Rejuran ดีไหม ช่วยฟื้นฟูผิวได้จริงไหม ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล

Rejuran ดีไหม ช่วยฟื้นฟูผิวได้จริงไหม ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล
ทำความเข้าใจ Rejuran ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง เห็นผลเมื่อไหร่ อยู่ได้นานแค่ไหน และควรดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทรนด์เรื่องความงามได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จากเดิมที่ผู้คนมุ่งเน้นความขาวใสแบบเร่งด่วน กลายเป็นการดูแลผิวให้แข็งแรงและดูดีในระยะยาวมากขึ้น ผิวที่ดีในยุคนี้จึงไม่ใช่แค่ผิวขาว แต่คือผิวที่ชุ่มชื้น เรียบเนียน ดูอิ่มฟู และมีความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยก่อนวัย หรือผิวอ่อนแอจากแสงแดดและมลภาวะ ล้วนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับโครงสร้างผิว ซึ่งการทาครีมเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หัตถการฟื้นฟูผิวจากภายในอย่าง Rejuran ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

 

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก Rejuran อย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงาน ประโยชน์ สูตรต่าง ๆ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ไปจนถึงการดูแลตัวเองก่อนและหลังทำ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน

 

โปรแกรมฟื้นฟูผิวล้ำลึก Rejuran คืออะไร

Rejuran คือโปรแกรมฟื้นฟูผิวที่ใช้สารสำคัญในกลุ่ม Polynucleotide (PN) ซึ่งเป็นสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์สูง จนมีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ สารชนิดนี้จึงสามารถเข้ากับเซลล์ผิวได้ดี และช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ

 

ความโดดเด่นของ Rejuran คือ ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นสารเติมเต็ม หรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้า แต่เน้นการฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายใน เมื่อโครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น ผิวภายนอกจึงดูเรียบเนียน ชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

 

กลไกการทำงานของ Rejuran ในระดับเซลล์ผิว

หัวใจสำคัญของ Rejuran คือการทำงานของ Polynucleotide (PN) ซึ่งมีบทบาทต่อผิวหลายด้าน ดังนี้

1. กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว PN จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เมื่อเซลล์เหล่านี้ทำงานดีขึ้น ผิวที่เคยเสื่อมสภาพจะค่อย ๆ ฟื้นตัว
2. เพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างผิว เมื่อคอลลาเจนในผิวเพิ่มขึ้น ผิวจะมีความหนาแน่นมากขึ้น ช่วยให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูตื้นลง ผิวไม่บางง่าย และทนต่อปัจจัยทำร้ายผิวได้ดีขึ้น
3. ลดการอักเสบและความระคายเคือง Rejuran มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในระดับเซลล์ จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือผิวที่ผ่านการทำเลเซอร์บ่อย ๆ
4. เพิ่มความชุ่มชื้นจากภายใน ผิวสามารถกักเก็บน้ำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ไม่แห้งกร้าน และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

 

Rejuran ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง

Rejuran เป็นหัตถการที่ครอบคลุมปัญหาผิวหลายด้าน โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏอย่างเป็นธรรมชาติ

1. ฟื้นฟูผิวแห้ง หมองคล้ำ และอ่อนล้า ช่วยให้ผิวกลับมาดูสดใส ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดี เหมาะกับผู้ที่พักผ่อนน้อยหรือผิวขาดน้ำ
2. ลดเลือนริ้วรอยระยะแรก ริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณหน้าผาก รอบดวงตา และมุมปาก จะค่อย ๆ ดูจางลงเมื่อผิวมีคอลลาเจนเพิ่มขึ้น
3. ทำให้ผิวเรียบเนียนและรูขุมขนดูกระชับ เมื่อโครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น รูขุมขนจะดูเล็กลง ผิวสัมผัสเนียนละเอียดขึ้น
4. ฟื้นฟูรอยสิวและหลุมสิวบางประเภท ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้รอยสิวดูจางลง และผิวเรียบเสมอกันมากขึ้น
5. เสริมเกราะป้องกันผิว ผิวที่แข็งแรงจะไวต่อการระคายเคืองน้อยลง และทนต่อมลภาวะได้ดีขึ้น

 

Rejuran มีกี่สูตร และแต่ละสูตรเหมาะกับใคร

1. Rejuran Healer สูตรพื้นฐานสำหรับฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้า ช่วยซ่อมแซมผิว เพิ่มความยืดหยุ่น และลดสัญญาณผิวเสื่อมระยะแรก
2. Rejuran I ออกแบบมาสำหรับผิวรอบดวงตา เนื้อบาง ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ และเพิ่มความชุ่มชื้นใต้ตา
3. Rejuran S สูตรเข้มข้นสำหรับหลุมสิวและแผลเป็น เหมาะกับการฉีดเฉพาะจุด
4. Rejuran HB สูตรที่ผสาน Hyaluronic Acid ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวดูฉ่ำวาว พร้อมมีตัวยาชาช่วยลดความเจ็บ

 

Rejuran ต้องฉีดกี่ครั้ง ใช้กี่ซีซี ถึงเห็นผล

โดยทั่วไปแพทย์มักแนะนำให้ทำ Rejuran เป็นคอร์สประมาณ 3–4 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 2–4 สัปดาห์ ปริมาณที่ใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 2–4 ซีซีต่อครั้ง สำหรับทั่วใบหน้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้และสภาพผิวของแต่ละคน

 

หลังฉีด Rejuran กี่วันถึงเห็นผล และผลอยู่ได้นานแค่ไหน

1. 3–5 วันแรก: ผิวเริ่มนุ่มและชุ่มชื้นขึ้น
2. 2–4 สัปดาห์: ผิวดูแน่น เรียบเนียนขึ้น
3. 2–3 เดือน: เห็นผลชัดเจนเต็มที่

 

ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 4–6 เดือน หรือบางรายนานถึง 6–8 เดือน หากดูแลผิวอย่างเหมาะสม และสามารถทำซ้ำปีละ 1–2 ครั้งเพื่อคงคุณภาพผิว

 

Rejuran เหมาะกับใคร และใครควรหลีกเลี่ยง

Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องการเปลี่ยนรูปหน้า เช่น ผู้ที่มีผิวแห้ง หมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง หรือผิวอ่อนแอจากเลเซอร์ ในขณะเดียวกัน Rejuran ไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร มีการติดเชื้อที่ผิว หรือมีประวัติแพ้ส่วนประกอบ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง

 

เปรียบเทียบ Rejuran กับหัตถการฟื้นฟูผิวประเภทอื่น

หลายคนอาจสงสัยว่า Rejuran แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร

 

Rejuran vs เมโสหน้าใส

1. เมโส: เน้นเติมสารอาหาร เห็นผลเร็ว แต่ผลอยู่ไม่นาน
2. Rejuran: เน้นซ่อมแซมผิว เห็นผลค่อยเป็นค่อยไป แต่ยั่งยืนกว่า

 

Rejuran vs Skin Booster (HA)

1. Skin Booster: เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวดูฉ่ำ
2. Rejuran: เพิ่มความแข็งแรงของผิว + กระตุ้นคอลลาเจน

 

Rejuran vs ฟิลเลอร์

1. ฟิลเลอร์: เติมเต็ม ปรับรูปหน้า เห็นผลทันที
2. Rejuran: ฟื้นฟูคุณภาพผิว ไม่เปลี่ยนรูปหน้า

 

ดังนั้น Rejuran จึงเหมาะกับการเป็นพื้นฐานผิวที่ดี ก่อนหรือหลังทำหัตถการอื่น ๆ

 

ความรู้สึกระหว่างฉีด Rejuran และการพักฟื้น

แม้ Rejuran จะเป็นการฉีดหลายจุด แต่แพทย์มักใช้ยาชาก่อนทำ ทำให้ความรู้สึกเจ็บอยู่ในระดับที่ทนได้ หลังฉีดอาจมี

1. ตุ่มนูนเล็ก ๆ ใต้ผิว
2. รอยแดงหรือจุดเลือดเล็กน้อย

 

อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1–3 วัน และไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้รับบริการส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ

 

Rejuran ต้องทำต่อเนื่องหรือไม่

เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน แนะนำให้ทำเป็นคอร์ส 3–4 ครั้ง หลังจากนั้นสามารถเว้นระยะและทำซ้ำทุก 4–6 เดือน หรือปีละ 1–2 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ

1. อายุ
2. สภาพผิว
3. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
4. การดูแลผิวหลังทำ

 

การทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยรักษาคุณภาพผิวให้ดีในระยะยาว

 

ข้อแนะนำการเตรียมตัวก่อนฉีด Rejuran

1. งดยา/อาหารเสริมที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า (3–7 วันก่อนทำ) เช่น แอสไพริน, NSAIDs (ไอบูโพรเฟน/นาพรอกเซน), วิตามิน E, น้ำมันปลา, โสม, กระเทียม, แปะก๊วย
2. งดแอลกอฮอล์และลด/งดบุหรี่ (อย่างน้อย 24–48 ชม.) ลดโอกาสบวม ช้ำ และช่วยให้ผิวฟื้นตัวดีขึ้น
3. พักผ่อนให้เพียงพอ (อย่างน้อย 6–8 ชม.) ผิวจะพร้อมรับการฟื้นฟูและลดการระคายเคืองหลังฉีด
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและสนับสนุนการฟื้นฟูหลังทำ
5. งดทำหัตถการที่ระคายเคืองผิวก่อนฉีด (ประมาณ 5–7 วัน) เช่น เลเซอร์, สครับ/ผลัดเซลล์, กรดผลไม้แรง ๆ, RF/HIFU (ตามแพทย์ประเมิน)
6. หลีกเลี่ยงการมีสิวอักเสบ/แผลเปิดบริเวณที่จะฉีด หากมีควรเลื่อนหรือให้แพทย์ประเมินก่อน เพื่อป้องกันการอักเสบ/ติดเชื้อ
7. แจ้งประวัติสำคัญให้แพทย์ครบถ้วน โรคประจำตัว, ยาที่ทาน, ประวัติแพ้ยา/ยาชา, แพ้อาหารทะเล/ผลิตภัณฑ์จากปลา, ตั้งครรภ์/ให้นมบุตร, ภาวะเลือดออกง่าย
8. วันทำหัตถการควรล้างหน้าให้สะอาด และแต่งหน้าน้อยที่สุด/งดแต่งหน้า ลดความเสี่ยงการอุดตันและปนเปื้อนเชื้อ

 

ข้อแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีด Rejuran

1. ห้ามจับ กด นวด หรือเกาบริเวณที่ฉีด (อย่างน้อย 24–48 ชม.) อาจมีตุ่มนูนเล็ก ๆ เป็นปกติ มักยุบเองใน 1–3 วัน
2. ประคบเย็นเบา ๆ ได้ใน 24 ชม.แรก หากบวม/แดง/ช้ำ ครั้งละ 10–15 นาที (ห่อผ้าสะอาด) และเลี่ยงประคบร้อนช่วงแรก
3. งดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชม. หลังจากนั้นแต่งได้ แต่เลือกเครื่องสำอาง/คลีนซิ่งที่อ่อนโยน
4. หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง (3–5 วัน) เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ อาบน้ำร้อนจัด ตากแดดนาน ออกกำลังกายหนัก
5. งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ (2–3 วัน) ลดบวมช้ำและช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปได้ดี
6. บำรุงเน้นชุ่มชื้น + ใช้สกินแคร์อ่อนโยน เลี่ยงผลิตภัณฑ์ระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม เรตินอล AHA/BHA วิตามินซีเข้มข้น (อย่างน้อย 3–7 วัน หรือจนผิวปกติ)
7. ทากันแดดสม่ำเสมอ และเลี่ยงแดดจัด ช่วยลดโอกาสผิวระคายเคืองและดูแลผลลัพธ์ให้ต่อเนื่อง
8. งดทำหัตถการอื่นซ้ำซ้อน (ประมาณ 1–2 สัปดาห์) เช่น เลเซอร์, RF, HIFU, ทรีตเมนต์แรง ๆ (หรือทำตามแพทย์นัดหมาย)
9. สังเกตอาการผิดปกติและพบแพทย์ทันทีหากมีอาการรุนแรง เช่น บวมแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ ปวดร้อนผิดปกติ มีหนอง ไข้ หรือผื่นแพ้

 

สรุป Rejuran เหมาะกับการดูแลผิวระยะยาว

Rejuran เป็นโปรแกรมฟื้นฟูผิวที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ เพราะเน้นการซ่อมแซมผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนกับคุณภาพผิวในระยะยาว โดยไม่เน้นผลลัพธ์แบบฉับพลัน หากทำภายใต้การดูแลของแพทย์และดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี Rejuran จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญในการสร้างผิวดีที่ยั่งยืนในระยะยาว