สุนัขกินของหวานๆ จะทำให้สุนัขดุ!" ... ความเชื่อนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นแค่คำพูดที่พูดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขกินของหวานมากจน เกินไป 

     
บางคนก็บอกว่าการให้สุนัขกินอาหารหวานไม่น่าจะเกี่ยวกับพฤติกรรมดุดันก้าว ร้าวของสุนัข แต่บางคนก็บอกว่าการให้สุนัขกินของหวานมากเกินไปก็จะทำให้สุนัขเกิดความหงุด หงิดและมีพฤติกรรมดุร้าย ... เอ๊ะ! สรุปแล้ว การให้สุนัขกินอาหารที่มีรสหวานจะทำให้สุนัขดุจริงรึเปล่านะ? แล้วน้ำตาลมีผลต่อพฤติกรรมสุนัขยังไง? หนูนาว่า วันนี้เราไปหาคำตอบกันดีกว่าค่ะ




     สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จริงๆ แล้วการให้สุนัขกินอาหารที่มีรสหวานนั้นไม่ได้ทำให้สุนัขดุหรอกค่ะ แต่ว่า อาหารที่มีรสหวาน มีน้ำตาลเยอะๆ จะเป็นอาหารที่มีพลังงานสูง เมื่อสุนัขกินอาหารพวกนี้เข้าไปแล้วนั่งๆ นอนๆ ไม่ได้มีการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกาย พลังงานที่เหลือในปริมาณมากก็จะทำให้สุนัขรู้สึกหงุดหงิดและแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมาค่ะ


     นอกจากพลังงานที่เหลือในปริมาณมากจะส่งผลให้สุนัขหงุดหงิดและมีพฤติกรรมก้าวร้าวแล้ว พลังงานดังกล่าวจะสะสมเป็นไขมัน และถ้าหากเจ้าของให้สุนัขกินของหวานเป็นประจำโดยที่ไม่มีการออกกำลังกาย ในที่สุดสุนัขก็จะกลายเป็นโรคอ้วน ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดของสารพัดโรคร้ายที่จะตามมา เช่น โรคเบาหวาน หรือมีปัญหาในช่องปาก

     อย่างโรคเบาหวานในสุนัขนั้นพบว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานเกิดจาก ในสุนัขตัวที่อ้วนมากๆ จะทำให้ประสิทธิภาพของอินซูลินลดลงจนเกิดปัญหาของการใช้กลูโคส ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในกระแสเลือดสูงและเกิดเป็นเบาหวานได้ค่ะ



     ... ฟังมาถึงจุดนี้เพื่อนๆ อย่าเพิ่งคิดว่า น้ำตาล หรืออาหารที่มีรสหวาน จะมีผลเสียต่อสุนัขอย่างเดียวนะคะ เพราะถ้าหากให้กินในปริมาณที่พอดี น้ำตาลก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกายของสุนัขค่ะ นอกจากนี้เพื่อนๆ ทราบไหมคะว่า น้ำตาลยังมีประโยชน์สำหรับภาวะผิดปกติบางอย่างในร่างกายของสุนัขได้ด้วยล่ะค่ะ


     เช่น สุนัขที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เป็นภาวะที่มีที่ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (ช่วงปกติจะ 70 - 125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) ซึ่งปกติร่างกายจะต้องใช้น้ำตาลกลูโคสเป็นพลังงานหลักโดยเฉพาะพลังงานที่ส่งไปยังสมอง ส่วนอวัยวะอื่น เช่น ตับ จะทำหน้าที่สังเคราะห์และเก็บสะสมน้ำตาลกลูโคสเอาไว้เพื่อปล่อยสูกระแสเลือดเมื่อร่างกายต้องการ

     ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกับลูกสุนัข โดยเฉพาะช่วงหย่านม จนถึงอายุ 4 เดือน และสุนัขพันธ์เล็ก เพราะเขาจะมีขนาดตับเล็กและมีกล้ามเนื้อน้อยกว่าสุนัขขนาดใหญ่ หลายครั้งพบว่าเจ้าของก็อาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไป จนทำให้สุนัขเสียชีวิต



     สำหรับสาเหตุภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอาจเกิดจากความเครียดบางอย่าง เช่น ลูกสุนัขที่อยู่ในช่วงหย่านมจะเกิดอาการเครียด หลังฉีดวัคซีน อยู่ในที่หนาวเย็น การมีพยาธิในทางเดินอาหาร การติดเชื้อ เช่น เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งแบคทีเรียมีอยู่ในกระแสเลือดจะใช้น้ำตาลจำนวนมากเป็นอาหาร นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสภาวะเบื่ออาหารหรือไม่กินอาหารด้วย


     สุนัขที่อยู่ในภาวะนี้จะมีอาการ เชื่องช้าลง มีอาการสั่นเนื่องจากสมองขาดกลูโคส อาจมีอาการกระวนกระวาย เดินผิดปกติ เหงือกซีด หอบ มีน้ำลายเยิ้มจากปาก และอาจจะมีอาการชัก อุณหภูมิร่างกายลดลง อาการผิดปกตินี้ถ้าหากไม่รีบปฐมพยาบาล อาจจะส่งผลให้สุนัขช็อคและเสียชีวิตได้ค่ะ

     สำหรับวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับสุนัขที่มีอยู่ในภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้น สามารถทำได้โดยให้เจ้าของรีบป้อนน้ำหวาน หรือน้ำตาลให้กับสุนัข เนื่องจากจะสามารถเปลี่ยนเป็นกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดได้ทันที และให้สุนัขอยู่ในที่อบอุ่น แต่ถ้าสุนัขไม่สามารถกินเองได้อย่าเพียงพอ เช่น ในรายสุนัขป่วยต้องรีบหาหมอเพื่อฉีดน้ำตาลกลูโคสเข้าเส้นเลือด และรักษาอาการเจ็บป่วยหรือขจัดเชื้อให้หมดไป โดยสัตวแพทย์จะตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาลกลูโคสเป็นระยะ



     ... อ่านมาถึงจุดนี้ก็คงจะพอสรุปกันได้แล้วนะคะว่า จริงๆ แล้ว น้ำตาล หรืออาหารที่มีรสหวานนั้นไม่ใช้ของต้องห้ามสำหรับสุนัข ถ้าหากให้เขากินในปริมาณที่พอดีไม่มากเกินไป แต่ถ้าใครที่รู้ตัวว่าให้สุนัขกินอาหารที่มีรสหวานมากเกินไปแล้วล่ะก็ รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการให้อาหารสุนัขเสียใหม่ในตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปนะคะ ดีกว่าปล่อยให้สุนัขกินจนอ้วนและในที่สุดก็จะเกิดโรคร้ายต่างๆ ตามมาอย่างที่เราเองอาจจะคาดไม่ถึงเลยก็ได้นะคะ ด้วยความหวังดีจาก Dogilike ค่ะ ^0^

 

บทความโดย: Dogilike.com

ภาพประกอบ:
http://tachlis.wordpress.com/
http://www.flickr.com/photos/66880690@N04/6257209739/
http://thejetpacker.com/dogs-eat-in-style-in-england/
http://jenkellerart.blogspot.com/2010/09/eat-dessert-first.html
http://shazlondon.wordpress.com/tag/goal-setting-theory/

ที่มา: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=soidog&month=10-08-2007&group=1&gblog=2
หนังสือ สุนัข รอบรู้โรคและภัยใกล้ตัว โดย สพ.ญ. แนน ช้อยสุนิรชร
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
mata's profile


โพสท์โดย: mata
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
56 VOTES (4/5 จาก 14 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
1 ใน 8 ของนักเรียนร.ร.รัฐในนิวยอร์ก'ไร้บ้าน'!5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้นนางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTS
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ลิลลี่ เหงียน" สวนกลับ "ปู มัณฑนา"..อย่าลืมเอาเงินมาคืนกะxsี่ผู้มีพระคุณด้วยเงินดิจิทัลเฟส 3 คนทั่วไป เงินเข้าเมื่อไหร่ ได้เงินสดไหม วิธีเช็กสถานะทางรัฐอีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"หวังเซียนเฉา นักการทูตผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ถัง‘ขนม ศศิกานต์’ เลิก ‘ครูเต้ย อภิวัฒน์’ ทั้งที่เพิ่งคลอดลูก คนที่ 2 จากกันด้วยดี ไม่มีมือที่ 3
ตั้งกระทู้ใหม่