หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ประวัติชาว bboy และ วิธีการฝึกเต้น B-Boy แบบง่ายๆๆ แต่ฝึกอีกยาว!!

โพสท์โดย ลิงน้อย

ประวัติ bboy และ วิธีการฝึกเต้น B-Boy แบบง่ายๆๆ



คำว่า B-Boying นั้นมีรากศัพท์มาจากภาษาของชนชาติแอฟริกัน คือ คำว่า
Boioing หมายความว่า กระโดด,โลดเต้น และถูกใช้ในแถบ Bronx River
ในการเรียก รูปแบบการเต้นเบรกกิ้งของกลุ่มชาวบีบอย
ตัว B ในคำว่า Bgirl : Bboy นั้นย่อมาจาก Break-Girl : Break-Boy
(บางทีก็หมายถึง Boogie หรือ Bronx) B-Boying นั้นยังเป็นที่รู้จักในชื่อ เบรกกิ้ง
หรือ เบรคแด๊นซ์ (อันหลังได้รับการบัญญัติโดยสื่อมวลชน)

Breaking นั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Rocking มาก่อน เป็นการสะท้อนของ
อิทธิพลจากชนชาวแอฟริกัน อเมริกัน หรือวัฒนธรรมชาวลาติน(เปอโตริกัน)
ซึ่งมาพร้อมกับการอพยพ และ ปักฐานที่กรุงนิวยอร์กในช่วงปลายยุค60นั่นเอง
"เบรกกิ้ง" เป็นการเต้นที่ได้รับอิทธิพลจากการเต้นหลากหลายรูปแบบ
ทั้งท่วงท่าจากกีฬายิมนาสติก รวมถึงจากศิลปะการเคลื่อนไหวของโลกตะวัน
ออกอีกด้วย เป็นที่คาดคิดกันว่า เบรคกิ้ง หรือเบรคแด๊นซ์นั้นมีรากฐานมาจาก
คาโปเอร่า หรือ Capoeira คำว่า เบรค (Break)-
-นั้นเป็นช่วงของจังหวะดนตรีที่ดุดันและเร้าใจ ในช่วง
จังหวะนี้เหล่านักเต้นจะแสดงอารมณ์ด้วยท่าเต้นที่จะดึงดูดสายตาที่สุดเลยทีเดียว
เรียกว่ามีอะไรก็เอามาโชว์ให้หมด Kool DJ Herc เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในการ
ขยายช่วงจังหวะนี้ให้สนุกมากขึ้นด้วยเทิร์นเทเบิ้ลถึงสองตัว โดยเล่นแผ่นเสียง
พร้อมกันทั้ง2เครื่องและใช้แผ่นเสียงเพลงเดียวกัน ใช้เทคนิคถูแผ่นต่างๆกันไป
ซึ่งนักเต้นสามารถจะถ่ายทอดท่าเต้นได้นานกว่าเดิม ที่มักจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่
วินาที ในระยะแรกๆนั้นการเต้นจะเป็นท่า upright ที่ภายหลังเป็นที่รู้จักกันใน
ชื่อ top rocking เป็นท่ายืนเต้น ซึ่งมีอิทธิพลมาจาก Brooklyn uprocking, การ
เต้นแท็ป , lindy hop , ซัลซ่า, ท่าเต้นของ Afro Cuban, ชนพื้นเมืองแอฟริกัน
และชนพื้นเมืองชาวอเมริกัน และก็ยังมีท่าท๊อปร็อคแบบ Charleston ที่เรียก
ว่า"Charlie Rock" อิทธิพลอีกอย่างนั้นมาจาก James Brown กับผลงานเพลง
ยอดฮิต Popcorn (1969) และ Get on the Good Foot (1972) จากท่าเต้น
ที่เต็มไปด้วยพลังและรูปแบบที่โลดโผนสนุกสนาน ผู้คนจึงเริ่มที่จะเต้นในแบบ GoodFoot

ในขณะ ที่การต่อสู้กันด้วยลีลาท่าเต้นเริ่มจะกลายมาเป็นประเพณี
การเต้น Rocking หรือ Breaking นั้นก็เริ่มจะแทรกซึมเข้ามาสู่วัฒนธรรมฮิป
ฮอป (ปะทะกันด้วยความสร้างสรรค์ไม่ใช่ด้วยอาวุธ) และมันเริ่มพัฒนาท่า
เต้นที่เริ่มหลากหลายขึ้น ทั้งการย่ำเท้า การสับขา การลากเท้า และท่วง
ท่าที่จะใช้ปะทะกัน คือมีดีอะไรก็นำมาโชว์และเป็นที่มาของท่า footwork
(floor rocking) และ freezes
Floor rocking มีอิธิพลมาจากภาพยนตร์แนวต่อสู้ ในช่วงปลายยุค
70, การเต้นแท็ป (  ฟุตเวิร์กแบบชาวรัสเซีย,การตบ, การกวาดตัวเคลื่อนย้าย
อย่างรวดเร็ว, ท่าล้อเกวียน ) และท่าอื่นๆ ซึ่ง Floor rocking ได้เข้ามาเป็นท่า
เต้นหลักเพิ่มขึ้น จาก toprocking ในช่วงการเต้นขึ้นลงสู่พื้น เรียกว่า การ godown
หรือ การ drop ยิ่งทำได้ลื่นไหลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

Freezes นั้นมักใช้ในเป็นท่าจบ ซึ่งมักจะใช้เป็นท่าล้อเลียนหรือท้า
ทายฝ่ายตรงข้ามหรือคู่ต่อสู้ ท่าที่ยอดฮิตก็คือ chairfreeze และ baby
freeze ท่า chair freeze นั้นกลายเป็นท่าพื้นฐานของหลายๆท่าเพราะว่าระ
ดับความยากง่ายของท่าที่ต้องใช้ความสามารถพอตัว คือ การใช้มือ แขน
ข้อศอกในการพยุงตัวในขณะที่เคลื่อนไหวขาและสะโพก
เป้าหมายหลักในการปะทะ หรือ Breaking Battle นั้นก็คือ เอา
ชนะคู่ต่อสู้ด้วยท่าที่ยากกว่า สร้างสรรค์กว่า และรวดเร็วกว่าในทั้งจังหวะ
และการFreezesซึ่งก็เป็นสิ่งที่ Breaking crews หรือกลุ่มของนักเต้นนั้น
เข้ามารวมตัวกันและช่วยกันฝึกฝนและคิดค้นท่าใหม่ๆ เพื่อเอาชนะกลุ่มอื่นๆ
กลุ่มบีบอยที่เป็นที่รู้จักในช่วงแรกๆ คือ กลุ่ม Nigga Twins และ
กลุ่มอื่นๆอย่างเช่น TheZulu Kings, The Seven Deadly Sinners,
Shang-hai Brothers, The Bronx Boys, Rockwell Association,
Starchild La -Rock,Rock Steady Crew and the Crazy Commanders
(CC step) เรียกได้ว่าพวกเขาเป็นผู้บุกเบิกวงการนักเต้นบีบอยยุคแรกๆ
ช่วงที่การเต้นแบบนี้เริ่มพัฒนาจนมีเอกลักษณ์ น่าสนใจและสร้างนักเต้น
ที่เป็นที่รู้จักนั่น ก็คือช่วงกลางยุคปี 70 ก็ได้แก่นักเต้นอย่าง Beaver, Robbie Rob
(Zulu Kings), Vinnie, Off (Salsoul), Bos (Starchild La Rock), Willie Wil,
Lil' Carlos (Rockwell Association), Spy, Shorty (Crazy Commanders),
Jame Bond, Larry Lar, Charlie Rock (KC Crew), Spidey, Walter (Master Plan) ฯลฯ
กลุ่มบีบอยใหญ่ๆที่ทำใหศิลปะการปะทะกันด้วยเบรคแด๊นซ์นี้ไม่หายไป
ก็คือการปะทะกันระหว่างกลุ่ม SalSoul (เปลี่ยนชื่อภายหลังเป็น The DiscoKids)
กับกลุ่ม Zulu Kings และระหว่างกลุ่ม Starchild La Rock กับ
Rockwell-Association ในขณะนั้น เบรคกิ้ง หรือ เบรคแด๊นซ์ ยังมีแค่ท่า Freezes,
Footworks and Toprocks และ ยังไม่มีท่า Spins!
ในช่วงปลายยุค 70 กลุ่มบีบอยรุ่นเก่าๆเริ่มที่จะถอนตัวกันไปและบีบอยรุ่น
ใหม่ๆก็เริ่มเข้ามาแทนที่ และ คิดค้นสร้างสรรค์ท่าและรูปแบบการเต้นใหม่ๆขึ้น
เช่น การหมุนทุกๆส่วนของร่างกาย เพิ่มขึ้นมา ซึ่งเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน เช่น
ท่า Headspin, Continues Backspin หรือ Windmill และอื่นๆอีกมาก ที่ได้รับการ
คิดค้นและพัฒนามาเรื่อยๆ

ในช่วงยุค 80 มีกลุ่มบีบอยหลายๆกลุ่มที่โด่งดังในกรุงนิวยอร์ก ได้แก่
'Rock Steady Crew' , 'NYC Breakers' , 'Dynamic Rockers' , 'United States
Breakers' , 'Crazy Breakers' , 'Floor Lords' , 'Floor Masters' , 'Incredible
Breakers' , 'Magnificent Force' ฯลฯ บีบอยที่เก่งช่วงนั้นก็เช่น Chino, Brian,
German, Dr. Love (Master Mind), Flip (Scrambling Feet),Tiny (Incredible
Body Mechanic) ฯลฯ.

การปะทะกันที่ยิ่งใหญ่มากในตอนนั้น เป็นการปะทะกันระหว่าง
Rock Steady Crew กับ NYC Breakers และระหว่าง Rock Steady Crew
กับ Dynamic Rockers และในช่วงปลายยุคปี80
การปะทะกันระหว่างกลุ่มเหล่านี้ก็เริ่มดึงดูดสายตาเหล่าสื่อมวลชน
และในปี1981 ช่องABCได้ถ่ายทอดการแสดงของ Rock Steady Crew
ที่ Lincoln Center และในปี1982 การปะทะกันระหว่าง Rock Steady Crew กับ-
-Dynamic Rockers ได้รับการบันทึกเป็นสารคดี ในชื่อ "Style Wars" และได้รับ
การถ่ายทอดอย่างเป็นทางการจากช่อง PBS ซึ่งก็ทำให้ การเต้นเบรกกิ้งเดินทาง
ไปสู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา และในปีเดียวกันนั้น "Roxy" คลับ
โรลเลอร์สเก็ตดิสโก้ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็น คลับฮิปฮอป.

ปี1983 ภาพยนตร์ "Flashdance" เป็นที่นิยมอย่างมาก และ มิวสิควีดีโอของ
Malcolm McLarens ที่ชื่อ "Buffalo Gals" ก็ได้ฉายออกทีวี Rock Steady Crew
นั้นได้มีส่วนร่วมแสดงในทั้งสองเรื่องและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากความสำเร็จ
ของทั้งภาพยนตร์และเพลงสำหรับคนทั่วไปแล้วการเต้น ?เบรคกิ้ง?นั้นเป็นสิ่งใหม่
ที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อน และน่าตื่นตาตื่นใจ และในปีเดียวกันนั้น ภาพยนตร์เรื่อง
"Wild Style" ก็ออกฉายและมีการโปรโมตภาพยนตร์ ซึ่งเป็นการออกทัวร์ครั้งแรก
ของชาวฮิปฮอป มีทั้ง The MCs, DJs, Graffiti artists และ Breakers เดินทาง
ไปโปรโมตที่ London และ Paris การออกโปรโมตครั้งนี้นั้นเป็นครั้งแรกที่โชว์
เบรคกิ้ง ได้เปิดการแสดงสดในทวีปยุโรป
ในปี1984 ภาพยนตร์เรื่อง"Beat Street" เปิดตัวฉายและกลุ่มบีบอยที่ได้
แสดงในเรื่องก็คือ Rock Steady Crew, NYC Breakers และ Magnificent Force
และในช่วงการแสดงปิดท้ายงาน LA Olympic Summer Games เป็นการแสดงของ
บีบอย และ บีเกิร์ลกว่า 100คน! และในปีเดียว กัน "Swatch Watch NYC Fresh Tour"
ก็ออกฉาย และภาพยนตร์ชื่อ "Breakin" ก็เริ่มถ่ายทำในปี1985 และต่อด้วย
"Breakin 2: Electric Boogaloo" ทั้งสองเรื่อง ถ่ายทำในไนท์คลับ
ชื่อ "Radio" (ภายหลังชื่อ "Radiotron") ใน LA
' Breakin' หรือ Breakdance' ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และได้กลาย
เป็นส่วนหนึ่งของยุคสมัยและแฟชั่น เห็นได้จากโฆษณา ผลิตภัณฑ์นม,Right
Guard, Burger King ฯลฯ และรายการทีวี อย่าง Fame, That's Incredible!,
David Letterman ฯลฯ ทั้งนี้กลุ่มบีบอยยังได้รับเกียรติให้เป็นแขกกิตติมศักดิ์
ของเจ้าชาย ของ Bahrain และQueen Elizabeth อีกด้วย
จวบจนปัจจุบัน "บีบอย" ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมฮิปฮอป และ
ได้รับความนิยมไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของโลก การสร้างสรรค์ลีลาการเต้นที่เป็น
สนุกสนานก็ยังคงดำเนินต่อไป.......

___________________________________________________________________

 

วิธีการฝึกเต้น B-Boy แบบง่ายๆๆ

ท่านี้เป็นท่าแรกที่คุณควรจะทำก่อนทำสิ่งต่างๆเนื่องจากเป็น  
basic ที่จำเป็นอย่างยิ่ง Toprock คือ step ที่ b-boy ทำ  
ก่อนที่จะเริ่ม ทำ Footwork หรือ Power Moves ต่างๆ  
ความจริงท่านี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้อะไรเลย เพราะว่ามันจะออก  
มาจากอารมณ์ของคุณเองโดยที่ใครก็กำหนดไม่ได้ เหมือนกับ  
ว่าคุณ ฟัง hip-hop แล้วคุณก็โยกไปโย่ไปไรประมาณนี้ แต่  
เราก็มีแนวทางที่ b-boy ส่วนใหญ่ ใช้ เล่น Toprock โดยมี

 

  


step ดังนี้

  
1) ก้าวเท้าขวาเฉียงไปด้านซ้าย 


2) ก้าวขวากลับมายืนที่เดิมคุณสามารถกระโดดก็ได้ 


3) ก้าวเท้าซ้ายเฉียงไปทางขวา 


4) ก้าวกลับมาที่เดิม อาจกระโดดก็ได้  
นอกจากนี้ยังมีการเดินเป็นวงกลมและสามารถรวม step  
ข้างต้นลงไปก็ได้ซึ่งขึ้นอยู่กับเรา และนอกเหนือจากนี้คุณยัง  
สามารถดูจากวีดีโอเบรคฯและสามารถนำสไตล์ของผู้อื่นมาดัด  
แปลงก็ได้ แต่อย่างไรก็ดีเราไม่ควรลอกสไตล์ใครมาเลย  
เพราะมันจะเป็นการหมิ่นอย่างมาก ซึ่งแต่ล่ะคนจะมีสไตล์  
การเต้น Toprock ต่างกันไปตามอารมณ์ ของแต่ล่ะคน  
หรืออาจมาจากศิลปการต่อสู้ ,การเต้นแบบอื่น ,และการ  
ผสมผสานของสิ่งต่างๆเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ซึ่งจะเป็น  
สไตล์ที่ออกมาจาข้างในของแต่ล่ะบุคคลซึ่งแน่นอนมันจะ  
ต้องต่างกันมาก  
Tip ; ท่านี้เป็นท่า freestyle เทคนิคคือเอกลักษณ์ของแต่ล่ะคนครับ

การหมุน
หมุนแบบต่างๆ

 

Power Move หรือ Windmill (ท่าที่เป็นจุดขายของชาวบีบอย)

 

 

 

ก็จะเข้าสู่ช่วง Power Move ในช่วงนี้จะมีการเคลื่อนไหวที่โดดเด่นและรุนแรงมาก ซึ่งช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด

ช่วงหนึ่ง และแต่ละท่าของ Power Move นั่นจะค่อนข้างยากพอควรเลยทีเดียว

โดย Power Move นี้จะสามารถใช้ได้ทั้งมือ ศอก หลัง ไหล่ ไปจนถึงหัว มาเป็นฐานในการหมุนตัวทำท่าต่างๆ เช่น Windmill

 


 

 


( หมุนหลัง ) Back Spin .


เป็นท่าที่ง่ายที่สุดในการหมุน ได้รับความนิยมมากในสมัยก่อน  
สามารถใช้ต่อท่า จาก Windmill เพื่อความสวยงาม  
เริ่มจากการ นอนหงายลงบนพื้น ไม่ให้ศีรษะโดนพื้น จากนั้น  
ให้ใช้ขาขวา เตะกวาดในลักษณะตามเข็มนาฬิกา เป็นวงกลม  
แล้วเตะขาซ้ายกวาดตามมาเล็กน้อย จากนั้นให้งอเข่าทั้งสองข้าง  
ยกก้นให้ลอยจากพื้นแล้วใช้ สะบัก หรือแผ่นหลังด้านบน หมุน  
ขณะหมุนเก็บคองอเข่า เพื่อให้ได้รอบมากขึ้น  
ในช่วงแรกๆของท่านี้สำหรับบางคนจะเสียสมดุลบนหลัง  
ของตนวิธีการคือให้หลังจากเตะกวาดแล้วให้เก็บคองอเข่า  
ให้เร็วที่สุดเพื่อให้ร่างกายหมุนเหวี่ยงไปตามแรง  
Tip พยายามทำให้เหลือพี้นที่ที่ใช้หมุนให้น้อยที่สุดเพื่อเพิ่มรอบหรือ  
ให้ชูขาทั้งสองขึ้นช้าๆขณะหมุนเพื่อให้รอบมากขึ้น  


เป็นท่าที่ที่นิยมกันมากในการฝึกซึ่งเป็นท่ายากท่าหนึ่งและ  
ท่านี้เป้นท่าที่ผมค่อนข้างถนัดมาก และก็ชอบเป็นการส่วนตัว  
ลักษระของท่านี้จะเป็นการหมุนตัวอยู่บนแขนที่กำลังหกสูง  
ข้างเดียว เป็นการง่ายถ้าคุณสามารถทำหกสูงเดินเป็นวงกลมได้  
เพราะฉนั้นพื้นฐานของท่านี้คือหกสูง คุณควรฝึกทรงตัวบนหกสูง  
ให้ดีก่อน

  
แบบที่ 1

 

  
(เราจะหมุนบนมือซ้าย) Handspin .


เริ่มโดยการยืนตรงแล้วนำขาขวามาไขว้ไว้บนขาซ้ายจากนั้นให้ตีล้อเกวียน  
ไปทางซ้ายแต่ไม่ต้องให้ตีล้อเกวียนไปอีกข้างหนึ่งแต่ตีล้อเกวียนให้ขาลอยขึ้น  
ไปทำหกสูงได้ เท่านั้นพอ เมื่อขึ้นไปหกสูงได้แล้ว ให้เอนน้ำหนักทั้งหมดของ  
คุณไปที่มือซ้าย (ขณะเดียวกันนี้ขาทั้งสองของคุณที่ไขว้กันจะหลุดออกจากกัน)  
จากนั้นให้ตีศอกขวาไปด้านหลัง ให้ตัวหมุนอยู่บนมือซ้าย 


แบบที่ 2

 

  
(หมุนบนมือซ้ายเช่นกัน)  


เริ่มโดยการยืนแยกขาทั้งสองประมาณ 30 องศา กางแขนออก จากนั้นให้  
วางมือขวาบนพื้นด้านหน้าเท้าซ้ายจากนั้นให้เตะขาซ้ายไปด้านหลัง แรงพอ  
ที่จะทำให้เท้าขวาลอยขึ้นจากพื้น เมื่อเท้าทั้งสองของคุณลอยขึ้นจากพื้นแล้ว  
ลำตัวของคุณจะเหวี่ยงเป็นวงกลมในแนวดิ่ง ให้คุณวางมือซ้ายของคุณ  
ลงบนพื้น ใกล้กับมือขวาจากนั้นให้ถีบขาขวาไปด้านหลัง (ถีบขึ้นไปตรง)  
แล้วปล่อยมือขวา (ขณะนี้น้ำหนักทั้งหมดของคุณจะอยู่บนแขนซ้าย)  
ร่างกายของคุณจะหมุนอยู่บนมือซ้าย พยายามเกร็งแขน ซ้ายไว้ และทรงตัว 

 
________________________________________________________________ 

1990 แบบอื่น


2000 ; คือท่า 1990 แต่ใช้มือขวามาวางบนมือซ้ายตอนหมุนท่านี้จะค่อนข้างทรงตัวดี  
Reverse 1990 ; คือ จากที่คุณหมุนซ้ายก็เปลี่ยนเป็นทือขวาแทนแต่ลำตัวของคุณจะหมุน  
ในด้านเดิม ท่านี้จะหมุนค่อนข้างยาก  
Elbow 90 ; มันคือ 1990 แต่ว่า ใช้ศอกแทนมือของคุณ 

 

_______________________________________________________________________


วิธีเพิ่มรอบ

 

 


แบบงอเข่า แล้วยืดขา  


หลักของมันจะเหมือนกับท่า Headspin แต่ใช้มือแทน คือเหมือนกันตรงที่  
เมื่อคุณเตะขาขึ้นไปแล้วให้งอเข่าแบบนั่งชันเข่าข้างเดียว ทรงตัวให้ได้ ซัก  
2-3 รอบแล้วจึงยืดขาทั้งสอง ขึ้นเพื่อเพิ่มรอบเป็น 5-6 รอบ  
แบบถีบจักรยาน  
ก็แบบที่คุณ ถีบจักรยาเลยล่ะถ้าจะตกก็ถีบขึ้นไปอีก  
แบบรวบขารวดเดียว  
แบบนี้จะยากที่สุดเพราะมันจะเหวี่ยงแรงมากทำได้โดยเมื่อคุณแตะ 1990  
ขึ้นไปได้แล้วให้คุณรวบขาทั้งสองมาชิดกัน หรือมาไขว้กันจะทำให้คุณ  
ได้รอบมาก  
ข้อควรระวัง ; คุณควรหกสูงให้ดีก่อนทำท่านี้มิฉนั้นคุณอาจได้รับบาดเจ็บบริเวณ  
ศีรษะ แขน เข่า เท้า ฯลฯ ถ้ารู้สึกล้าที่ช่วงต้นแขนให้นอนหลับพักผ่อน  
Tip ; หกสูงดีๆเชื่อผม ถ้ามือซ้ายมือเดียวได้ก็จะดีมาก  
  
ท่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากท่า 1990's ซึ่งเป็นที่ใช้การทรงตัวมากแต่ถ้าเป็น 2000's  
จะทรงตัวได้ง่ายกว่าแต่ในขณะเดียวกันมันก็อาจจะหนืดกว่า 1990's เล็กน้อย  
ลักษณะของท่า 2000's คือเหมือน 1990's ทุกอย่างเว้นแต่ว่ามือขวาวางทับไว้  
บนมือซ้ายเพื่อเพิ่มการทรงตัวให้มากกว่าเดิมทำให้คุณไม่ต้องเอียงน้ำหนักไปทางซ้าย  
มากนัก  
การเพิ่มความเร็วและรอบ ;  
เหมือนกับ 1990's ทุกอย่างแต่ส่วนใหญ่แบบที่มี  
ประสิทธิภาพคือการรวบขาทั้งสองเพื่อที่จะเกลียงตัว  
คำแนะนำ ; คุณอาจหาผ้าหรือบางอย่างมาพันฝ่ามือก็ได้เพื่อความไม่ฝืดในการหมุน  



คุณจำเป็นจะต้องมีคอที่แข็งแรงสำหรับท่านี้เนื่องจากคุณจะต้องใช้  
คอของคุณรับน้ำหนักตัวของคุณทั้งหมด ซึ่งถ้าคอของคุณไม่แข็ง  
แรง อาจทำให้คอคุณหักได้ ท่านี้ถือเป็นท่าที่อันตรายพอสมควร  
การสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อคอของคุณมีดังนี้  
โดยคุณจะต้องทำหกสามเส้า โดยการเอาหัวตั้งกับพื้นแล้วใช้  
มือทั้งสองประคองไว้ด้านหน้ายกขาทั้งสองขึ้นจากพื้น  
(ในครั้งแรกคุณอาจจะเอาเข่าทั้งสองมาวางพักไว้บนศอกก่อน  
ก็ได้) ทำลักษณะนี้ นานประมาณ 15-30 วินาที ต่อ 1 ครั้ง  
วัน ล่ะ 3 ทำลักษณะนี้ไปซักเดือนนึง เมื่อทรงตัวได้ ก็ ลอง  
ขยับขาทั้งสองข้างดู อ้าบ้างหับบ้างเหวี่ยงซ้ายบ้างขวาบ้าง  
แต่อย่าให้ศีรษะขยับ และอย่าปล่อยมือ ก่อนที่คุณจะเริ่มการหมุน  
คุณควรหาจุดที่คุณจะหมุนบนศีรษะของคุณให้ได้ก่อน จุดที่คุณ  
สามารถทรงตัวบนศีรษะของคุณได้แบบแน่นอนแบบไม่โซเซไป  
ไหน เมื่อคุณหาจุดทรงตัวได้แล้วก็ให้กางขาของคุณทั้งสองออก  
ให้ขาทั้งสองของคุณกางไว้ จากนั้นให้เหวี่ยง ขาขวามาด้านหน้า  
ขาซ้ายเหวี่ยงไปด้านหลัง แล้วจากนั้นให้เหวี่ยงขาขวาไปด้านขวา  
(ด้านขวาขางคุณตอนกำลังกลับหัว) ส่วนขาซ้ายก็เหวี่ยงตามขาขวา  
มา จากนั้นลำตัวของคุณจะบิด ให้คุณปล่อยมือทั้งสองออกจากพื้น  
(ขาทั้งสองของคุณต้องกางตลอดเวลา) แล้ว ให้เหวี่ยงแขนทั้งสอง  
มาจับพื้นอีกครั้ง (หัวของคุณจะหมุนเมื่อคุณปล่อยมือและเมื่อกลับ  
มาใช้มือวางที่พื้นอีกครั้งขาของคุณจะเหวี่ยงแต่หัวคุณจะไม่หมุน)  
ขาของคุณจะเหวี่ยงไปเหมือนท่าเริ่ม แล้วให้คุณทำลักษณะเดิมอีก  
จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าทรงตัวอยู่บนหัวได้ โดยไม่ใช้มือ เมื่อแรง  
เหวี่ยงได้ระดับให้คุณปล่อยมือ แล้วกางแขนออกเพื่อคุมการทรงตัว  
ส่วนขาอยู่ ในลักษณะใดก็ได้ที่คุณสามารถ ทรงตัวอยู่ได้ ถ้าแรงเหวี่ยง  
หมดคุณสามารถ ปั่นต่อได้ตามวิธีข้างต้น  
การเพิ่ม speed ขณะปล่อยมือ  
โดยการที่กำลังหมุนอยู่ในท่างอเข่าแล้วค่อยๆเหยียดขาขึ้นไป  
ข้อควรระวัง ; ท่านี้อาจทำให้คุณบาดเจ็บบริเวณคอของคุณได้โดยตรง  
จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษก่อนทำหรือฝึกท่านี้ทุกครั้งควร  
จะวอร์มคอก่อน โดยการหมุนไปทางซ้ายและขวา ด้านล่ะ  
10 ครั้ง เงยค้างไว้ 10 วินาที ก้มค้างไว้ 10 วินาที  
และถ้าคุณยังหาจุดที่ใช้หมุนไม่ได้ก็จงอย่าหมุน จนกว่าจะหาเจอ  
Tip ; เวลาปั่น ให้กางขาไว้และพยายามทำหลังให้ตรง ไม่ให้สะโพกตก  
ส่วนเวลาทรงตัวให้ กางแขนทั้งสองเพื่อควบคุมการทรงตัว นะค๊าฟ

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลิงน้อย's profile


โพสท์โดย: ลิงน้อย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
55 VOTES (4.2/5 จาก 13 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
10 เลขฮิต "OK ล็อตเตอรี่" งวดวันที่ 2 มกราคม 69..ส่องก่อน รวยก่อน!!นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึกเปิด 2 ข้อหาหนัก "ป้าแอน" แม่บ้านทคดีผสมเดทตอลในขวดนมเด็ก พบประวัติอาชญากรรมเมื่อปี 67หนุ่มหล่อที่สุดในโลกปี 2025 โดนแบนในจีน ภายในเวลาเพียง 4 ชั่วโมงเขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทยเสน่ห์เหนือกาลเวลา: ตลาดพลู...สวรรค์แห่งอาหารและมรดกฝั่งธนบุรีเจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้4 ราศีที่มีแนวโน้มมากที่สุด ที่จะซื้อบ้านและเปลี่ยนรถใหม่ในปี 2026สหรัฐอาหรับประกาศถอนกำลังจากเยเมน หลังถูกซาอุดีอาระเบียโจมตี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รถที่ลิซ่าใช้ ในโลกนี้มีแค่ 10 คันเท่านั้นรายการในช่องโทรทัศน์ไทยที่ออกอากาศมายาวนานกว่าห้าสิบปีนิสัยการกินแบบนี้แสดงว่าเริ่มแก่ สัญญาณการกิน ที่บอกว่า “เริ่มแก่
ตั้งกระทู้ใหม่