ฉีดฟิลเลอร์ปลอมแล้วแก้ไขได้อย่างไร? ทำไมถึงไม่ควรฉีด? มีวิธีสังเกตไหม?
ฉีดฟิลเลอร์ปลอมแล้วแก้ไขได้อย่างไร? ทำไมถึงไม่ควรฉีด? มีวิธีสังเกตไหม?
การฉีดฟิลเลอร์เป็นเทรนด์ความงามยอดนิยม ช่วยปรับรูปหน้าให้สวย ดูอ่อนเยาว์ แต่ฟิลเลอร์ปลอมที่ระบาดในตลาดเสี่ยงต่อผลข้างเคียงรุนแรง เช่น อักเสบ ติดเชื้อ หรือเสียโฉม บทความนี้จะสรุปให้รู้ว่า ฟิลเลอร์ปลอมคืออะไร อันตรายแค่ไหน วิธีสังเกต และวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้อย่างปลอดภัย
เจาะลึกเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ปลอม
ฟิลเลอร์ปลอมคือสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิก แอซิด และไม่ได้รับการรับรองจาก อย. เมื่อนำมาฉีดใบหน้า ฟิลเลอร์ประเภทนี้มักจับตัวเป็นก้อน แข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ และไม่สามารถสลายตัวเองได้ ทำให้เหลือสารตกค้างในร่างกาย
ฟิลเลอร์ปลอมมักมีส่วนผสมที่ไม่บริสุทธิ์หรืออันตราย เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือสารอื่น ๆ ที่ไม่ระบุชัด ทำให้เสี่ยงต่ออาการบวม แดง เป็นก้อน หรือเกิดการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมักลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย ทำให้ราคาถูกแต่มีความเสี่ยงสูง ต่างจากฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน อย. และมีความปลอดภัยสูงในการฉีด
สาเหตุที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ปลอม
- สารไม่ปลอดภัย
ฟิลเลอร์ปลอมมักทำจากสารที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการรับรองจาก อย. จึงไม่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์หรือความปลอดภัยได้ อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคหรือสารเคมีอันตราย - นำเข้าแบบผิดกฎหมาย
ฟิลเลอร์ปลอมมักลักลอบนำเข้ามา ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพและไม่มีความมั่นใจในความปลอดภัย - กระบวนการผลิตไม่สะอาด
การผลิตอาจอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสารเคมีที่เป็นอันตรายสูง - แก้ไขยาก
ฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถสลายตัวเอง ต้องผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น ซึ่งยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องใช้เวลารักษานาน - เสี่ยงต่ออันตราย
ฟิลเลอร์ปลอมสามารถทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง การติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งเนื้อตายบริเวณที่ฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ปลอมแล้วแก้ไขได้อย่างไร?
ฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปแล้ว การแก้ไขจำเป็นต้องให้แพทย์ประเมินอย่างละเอียด เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอม เช่น ซิลิโคนเหลวหรือพาราฟิน ไม่สามารถสลายตัวเองได้ วิธีแก้ไขหลัก ๆ มีดังนี้
- ขูดฟิลเลอร์
ใช้ในกรณีฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สามารถสลายด้วยเอนไซม์ได้ แพทย์จะขูดสารออกมาเพื่อลดก้อนสะสม แต่สามารถนำออกได้เพียงประมาณ 60–70% ของปริมาณทั้งหมด ไม่สามารถขูดออกทั้งหมดได้ ทำให้ยังมีความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือติดเชื้อ - ผ่าตัดฟิลเลอร์
เหมาะกับฟิลเลอร์ปลอมที่จับตัวเป็นก้อนแข็งหรือมีพังผืดเกาะ แพทย์จะต้องผ่าตัดเอาสารออกอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นเลือดและเส้นประสาท ความเสี่ยงสูงกว่าการขูด และไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้ทั้งหมด การผ่าตัดจึงมักใช้เพื่อลดอันตรายและปรับรูปร่างใบหน้าให้ปลอดภัยมากที่สุด
โดยสรุป การแก้ไขฟิลเลอร์ปลอมเป็นเรื่องซับซ้อน ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงและลดความเสียหายต่อใบหน้า
ฉีดฟิลเลอร์ปลอมวิธีสังเกตไหม?
- กล่องหรือบรรจุภัณฑ์ผิดปกติ
ฟิลเลอร์ปลอมมักมากับกล่องที่มีรอยบุบ ชำรุด หรือมีรอยแกะ ตัวอักษรและโลโก้พร่าหรือพิมพ์ผิด ซึ่งแตกต่างจากของแท้ที่มีบรรจุภัณฑ์เรียบร้อยและชัดเจน - ไม่ได้รับการรับรองจาก อย.
ฟิลเลอร์ปลอมมักนำเข้าแบบผิดกฎหมาย ไม่มีการตรวจสอบคุณภาพหรือความปลอดภัย จึงเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาผิวหนังหรืออาการแพ้ - เก็บรักษาไม่เหมาะสม
ฟิลเลอร์ปลอมอาจเก็บในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ทำให้โครงสร้างเปลี่ยนแปลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงรุนแรง - ราคาถูกผิดปกติ
ราคาของฟิลเลอร์ปลอมมักต่ำกว่าปกติมาก เพราะต้นทุนการผลิตต่ำ ไม่มีมาตรฐานการวิจัยและควบคุมคุณภาพ - พบในคลินิกเถื่อนหรือแพทย์ไม่มีใบอนุญาต
ฟิลเลอร์ปลอมส่วนใหญ่พบในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญเพียงพอ เช่น หมอกระเป๋า ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่ออันตรายหลังฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ปลอมอันตรายไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ปลอมถือเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพสูง เพราะฟิลเลอร์เหล่านี้มักผลิตจากสารที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ได้รับการรับรองจาก อย. ส่งผลให้เกิดอันตรายหลายประการ ดังนี้
- การอักเสบและติดเชื้อ
ฟิลเลอร์ปลอมอาจปนเปื้อนเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสารเคมี ทำให้เกิดอาการบวม แดง มีหนอง และในบางกรณีรุนแรงถึงเนื้อตายหรือตาบอด - ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน
เนื่องจากสารในฟิลเลอร์ปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน ไม่สามารถสลายตัวเองได้ ทำให้สะสมและแข็งตัวเป็นก้อนใต้ผิวหนัง - ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
ฟิลเลอร์ปลอมไม่มีความคงตัว ทำให้สามารถไหลไปยังบริเวณอื่น ๆ ของใบหน้า เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหารูปร่างผิดปกติหรือผลข้างเคียงอื่น ๆ - เกิดพังผืด
ร่างกายอาจเกิดปฏิกิริยาต่อต้านสารที่ไม่บริสุทธิ์ ทำให้เกิดพังผืดในชั้นผิว เมื่อฉีดฟิลเลอร์ปลอมระยะยาว - หลอดเลือดอุดตัน
ฟิลเลอร์ปลอมอาจไหลเข้าไปอุดตันหลอดเลือด ทำให้เลือดไม่ไหลไปเลี้ยงเซลล์ ทำให้เกิดเนื้อตายหรือสูญเสียการมองเห็น - ไม่สามารถสลายเองได้
ฟิลเลอร์ปลอมส่วนใหญ่เป็นสารสังเคราะห์ จึงไม่สามารถย่อยสลายเองได้ ต้องผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและอาจเกิดผลข้างเคียงระยะยาว.
เทียบความต่างระหว่าง ฉีดฟิลเลอร์ปลอม และ ฉีดฟิลเลอร์แท้
ฟิลเลอร์ปลอม
- ส่วนใหญ่ทำจากซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือสารสังเคราะห์อื่น ๆ ที่ไม่สามารถสลายตัวเองได้ ทำให้ตกค้างในร่างกาย
- ไม่มีการรับรองมาตรฐานหรือความปลอดภัยจาก อย. จึงเสี่ยงต่อผลข้างเคียงรุนแรง เช่น อักเสบ ติดเชื้อ เนื้อตาย หรือพังผืด
- คงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลานานหลายปี หรืออาจคงถาวร ทำให้เกิดฟิลเลอร์ไหลรวมกันเป็นก้อน หรือเกิดพังผืดในบริเวณฉีด
- หากต้องการแก้ไข จำเป็นต้องผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น ไม่สามารถสลายได้เหมือนฟิลเลอร์แท้
ฟิลเลอร์แท้
- ประกอบด้วยสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่พบตามธรรมชาติในร่างกาย จึงปลอดภัยต่อผิวหน้าและไม่ก่ออันตราย
- ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย. ทั้งในและต่างประเทศ มีงานวิจัยรองรับ และใช้ในวงการแพทย์ความงามทั่วโลก
- ระยะเวลาคงอยู่ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและบริเวณที่ฉีด
- หากไม่พอใจผลลัพธ์หรือเกิดปัญหา สามารถฉีดสลายได้ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายตัวตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย
เทียบความต่างระหว่าง ฉีดฟิลเลอร์ปลอม และ ฉีดฟิลเลอร์หิ้ว
ฟิลเลอร์ปลอม
- เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่สามารถสลายตัวเองได้ตามธรรมชาติ
- ผลิตขึ้นโดยไม่ได้รับการรับรองจาก อย. ใช้ส่วนผสมอย่างซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน ผ่านกระบวนการผลิตที่ไม่สะอาดและไม่มีคุณภาพ
- เสี่ยงต่อผลข้างเคียงรุนแรง เช่น อักเสบ ติดเชื้อ เกิดก้อนแข็ง หรือเนื้อตาย
ฟิลเลอร์หิ้ว
- ส่วนใหญ่เป็นฟิลเลอร์แท้ที่ผลิตจากไฮยาลูรอนิก แอซิด แต่ถูกลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกกฎหมาย
- ราคาถูกกว่าปกติ แต่ไม่สามารถรับประกันคุณภาพและความปลอดภัยได้ เนื่องจากการเก็บรักษาและขนส่งอาจไม่เหมาะสม
- เสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของฟิลเลอร์ ประสิทธิภาพลดลง หรือมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก
หากคุณต้องการฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัยและมั่นใจ ไม่เสี่ยงเจอฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เราใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ทุกยี่ห้อ สามารถตรวจสอบและแกะกล่องให้ดูต่อหน้าได้ พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด ประเมินและออกแบบรูปหน้าให้เหมาะกับแต่ละบุคคลอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อให้คุณได้ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ปลอดภัย และลดความเสี่ยงผลข้างเคียง
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
หาดใหญ่จมน้ำ รถลูกค้า ‘วิริยะประกันภัย’ ขอเคลมพุ่ง 3,800 คัน
ภาพ 3 มิติ คืออะไร? เทคนิคสร้างภาพเสมือนจริงสำหรับมือใหม่
Microsoft Fabric คืออะไร? แนะนำเครื่องมือใหม่จาก Microsoft สำหรับองค์กรยุคดิจิทัล
ทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ESG คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อองค์กร
ดึงหน้า (Facelift) คืออะไร? มีกี่เทคนิค รวมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
