ปิศาจกลับหมอนถ้าเช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วรุ้สึกมึนงงว่าที่นี่ม ันที่ไหน หรือว่าทำไม บ้านเราถึงมีบรรยากาศเปลี่ยนไป หรือสงสัยว่าทำไมชีวิตประจำวันมันถึงช่างแปลกออกไปนั่นเป็นฝีมือของปิศาจ กลับหมอน ปิศาจตนนี้จะแอบมากลับหมอนของผู้คนยามนอนหลับเมื่อคนคนนั้นตื่น ขึ้นมาจะพบว่า ตนเองอยุ่ในโลกที่ตรงข้ามกะความเป็นจริงในอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเต้มไปด้วยความ โหดร้าย ผิดหวัง ขมขื่น เพราะปีศาจตัวนี้ชอบเห็นผู้อื่นเดิอดร้อนคนที่โชคดีหน่อยอาจจะฝ่าฝันร้ายๆ นั้นออกมาได้และตื่นขึ้นมาในมิติเดิม แต่มีหลายคนที่ถูกชักนำไปสู่มิติแห่ง ความตายปิศาจผ้า ( ตันมะเต็ง )เป็นปิศาจที่มีรุปร่างเป็นผ้า ฝ้ายสีขาวผืนยาว มี พท.ประมาณ 2.5 ตจฃร.ม มีตาและปากอยู่บนนั้นอาศัยอยุ่บนภูเขาพอตกกลางคืนก็จะกระพือปีกลงมาคอยรัด คนที่เดินผ่านไป มา ปิศาจผ้านี้ถึงจะมีรุปร่างเป็นผ้าแต่เชื่อกันว่าไม่มีของมีคมชนิดใดที่ สามารถตัดให้ขาดได้ นอกจากฟันที่ย้อมเป็นสีดำของเจ้าสาวในพิธีแต่งงานปีศาจตุ๊กแกปรากฏอยุ่ในสมุดรวมภาพปิศาจของโทริยามะ เซกิเอ็น เชื่อว่าเป็น "เทพ วิบัติ" ชนิดหนึ่งมีรูปร่างคล้ายตุ๊กแก มีหนังเป็นเกล็ดหนา กรงเล็บและฟัน แหลมคม ตัวใหญ่เท่าคน ออกหากินในวันที่มีงานบูชาเทพเจ้าโคชินมันจะคอยมองลอดเข้าไปในหน้าต่างบ้าน คนที่นอนเร็วในคืนนั้นและเล่นงานเมื่อมีโอกาส มันจะใช้เล็บขูดผิวหนังของคน คนนั้นออกมากินถ้าเห็นให้พูดว่า "รุ้นะว่าแอบมองอยุ่" แล้วมันก็จะหนีไปบาคุบาคุ เป็นปีศาจในความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เป็นปีศาจที่คอยกินฝันร้ายของผู้คน (dream eater) เชื่อกันว่าบาคุนั้น มีรูปร่างคล้ายหมีและมีส่วนผสมของสัตว์หลายชนิด เช่น มีหน้าผากมีนอคล้ายแรด มีจมูกเป็นงวงคล้ายช้าง มีเท้าเหมือนเสือ มีหางเหมือนวัวชาวญี่ปุ่นโบราณเชื่อว่า เมื่อมีฝันร้ายหรือลางร้าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดจากการกระทำของปีศาจ เช่น จานชามเกิดบิ่นหรือแตกหักเองโดยไม่มีใครทำกาต้มน้ำส่งเสียงดังเหมือนคนร้อง เสื้อผ้าปรากฏรอยเลือด หรือหูสุนัขที่ลู่ไปข้างหลัง เป็นต้นให้ท่องคาถาว่า "บาคุ คุราเอ" ซึ่งแปลว่า "บาคุ จงมากินฝันร้ายของข้า" 3 ครั้งบาคุจะมากินฝันร้ายนั้นให้ และกลับจากร้ายเป็นดี ปีศาจทั้งหลายจะถูกสูบลงไปในพื้นดินลึก 3 ฟุตความเชื่อเรื่องบาคุ สะท้อนออกมา ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น หมอนไม้ชนิดหนึ่งมีสลักเป็นตัวหนังสือที่มีความหมายถ ึง บาคุ เป็นต้นเชื่อว่าถ้านอนหนุนด้วยหมอนนี้แล้วจะไม่ฝันร้ายนางแมงมุม (จูโรคุโมะ )เชื่อกันว่าเป็นแมงมุมเพศหญิง ที่มีชีวิตติดต่อกันหลายร้อยปี ซึ่งได้ดูดเลือดคนจำนวนมากจนทำให้วิชาอาคมแกร่งกล้าข ึ้นพัฒนาเป็นนางแมงมุมในตอนกลางวันนางจะแปลงร่างเป็นผู้ หญิง สาวสวยหลอกล่อผู้ชายมาดูดเลือดแมงมุมดินในอดีต โชกุนมินาโมโตะ โยริมิตสึ เกิดล้มป่วยลง รักษายังไงก็ไม่หายเสียที จึงได้เชิญหมอผีมาทำพิธีปัดเป่าวิญญาณ แต่ก็ไม่สำเร็จ ได้แต่ทนปวดหัว ไข้ขึ้น ทรมานอยู่อย่างนั้นกระทั่งคืนวันหนึ่ง มีพระสงฑ์รูปหนึ่ง สูงประมาณ 2 เมตรมาปรากฏตัวตรงด้านหลังโคมไฟในห้องของท่าน และย่างเท้าเข้ามาหา พร้อมกับปล่อยใยแมงมุมใส่โชกุนตื่นขึ้นมาพอดี จึงรีบคว้าดาบของ ฮิซาคิริมารุ ซึ่งมานอนเฝ้าไข้ ขึ้นมาฟันปีศาจตนนั้นเต็มแรงเมื่อผู้ติดตามด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะ ก็รีบรุดเข้ามา ทันเห็นรอยเลือดหยดอยู่ข้างโคมไฟ จึงติดตามรอยนั้นไปจนถึงเนินดินเก่า ๆ แห่งหนึ่งพวกเขาจึงลองขุดเนินดินนั้นดู ก็พบปีศาจแมงมุมตัวใหญ่ ผุดขึ้นมาปล่อยใยแมงมุมอีกรอบ แต่ก็โดนฆ่าตายในที่สุดจากนั้นเป็นต้นมา ท่านโชกุนก็หายจากอาการประหลาดนี้เป็นปลิดทิ้ง และไม่เคยป่วยอีกเลยตราบสิ้นอายุขัยอะคานาเมะเป็นผีที่มีลิ้นยาว ชื่อของอะคานาเมะ อาจมากจากลักษณะ ตัวของมัน ที่ค่อนข้างเล็ก และมีสีแดงซึ่ง aka ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่าสี แดง เรื่องเล่าของมันมักเล่าว่าปีศาจตนนี้จะปรากฏตัวที่ห้องน้ำที่สกปรก ถูกทิ้งโดยไท้ได้ทำความสะอาด โดย มันจะใช้ลิ้นเลียสิ่งสกปรกเหล่านั้นจึงมีผู้เล่าว่าในยามค่ำคืนที่ได้ยิน เสียงแปลกๆ จากห้องน้ำบางทีอาจไม่ใช่เสียงของแมลงสาบ แต่จะเป็นเสียงของอะคานาเมะก็ได้สำหรับอะคา นามะห้องน้ำจะสกปรกหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่อะคานาเมะจะชอบห้องน้ำที่สกปรก มากกว่าซึ่งอะคานาเมะชอบเลียคราบสกปรกที่พิ้นห้องน้ำมาก มักจะออกมาเลียห้องน้ำตอน ที่ผู้คนหลับหมดถ้ามีใครเข้าไปใกล้ มันจะหนีหายอบ่างรวดเร็ว จึงไม่ง่ายนัก ที่จะพบเห็นปีศาจประเภทนี้คาฉะเป็นปีศาจชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น ว่ากันว่าจะมาชิงเอาศพของผู้ที่ทำบาปทำกรรมเอาไว้มาก ในขณะที่ยังมีชีวิตคาฉะนั้นไม่มีถิ่นพบเห็นที่แน่นอน จึงอาจสันนิษฐานได้ว่ามีการปรากฏตัวไปทั่วประเทศ เมื่อมีคนบาปตายคาฉะจะปรากฏตัวขึ้นจากนรกพร้อมกับเมฆดำมืดและพายุฝนเ พื่อชิงเอาศพของผู้นั้น ไปจากงานศพหรือสุสานบางครั้งก็กล่าวว่าจะมีมือยื่นออกมาจากในเมฆมาคว้าเอ าไป ศพที่ถูกชิงไปจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆและนำไปทิ้งไว้ในภูเข ามักจะกล่าวกันว่าตัวจริงของคาฉะนั้นเป็นปีศาจแมว หรือกลายร่างมาจากแมวที่แก่ตัวลงการปรากฏตัวของคาฉะเป็นหลักฐานแสดงว่าผู้ตายเป็นคนบา ปจึงเป็นที่หวาดกลัวและอับอายของผู้คนทั่วไปบริเวณวัดที่ว่ากันว่าคาฉะอาศัยอยู่จะมีการแยกจัดงาน ศพเป็น 2 ครั้ง งานศพครั้งแรกจะเอาหินใส่ไว้ในโลงศพเพื่อป้องกันคาฉะ มาชิงเอาศพไปในช่วงกลางของสมัยเอโดะมีเรื่องเล่าของคาฉะเล่าว่า ในสมัยเคียวโฮ ที่เมืองทัตสึโนะในอิโบะกุน ฮาริมะโนะคุนิ (ปัจจุบันคือจังหวัดเฮียวโง)ในระหว่างที่ยายของลูกสาวลูกจ้างร้านโชยุชื่อ "ร้านฮายาชิดะ" มาพักค้างแรมด้วยนั้นได้เกิดล้มป่วย และเมื่อเสียชีวิตลงคาฉะก็ได้ปรากฏตัวขึ้นทั้งที่ไม่มีใครในร้านมองเห็นเลยแม้แต่คนเดียวแต่ตัว ลูกสาวกลับมองเห็นคาฉะ อยู่นอกบ้านว่าเป็นยักษ์นรกหน้าตาน่าขยะแขยงลากรถที่ มีไฟลุกท่วมมาแล้วเอา คุณยายใส่รถจะพาตัวไป เจ้าหล่อนก็พยายามจะไปเอากลับมาจึงออกไปข้างนอกแต่ก็ถูกลูกจ้างคนอื่นดึงตัวกลับมา ซึ่งเธอก็โดนไฟไหม้ที่แขนเสื้อและมีแผลไฟไหม้ด้วยนอกจากคนตายแล้ว บางครั้งคาฉะยังเล่นงานคนเป็นอีกด้วย วันหนึ่งในมุซาชิโนะคุนิ (ปัจจุบันคือไซตามะ)มีชายชื่ออาบุรายะ ยาสุเบะร้องออกมาว่า "มีคาฉะมา" แล้วก็ล้มลงไปหลังจากนั้น 10 วันเขาก็ตายเนื่องจากร่างกายท่อนล่างเน่าเปื่อย นอกจากนั้น คาฉะยังแปลงร่างเป็นคนได้เช่นที่บ้านของเจ้าพนักงานชื่อชิบาตะมีคนรับใช้ที่ซื ่อสัตย์อยู่คนหนึ่งอยู่มาคืนหนึ่งเขาก็มาขอลาออก เมื่อชิบาตะถามถึงเหตุผล เขาก็บอกว่าตนเองไม่ใช่มนุษย์ และต้องไปชิงศพมนุษย์พอวันรุ่งขึ้นชิบาตะก็ได้ยินข่าวว่าที่หมู่บ้านใกล้ๆ มีคาฉะปรากฏตัวขึ้นในญี่ปุ่นโบราณเชื่อกันว่าแมวมีคุณลักษณะของปีศาจอยู ่ในตัว จึงมีตำนานเล่ากันว่า"ห้ามแมวเข้าใกล้คนตาย""ถ้าแมวกระโดดข้ามโลงศพ ศพในโลงจะฟื้นขึ้นมา"นอกจากนั้นในญี่ปุ่นยุคกลางยังมีเรื่องเล่าว่านายนิร ยบาลจะลากรถที่มีไฟลุก ท่วมมาชิงเอาศพหรือคนบาปที่ยังมีชีวิตอยู่ไปตำนานของคาฉะนั้นก็เกิดมาจากตำนานความเกี่ยวข้องระหว ่างแมวกับคนตาย และตำนานของรถเพลิงที่มาชิงตัวคนบาปนี้เองผีชาวนาอาฆาตการต่อต้านระบบเจ้าขุนมูล นายในญี่ปุ่น เมื่อศตวรรษที่ 19 ทำให้ละครผีซึ่งดัดแปลง มาจากเรื่องจริงเรื่องนี้ได้รับความนิยมมากฮอทตา โคะซุเคะ เป็นขุนนางใจโหด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในจังหวัดโซมา เขาขูดรีดภาษีจากชาวไร่ชาวนา ทั้งที่มีกฎหมายห้ามไว้ผู้ใหญ่บ้านชื่อ ซากุระ โซะโกโระ จึงตัดสินใจไปขอความยุติธรรมจากโชกุน ผู้ปกครองจังหวัดนั้น แต่โชกุนกลับส่งตัวเขาไปหาฮอทตา โคะซุเคะซึ่งบังคับให้โซะโกโระกับภรรยา นั่งดูลูกชายทั้งสามของตน ถูกตัดหัวตายไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นโซะโกโระกับภรรยา ก็ถูกตรึงบนไม้กางเขนก่อนหมดลมหายใจโซะโกโระบอกว่า วิญญาณ ของเขาจะกลับมาหลอกหลอน ครอบครัวขุนนางใจร้าย และปรากฏว่าเขาทำตามสัญญากลายเป็นผีร้ายกลับมาตามอาฆาตจองเวรขุนนางใจร้าย จนตายตกไปตามกันผีว้าก (อุว้ง)อีกหนึ่งความเชื่อของชาวญี่ปุ่นคือ ปีศาจที่ชื่อ อุว้ง หรือ ผีว้าก ซึ่งมักอาศัยอยู่ตามวัดร้าง หรือบ้านร้างเมื่อมีนักเดินทางก้าวเข้ามาในสถานที่นั้น มันก็จะส่งเสียงร้องดัง อุว้ง ๆ หรือ ว้าก ๆ ซึ่งเสียงนี้ มีแต่คนที่อยู่ข้างในเท่านั้น จึงจะได้ยิน คนที่อยู่ด้านนอก จะไม่รู้เลยว่าข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้นเพราะมันไม่ปรากฏตัวให้เห็น และเสียงที่ดังขึ้นนั้น ก็จะดังอยู่ในหูของคนที่อยู่ในอาคารเท่านั้นนั่นเองบางตำนานกล่าวว่า เมื่อได้ยินเสียงร้องของอุว้ง ให้รีบร้องกลับไปทันที ด้วยคำว่า อุว้ง เช่นเดียวกับมันจากนั้น มันจะร้องกลับมาอีก เราต้องร้องกลับให้ทันกัน เพราะมันจะเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หากใครร้องตามไม่ทันก็จะโดนมันทำร้ายจนตายวิญญาณชู้รักชายผู้หนึ่งชื่อว่า อิกาโน คาเนมิตสุ ได้ ลอบรักกับภรรยาม่ายของพี่ชายเขาเองที่เสียชีวิตไป แต่รักครั้งนี้ผิดศีลธรรมประเพณีเพราะหญิงม่ายได้บวชเป็นชีไปแล้ว เมื่อคิคุโนะ ซึ่งเป็นเมียน้อยของพี่ชายกับมาตาฮาชิ ผู้รับใช้ของเธอ ได้ล่วงรู้ถึงความลับนี้คาเนมิตสุก็ได้สังหารคนทั้งสองเสีย แต่แล้ววิญญาณของทั้งคู่ก็ได้กลับมาแก้แค้นโดยมุ่งหม ายที่จะยุติทั้งความสัมพันธ์ และชีวิตของคาเนมิตสุกับชู้รักในเรื่องเช่นนี้ ละครคาบูกิของญี่ปุ่นมักแสดงออกถึงความ รู้สึกผิดชอบในใจของผู้กระทำผิดเองแม้ว่าในพล็อตเรื่องชู้รักทั้งสองได้ถูกปิศาจคิคุโนะ กับมาตาฮาชิหลอกหลอน จนกระทั่งเสียสติและฆ่าตัวตายแต่แท้จริงแล้ว ปิศาจก็คือความกลัวต่อบาปนั่นเอง เมื่อหาทางสงบจิตใจไม่ได้ ทางออกก็คือการฆ่าตัวตายยักษ์ร้อยตา ( โทะโดะเมกิ )โทะโดะเมกิ สมัยที่ยังเป็นมนุษย์นั้น เป็นสตรีที่รูปร่างหน้าตางดงาม แต่จิตใจต่ำช้า เป็นคนที่ชอบลักเล็กขโมยน้อยไม่เคยเปลี่ยนนิสัย ไม่เคยรู้สำนึก จึงถูกสวรรค์ลงโทษ ให้ตาปรากฏขึ้นที่แขน ทุกครั้งที่ทำผิด จนมีดวงตาเป็นร้อย ๆ ดวงเต็มแขนไปหมดเพราะเธอไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยนั่นเอง จึงต้องทนทุกข์เวทนาอย่างแสนสาหัสชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ตาของโทะโดะเมกิ จะมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปหมด ดังนั้น หากใครโชคร้าย ถูกมันไล่ตามก็จะถูกหาพบทุกครั้ง ไม่ว่าจะหนีไปซ่อนในที่มิดชิดแค่ใดก็ตามเรื่องนี้ เชื่อว่าเป็นนิทานหลอกเด็ก ที่แอบแฝงคำสั่งสอนไปในตัวว่า หากใครทำผิด และไม่ยอมรับผิดแต่โดยดีจะมีตาผุดขึ้นมาที่แขน ทีละดวง ทีละดวง จนกว่าจะยอมรับความผิดนั้น
ตำนานเทพเจ้าและผีญี่ปุ่น ตอนที่ 3
โพสท์โดย beeboyza
- ปิศาจขวางโลก ( อามาโนะจากุ
)
อามาโนะจากุ เป็นปีศาจที่เคยปรากฏตัวในเรื่อง เจ้าหญิงแตงโม ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในผลแตงโมแล้วถูกสองตายายพบเข้า จึงนำมาเลี้ยงดูเป็นลูก แต่แล้ววันหนึ่ง เธอก็ได้ไปพบกับเจ้าปีศาจตนนี้เข้าและด้วยความไร้เดี ยงสา จึงยินยอมให้มันสิงร่างของตนเป็นเหตุให้เจ้าปีศาจตัวร้าย กลืนกินจิตวิญญาณของเธอไปจนหมดสิ้น และวันดีคืนดีมันก็จะจำแลงร่างเป็นเด็กสาวคนนี้ ออกมาปรากฏตัวให้ชาวบ้านเห็นกันคนญี่ปุ่นจึงมีความเชื่อว่า คนดี ๆ ที่มีนิสัยอ่อนหวาน เรียบร้อย แต่แล้วอยู่ ๆ ก็เปลี่ยนไป ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือโดยไม่มีสาเหตุ จะถูกอามาโนะจากุเข้าสิง และกลืนกินจิตวิญญาณไป เหมือนกับเจ้าหญิงแตงโมผีสาวหน้าอัปลักษ์ ( โออิวะซัง )
ในระหว่างช่วงสมัยเอโดะ มีผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งความสวย และจิตใจดี และเป็นที่โจษขานกันถึงความงามของเธอ นามของเธอ คือ "Oiwa"Oiwa มีชายหนุ่มมากมายที่หมายปองเธอ แต่เธอก็เลือกซามูไรหนุ่มที่ชื่อ อิเอมอน ทามิยะ มาเป็นสามีแต่หารู้ไม่ว่าการตัดสินใจเลือกแต่งงานกับผู้ชายคนนี ้ "เธอคิดผิด" สามีของเธอรักเธอในช่วงแรก ๆ เท่านั้นแต่หลังจากที่สภาพทางการเงินของครอบครัวไม่สู้ดีนัก อิเอมอน ก็เกิดไปตกหลุมรักกับลูกสาวเศรษฐีเข้า
ในขณะเดียวกัน Oiwa ก็เพิ่งคลอดลูก ลูกสาวเศรษฐีและสามีของเธอจึงคิดจะกำจัดก้างขวางคออย ่าง Oiwaหญิงชู้ได้ใช้ให้ อิเอมอน เอายาพิษที่กินแล้วจะทำให้เสียโฉมให้ Oiwa กิน แล้วหลอกว่าเป็นยาบำรุงหลังคลอดลูกOiwa ได้ดื่มยาพิษนั่นและทำให้หน้าของเธอเสียโฉม ตาของเธอปูดโปนขึ้น เมื่อเธอรู้ถึงแผนชั่วของหญิงชายคู่นั้นเธอก็แค้นมาก
และฆ่าตัวตายในบึงน้ำ Oiwa (บางตำนานบอกว่า อิเอมอน เป็นคนฆ่าเธอแล้วโยนลงไปในบึง) หลังจากนั้น อิเอมอน ก็ย้ายไปอยู่บ้านของเศรษฐีOiwasan เป็นผีตนหนึ่งของญี่ปุ่นที่เรียกว่าติดอันดับต้น ๆ ของผีที่คนญี่ปุ่นกลัวที่สุด ยังมีตำนานบอกว่าหากใครได้นำเรื่องของเธอมาสร้างเป็น หนังหรือละครก็จะต้องไปไหว้ศาล Oiwa-Inari Tamiya Jinja ที่อยู่ในโตเกียว ที่นั่นสุสานของ Oiwasanและได้เขียนไว้ว่าวันตายของเธอคือ 22 กุมภาพันธ์ ปี 1963ตำนานเรื่องนี้มีสถานที่หลาย ๆ แห่งที่มีอยู่จริงเรียกได้ว่า เป็น "แม่นาค" แห่งกรุงโตเกียวก็ว่าได้จิ้งจอกเก้าหาง
ในตำนานของญี่ปุ่นได้กล่าวถึงจิ้งจอกเก้าหางว่า เป็นปิศาจที่หลบหนีมาแฝงตัวอยู่ในราชสำนักของญี่ปุ่น ในรัชสมัยของจักรพรรดิ์โทบะหลังจากที่หลบหนีมาจากอินเดีย และจีนมาแล้ว โดยแฝงตัวมาในร่างของหญิงงามนามว่า ทามาโมะ มาเอะ พระสนมของจักรพรรดิ์โทบะนางทำให้จักรพรรดิ์โทบะลุ่มหลงในความงามของนาง และสุขภาพของจักรพรรดิ์โทบะก็ทุดโทรมลงทุกวันจึงได้มีการอัญเชิญนักพรตจากหอองเมียวมาทำพิธีปัดรัง ควาน
พบว่าในวังมีปิศาจจิ้งจอกเก้าหางสีทองแฝงตัวอยู่ เมื่อความแตก ทามาโมะ มาเอะจึงได้คืนร่างเป็นจิ้งจอกสีทองตัวมหึมา มีเก้าหาง เหาะหลบหนีไปบนท้องฟ้ากองทหารของจักรพรรดิ์โทบะได้ไล่ตามไปจนถึงที่ราบสูงน าสุ และต่อสู้กับปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง และสามารถสยบจิ้งจอกเก้าหางลงได้กลายเป็นหินเซ็ทโชเซกิ ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อแห่งหนึ่งของญี ่ปุ่นมาจนปัจจุบันนี้อนึ่งมักเกิดความสับสนในผู้ที่เริ่มต้นศึกษาซึ่งเอาต ำนานของปีศาจจอกเก้าหางมารวมกับตำนานของเทพเจ้าแห่งจิ้งจอก อินาริ ( Inari หรือ Oinari) ซึ่งแท้จริงเป็นคนละอย่างกัน
อินารินั้นเป็น คามิ ( Kami) หรือเทพเจ้าองค์หนึ่งตามตำนานของศาสนาชินโตซึ่งเป็นศ าสนาดั้งเดิมของญี่ปุ่นตำนานเทพชินโตสุซาโนโอะ ยามาตะโนะโอโรจิน ดาบคุซานางิประวัติศาสนาชินโต
คำว่า "ชินโต" นี้ มาซาฮารุ อนาซากิ (Masaharu Anasaki. 1963 : 19 - 23) ได้อธิบายว่ามาจากอักษรจีนสองตัว คือ "เชน" (Shen) ซึ่งแปลว่า "เทพทั้งหลาย"ส่วน "เต๋า" (Tao) แปลว่า "ทาง" รวมความแล้ว แปลว่า "วิถีทางแห่งเทพทั้งหลาย" เพราะชาวญี่ปุ่นบูชาเทพเจ้าเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนเทพเหล่านี้เป็นเทพที่มีอยู่ในธรรมชาติ และการที่จะเข้าถึงองค์เทพได้นั้น จะต้องเข้าถึงธรรมชาติชินโตจึงสอนให้บุคคลเคารพในธรร มชาติเพื่อที่จะเข้าใจความเป็นชินโตให้มากขึ้น เราจะต้องศึกษาเทพนิยายและตำนานธรรมของคนญี่ปุ่นซึ่ง มีมานานก่อนศตวรรษที่ 6อันเป็นเรื่องราวที่แสดงถึงชาติกำเนิดของคนญี่ปุ่นซึ่งเชื่อกันว่าสืบสายเลือดมาจากเทพทั้งหลายทั้งปวง เทพเหล่านี้ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "กามิ" (Kami)แต่นักศาสนาบางท่านได้สันนิษฐานว่า กามิ คือ มานา (mana)กามิจะเป็นมานาหรือไม่ ยากที่จะระบุลงไปได้ เพราะแม้แต่นักศาสนาของญี่ปุ่นที่ชื่อ โมโตโอริ โนรินางะ (Motoori Norinaga)ยังไม่ยอมที่จะอธิบายกามิให้มากไปกว่าความหมายซึ่งเป ็นที่เข้าใจกันทั่ว ๆ ไปชินโต เป็นศาสนาตามความเชื่อเดิมของชาวญี่ปุ่น และเคยเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นในอดีต ชินโตเป็นศาสนาที่บูชาพระเจ้าหรือที่เรียกว่า คะมิ และวิญญาณในธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ซุซะโนะโอะ เทพเจ้าแห่งสายฟ้า คำว่าชินโต มาจากภาษาญี่ปุ่นสองคำในอักษรคันจิคำว่า "ชิน" ที่แปลว่าพระเจ้า และ "โต" ที่หมายถึงวิถีชีวิตภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ชินโตหกกดดเเกได้ถูกยกเลิกจากการเป็นศาสนาประจำชาติซึ่งในปัจจุบันชินโตเริ่มลดหายไปจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยที่ยังเห็นได้ในปัจจุบันได้แก่ โอะมิกุจิ (การดึงฉลากเสี่ยงโชคในศาลเจ้าชินโต)และการเฉลิมฉลอง งานปีใหม่ญี่ปุ่น ที่มีจัดขึ้นตามศาลเจ้าชินโต
ชินโตในระยะแรกไม่มีการสร้างศาลเจ้า จนกระทั่งศตวรรษที่3-4 ในศตวรรษที่4 เมื่อรัฐบาลยะมะโตะรวบรวมญี่ปุ่นจัดตั้งเป็นประเทศได ้แล้วทำให้ชินโตถูกแบ่งเป็น 2ระดับคือ อะมะทสึ-คะมิ(Amatsu-kami)และ คคุทสึ-คะมิ(Koukutsu-kami)คำสอนอันแรกของชินโตที่ปรากฏขึ้นในกลางสมัยเฮอั นคือ ฮนจิสุยจะขุ(Honjisuijaku) ที่ได้ผนวกคำสอนของนิกายเทนได(Tendai) และ นิกายชินเง็น(Shingen)เข้าไว้ด้วยกันรวมคำสอนของพระพุทธเจ้ากับเทพเจ้าที่มีมาตั้งแต่สมัย เฮอัน มาแยกเป็นทฤษฎีที่ให้ความสำคัญกับพระพุทธเจ้าเป็นหลั กและเทพเจ้าสำคัญเป็นรองโดยกล่าวว่าเทพเจ้าต่างๆในญี่ปุ่นล้วนเป็นปางหนึ่งขอ งพระพุทธเจ้าที่เสด็จลงมาโปรดนั่นเองในสมัยใหม่กลุ่มนิกายเช่น อิเสะ(Ise) โยะชิดะ(yoshida) ฟุคโค(Fukko)ได้สร้างทฤษฎีที่เน้ความเป็นอิสระของชินโต เมื่อเข้าสู่สมัยเมจิได้มีการทำให้คำสอนกับพิธีกรรมข องศาลเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยยึดถือพิธีกรรมของพระราชวงศ์เป็นหลัก นักบวชของชินโตมีหน้าที่ประกอบพิธีกรรมเท่านั้นส่วนประชาชนทุกคนถือเป็นสาวกกลายเป็นคกคะ ชินโต(Kokka Shintou)หรือชินโตที่เป็นของรัฐ หลังสงครามโลก ชินโตแต่ละนิกายได้ถูกบัญญัติให้เป็นศาสนาถูกต้องตาม กฎหมายจากข้อมูลทางสถิติของกระทรวงวัฒนธรรมของญี่ปุ่น สำรวจโดยอาสาสมัครของศาลเจ้าชินโตในปี ค.ศ.1994สุซาโนโอะ
(Susanowo-เจ้าสมุทร) เทพแห่งลมพายุ และเจ้าแห่งงู ตัวแทนแห่งปีศาจ เขากำเนิดจากจมูกของอิซานางิ และได้รับการมอบหมายให้ปกครองทะเลแต่ด้วยความที่เขาเป็นเทพเจ้าที่กล้าหาญ หัวแข็ง ไม่ยอมอยู่ภายใต้กฏใดๆ และใจร้อนหุนหันพลันแล่น เขาทำลายทุกสิ่งไปทั่วไม่จำกัดอยู่แต่ในทะเลเขาได้ส่งพายุไปทำลายทุกสิ่งบนแผ่นดิน และปกคลุมจนท้องฟ้าดำมืด นั่นทำให้เทพเจ้าทั้ง 8 ล้านองค์พิโรธและประชุมตัดสินลงโทษการก่อกวนเล็กน้อยๆของเขา โดยเฉพาะการต่อต้านพี่สาวของเขาเขาถูกตัดหนวดเครา, เล็บมือ, ยึดดินแดนที่เขาครอบครองทั้งหมด และขับไล่ไปโลกมนุษย์ เขาได้ผจญภัยไปทั่ว
และได้ปราบ ยามาทะ โน โอโรชิ เป็นงูใหญ่ 8 หัว 8 หาง มีดวงตาแดงก่ำ ลำตัวมีตะไคร่น้ำ และต้นฉำฉางอกอยู่ และที่หางมีดาบคุซานางิ โน ทสึรุงิ("ดาบปราบหญ้า"-ดาบวิเศษมีปลาย 7 แฉกเป็นตัวแทนของสายฟ้า) ปักอยู่(ต่อมาเขาแต่งงานกับ คุชินาดะ สร้างวังที่ซึงะ ในเมืองอิซึโมะ ต่อมาได้ย้ายไปที่เมืองเนโนคุนิ)ต่อมาเขาได้พิชิตเกาหลี และปราบโรคระบาดยามาตะ โนะ โอโรจิ
คือชื่อของจอมอสูรในตำนานเทพปกรณัมของญี่ปุ่นโบราณเมื่อคราที่อิซะนะงิ เทพบิดร และอิซะนะมิ เทพมารดร สร้างประเทศญี่ปุ่นขึ้นโดยการกวนน้ำทะเลนั้นได้เกิดจอมอสูรขึ้นมาในยุคเดียวกันนั้นด้วย คือยามาตะ โนะ โอโรจิยามาตะ โนะ โอโรจิ มีลักษณะเป็นงูขนาดใหญ่ ร่างกายของมันใหญ่ปานขุนเขา มีหัวแปดหัว(ด้วยเหตุนี้ จึงชื่อว่ายามาตะ หมายถึง แปดง่าม คือมีหัวทั้งแปด งอกออกมาจากง่ามทั้งแปด) และสามารถพ่นไฟได้เมื่อยามาตะ โนะ โอโรจิ ปรากฏตัวขึ้น ไม่ว่าจะไปยังหมู่บ้านใดๆ ก็ตาม จะเกิดการสูญเสียทั้งชีวิตคน และสัตว์เป็นจำนวนมากแต่ละหมู่บ้านที่ยามาตะ โนะ โอโรจิ จะผ่านไปนั้น จึงต้องคัดเลือกหญิงสาวมาสังเวยให้แก่ยามาตะ โนะ โอโรจิเพื่อทำให้ยามาตะ โนะ โอโรจิ พึงพอใจ จะได้ไม่มาทำลายหมู่บ้าน ขณะนั้น จอมเทพ ซุซะโนะโอะ โนะ มิโคโตะ เทพแห่งวายุน้องชายของเทพีอามาเทระสุ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ ได้ออกเดินทางผจญภัยไปยังแคว้นต่างๆ เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งขณะนั้น ได้มีการจัดเตรียมเครื่องสังเวย โดยหมู่บ้านนี้ เป็นหมู่บ้านที่ 8 ที่ยามาตะ โนะ โอโรจิ จะมาเยือน ซุซะโนะโอะ ได้รู้ดังนั้นจึงอาสาที่จะปราบยามาตะ โนะ โอโรจิ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้พ้นภัย
ซุซะโนะโอะ ได้เตรียมสุราไว้ด้วยกันแปดจอก และนำเอาหญิงสาวซ่อนไว้ด้านในสุดโดยให้เงาของหญิงสาวทาบทับสะท้อนลงไปในจอกสุราทั้งแป ดจอกนั้น เมื่อยามาตะ โนะ โอโรจิมาถึงก็ไล่ดื่มสุราทีละจอกทีละจอกเพราะเห็นเงาของหญิงสาวนั้นสะท้อนอยู่ในเหล้าทุกจอก เมื่อดื่มครบแปดจอก ก็เกิดความเมามาย ซุซะโนะโอะที่ซ่อนตัวอยู่เห็นว่าได้จังหวะเหมาะจึงกระโจนออกจากที่ซ่อน แล้วใช้ดาบฟาดฟันงูยักษ์ยามาตะ โนะ โอโรจิจนหัวขาดหมดสิ้นทั้งแปดหัว และถูกสยบลงได้ในที่สุดเมื่อยามาตะ โนะ โอโรจิถูกกำราบลงแล้ว ซุซะโนะโอะได้เห็นว่าที่หางของยามาตะ โนะ โอโรจินั้นมีแสงเรืองรองส่องสว่างอยู่จึงได้ตัดหางของยามาตะ โนะ โอโรจิออกดู และพบว่ามีดาบอยู่ในนั้น ดาบที่ซุซะโนะโอะนำออกมาจากปลายหางของยามาตะ โนะ โอโรจิมีชื่อว่าดาบคุซานางิ ซุซะโนะโอะได้นำดาบนั้นมาครอบครองและนำไปถวายให้อะมา เตระสุเพื่อขอขมาในภายหลัง- อะมาเตระสุ
เป็นเทพีแห่งดวงอาทิตย์ตามความเชื่อของศาสนาชินโต มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพีองค์นี้มากมายซึ่งเป็นรากฐานของพิธีกรรมสำคัญต่างๆ เรื่องที่สำคัญคือการที่สุริยเทวีหลบหนีซุซะโนะโอะ เทพแห่งพายุเข้าไปอยู่ในถ้ำทำให้โลกต้องพบกับความมืดมิดเกิดจลาจล เทวดาทั้งหลายจึงคิดอุบายล่อหลอกให้สุริยเทวีปรากฏตั วออกมาเมื่อสุริยเทวีปรากฏตัวอีกครั้ง แสงสว่างได้ขับไล่ความมืดและความชั่วร้ายและสามารถปร าบซูซะโนะโวะลงได้ นางจึงกลายเป็นเทพที่สำคัญที่สุดของศาสนาชินโตซุซะโนะโอะ
ซุซะโนะโอะเป็นน้องชายของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ อามาเทราซุ และเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ สึกิโยะมิ โดยเทพเจ้าสามองค์ถือกำเนิดจากเทพ อิซานางิเทพแห่งลมพายุ และเจ้าแห่งงู ผู้ปกครองปีศาจ เขากำเนิดจากจมูกของอิซานางิ และได้รับการมอบหมายให้ปกครองทะเลแต่ด้วยความที่เขาเป็นเทพเจ้าที่กล้าหาญ หัวแข็ง ไม่ยอมอยู่ภายใต้กฏใดๆ และใจร้อนหุนหันพลันแล่น เขาทำลายทุกสิ่งไปทั่วไม่จำกัดอยู่แต่ในทะเลเขาได้ส่งพายุไปทำลายทุกสิ่งบนแผ่นดิน และปกคลุมจนท้องฟ้าดำมืด นั่นทำให้เทพเจ้าทั้ง 8 ล้านองค์พิโรธและประชุมตัดสินลงโทษการก่อกวนเล็กน้อยๆของเขา โดยเฉพาะการต่อต้าน อามาเทราซุพี่สาวของเขาเขาถูกตัดหนวดเครา, เล็บมือ, ยึดดินแดนที่เขาครอบครองทั้งหมดและขับไล่ไปโลกมนุษย์ เขาได้ผจญภัยไปทั่ว และได้ปราบ ยามาตาโนะ โอโรจิเป็นงูใหญ่ 8 หัว 8 หาง มีดวงตาแดงก่ำ ลำตัวมีตะไคร่น้ำ และต้นฉำฉางอกอยู่และที่หางมีดาบคุซานางิ โน ทสึรุงิ ("ดาบปราบหญ้า"-ดาบวิเศษมีปลาย 7 แฉกเป็นตัวแทนของสายฟ้า)ปักอยู่ ซึ่งได้ลักพาตัวสาวในหมู่บ้านเจ็ดคนและขณะที่มาลักพาตัวสาวคนที่แปด เทพซุซะโนะโอะได้หลอก ยามาตาโนะ โอโรจิ ให้ดื่มสาเก 8 ไหสำหรับแต่ละหัวและกำจัดลงได้หลังจากที่ ยามาตาโนะ โอโรชิเมาหลับไป
ต่อมาเขาแต่งงานกับ คุชินาดะ สร้างวังที่ซึงะ ในเมืองอิซึโมะ ต่อมาได้ย้ายไปที่เมืองเนโนคุนิ ต่อมาเขาได้พิชิตเกาหลี และปราบโรคระบาดนานแสนนานมาแล้วเมื่อท้องฟ้าและพื้นดินเพิ่งแยกออกจา กกันเทพอิซานางิ และ เทพอิซานามิผู้ เป็นทั้งภรรยาและน้องสาวกำเนิดมาจากทะเลโคลนทั้งคู่ได้ยืนอยู่บนสะพานสายรุ้งและเอาง้าวจุ่มลงในท ะเลโคลนกวนให้น้ำแยกจาก ดิน และดินโคลนทั้งหลายก็รวมตัวอยู่ตรงกลาง เมื่อดึงง้าวขึ้นมาโคลนที่ติดอยู่กับง้าวก็หยดลงมากลายเป็นเกาะโอโนโกโร เป็นเกาะแรกของหมู่เกาะญี่ปุ่น ที่ซึ่งเทพเจ้าและมนุษย์ได้อาศัยกำเนิดขึ้นมาทั้งคู่ได้สร้างเกาะญี่ปุ่น 40 เกาะและให้กำเนิดเทพ 36 องค์ องค์สุดท้ายคือ คากูทซึชิ เทพแห่งไฟที่เมื่อคลอดออกมาก็เผาผลาญ อิซานามิจนตาย ไปอยู่นรก และกลายเป็นเทพีผู้ปกครองนรกบาดาลหลังจาก อิซานามิ ตาย อิซานางิ ก็เอาแต่โศกเศร้า และเฝ้าคิดถึงภรรยา จึงลงไปหาภรรยาในนรกแต่เมื่อได้พบ อิซานางิ ก็ตกใจกับรูปลักษณ์ของภรรยา ที่เน่าเปื่อย กลายเป็นผีที่น่าเกลียด และแสดงอาการรังเกียจออกมาแต่ก็ได้ร้องขอให้เธอกลับไปครองรักกันเหมือนเดิม แต่ อิซานามิ เห็นอาการของสามีที่รังเกียจตน จึงปฏิเสธไม่ยอมกลับไปด้วย
ทั้งสองจึงแยกจากกันชั่วนิรันดร์ หลังจาก อิซานางิ กลับมาจากนรก อิซานางิ รังเกียจภรรยาที่กลายเป็นผี จึงปิดผนึกปากถ้ำที่เป็นทางลงไปสู่นรกแต่อิซานามิ ได้หลบหนีออกมาจนได้ ด้วยความโกรธ ที่สามีของตนรังเกียจตนจึงอธิษฐานให้มนุษย์ ตายวันละ 1,000 คน แต่อิซานางิ ก็อธิษฐานให้ มนุษย์เกิดขึ้นมาวันละ 1,500 คน
หลังจากนั้น อิซานางิ ได้ทำพิธีชำระล้างมลทินเป็นครั้งแรก- เขาล้างตาซ้ายของเขา มีน้ำตาหยดออกมาหลอมตัวก่อกำเนิดเป็น สุริยะเทวีอามาเตราสึ- เมื่อเขาล้างตาขวาของเขาน้ำตาร่วงหล่นหลอมตัวก่อกำเน ิดเป็น จันทราเทพบุตร ทซึกิ-ยูมิ- และน้ำมูกจากจมูกของเขา ได้ให้กำเนิดเจ้าสมุทร ซูซาโนโอะอาชูร่า
อาชูร่า ในบางศาสนาคือเทพ มีศาสนาเดียวน่ะละ คือศาสนาโซโรอัสเตอร์แล้วต่อมาศาสนาโซโรอัสเตอร์ที่นับถือไฟและแสงสว่างมี อิทธิพลในเอเชียคตินับถือเทพอาชูร่าในฐานะเทพแห่งแสงสว่างก็แพร่หลาย ไปในหลายประเทศ เช่นในอินเดีย ในจีนอิทธิพลของศาสนาก็เช่น ในนิยายกำลังภายใน มังกรหยก พรรคจรัส หรือเม้งก่า นั่นก็มีต้นกำเนิดจากเปอร์เซีย คือบูชาไฟ แบบศาสนาโซโรอัสเตอร์นอกจากนั้น เทพอาชูร่าก็จะเป็นต้นกำเนิดของคติความเชื่อในพระอมิ ตาภะพุทธด้วยแต่ อย่างไรก็ตาม อาชูร่าเป็นการออกเสียงเพี้ยนเนื่องจากอ่านหนังสือกา ร์ตูนญี่ปุ่น ชื่อจริงๆคือ อะหูระ มาจาก อะหูระ มัสตะหรือ บางทีก้เรียก ออร์มัทซ์ แต่คำนี้ในภาษาสันสกฤตก็คือคำเดียวกับคำว่า อสูรอสูร สำหรับคติอินเดียคือ ฝ่ายอธรรม แต่ศาสนาโซโรอัสเตอร์เรียกเทพว่า อสูร เรียกมาร ว่าเทวะแก้ไขรูปให้เรียบร้อยแล้วคัฟ31/1/11 21.45น.
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
บทเรียนราคาแพง 111 ล้าน เมื่อความเชื่อใจกลายเป็นช่องโหว่ให้คนสนิทฉกฉวย
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
"มัดหมี่ พิมดาว" แฉกลลวงสูญเงิน 8 ล้านบาท จากแรงศรัทธา
เปิดอายุแท้จริงของ น้องจินนี่ ลูกสาว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทำให้หลายคนเข้าใจผิด
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
เมื่อจีนอยากทำหนัง The Shallows เป็นของตัวเอง จะเป็นยังไง
เปิด 2 ข้อหาหนัก "ป้าแอน" แม่บ้านทคดีผสมเดทตอลในขวดนมเด็ก พบประวัติอาชญากรรมเมื่อปี 67
แม่บ้านเดทตอลมหาภัยถูกจับกลางรายการ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจวางยาเด็ก เข้าใจผิดคิดว่าเป็นนม พร้อมขอโทษผู้เสียหาย
จับแม่ค้าออนไลน์ "แก้ไขวันหมดอายุ" แล้วเอามาขายใหม่
เบสท์ คำสิงห์ เปิดใจข่าวซุบซิบกับ บิ๊ก ผญบ.ฟินแลนด์
10 วาทะเด็ดแห่งปี 2568 ที่คนไทยลืมไม่ลงHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
Luxuriate อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขแบบไม่ต้องรู้สึกผิด
ความหวังใหม่ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ชายออสเตรเลียคนแรกของโลกที่ใช้หัวใจเทียมทั้งหมด
เมื่อจีนอยากทำหนัง The Shallows เป็นของตัวเอง จะเป็นยังไง












