นายกอนุทินแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่ออเมริกา ไทยจะได้หรือเสียประโยชน์กันแน่?
"เมื่ออเมริกาใช้ 'กำแพงภาษี' หยุดสงคราม: เกมบีบไทยและยุทธศาสตร์ 'ครอบครัวเดียวกัน' ของจีน"
#อัษฎางค์ยมนาค | #อ่านเกมอำนาจ
ขอสอนวิชาการทูตกับนักการทูต:
"ท้าทายทรัมป์ แล้วได้อะไร? ถอดรหัสการตัดสินใจ 'เสียงแข็ง' ของอนุทิน: คุ้มค่าหรือไม่กับการแลกความมั่นคงด้วยเศรษฐกิจ"
รัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตทูตและผู้ช่วยรมว.กต." โพสต์ถาม "อนุทิน" ท้าทายเขา แล้วได้อะไร ทรัมป์จัดให้แล้ว ระงับชั่วคราวเจรจาภาษี แบบนี้ใครรับผิดชอบ?
ผมไม่เคยเป็นทูตหรือข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ แต่ผมเชื่อว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีอนุทินมีท่าทีที่ "เสียงแข็ง" ต่อประธานาธิบดีทรัมป์ จนนำมาซึ่งการระงับการเจรจาภาษีนั้น
มีเป็นไปได้สูงมาก ที่ท่านได้รับการปรึกษาหารืออย่างรอบด้าน
ตามหลักการบริหารราชการแผ่นดินและงานด้านความมั่นคงในระดับประเทศนั้น นายกรัฐมนตรีจะได้รับข้อมูลและคำปรึกษาจากหน่วยงานหลักก่อนการแสดงท่าทีอย่างเป็นทางการต่อผู้นำมหาอำนาจ โดยเฉพาะในประเด็นที่ละเอียดอ่อนอย่างความมั่นคงและเศรษฐกิจ
• กระทรวงการต่างประเทศ (กต.): ให้ข้อมูลภูมิหลังด้านการทูตและผลกระทบของ "ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์" รวมถึงประเมินปฏิกิริยาของสหรัฐฯ และมาเลเซีย
• กระทรวงพาณิชย์/หน่วยงานการค้า (USTR): ให้ข้อมูลผลกระทบทางเศรษฐกิจและมูลค่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการระงับเจรจาภาษี
• สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงกลาโหม: ให้ข้อมูลยืนยันเรื่องทุ่นระเบิดใหม่ การละเมิดของกัมพูชา และประเมินความเสี่ยงหากไทยต้องตอบโต้ทางทหาร
ท่าที "เสียงแข็ง" ของนายกฯ อนุทิน เป็น "การกระทำที่จงใจ" โดยมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ดังนี้:
1. เพื่อยกระดับความจริงจังของไทย:
การแสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผยและการยอมรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เป็นการส่งสัญญาณที่หนักแน่นที่สุดไปยังสหรัฐฯ ว่าไทยไม่ได้ล้อเล่นในประเด็นอธิปไตย และการกระทำของกัมพูชามีหลักฐานที่หนักแน่น
2. เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง:
การโต้ตอบอย่างเด็ดขาด เป็นการ บีบให้สหรัฐฯ ต้องรับฟังจุดยืนของไทย และให้ความสนใจกับหลักฐานการละเมิดของกัมพูชา ซึ่งท้ายที่สุดก็ทำให้ทรัมป์เปลี่ยนท่าทีมาเชื่อมโยงการลดภาษีกับการ "ไม่ขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด" ของไทย
การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีอนุทิน เป็นความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเมืองหลายด้านพร้อมกัน
1. การเมืองภายใน:
การแสดงความเด็ดขาดในการปกป้องทหารและอธิปไตย เป็นการ สร้างความชอบธรรมและคะแนนนิยม จากประชาชนและกองทัพที่กำลังไม่พอใจกัมพูชา
2. การทูต:
เป็นการใช้ความเสี่ยง เพื่อกดดันให้สหรัฐฯ หันมาสนใจประเด็นหลักของไทย (การละเมิดของกัมพูชา)
"การท้าทายแล้วได้อะไร?" คำตอบในเชิงภูมิรัฐศาสตร์คือ "ได้ความสนใจที่จำเป็นและได้เปลี่ยนประเด็นจากการที่ไทยถูกกดดัน ไปเป็นการที่สหรัฐฯ ต้องมาต่อรองกับไทย"
ประเทศไทยมีความสำคัญต่อสหรัฐฯ อย่างยิ่งยวดในหลายมิติ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อำนาจต่อรองของไทยมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อถูกกดดันจากประเด็นอื่น
ความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ของไทยต่อสหรัฐฯ
ความสำคัญของไทยมาจากสามปัจจัยหลัก
1. ตำแหน่งที่เป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน (Geographic Centrality)
• ศูนย์กลางทางบก: ไทยตั้งอยู่ตรงกลางของคาบสมุทรอินโดจีน เป็นประตูเชื่อมต่อทางบกที่สำคัญที่สุดระหว่างประเทศในอาเซียนภาคพื้นทวีป (เมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย)
• เส้นทางคมนาคม: การควบคุมหรือมีอิทธิพลเหนือไทยเท่ากับมีอิทธิพลเหนือ เส้นทางบกและทางรถไฟ/ถนน ที่เชื่อมโยงเข้าสู่จีนตอนใต้และมหาสมุทรอินเดีย
• การเข้าถึงทะเล: ไทยมีชายฝั่งติดทั้งทะเลอันดามัน (มหาสมุทรอินเดีย) และอ่าวไทย (ทะเลจีนใต้) ทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการควบคุม การไหลเวียนของสินค้าและทหาร ระหว่างสองมหาสมุทรสำคัญในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
2. พันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย (Long-Standing Alliance)
• สนธิสัญญาพันธไมตรี: ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีกับสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 1833 และเป็น พันธมิตรสนธิสัญญา นอกเหนือจากฟิลิปปินส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
• ความร่วมมือทางทหาร: ทั้งสองประเทศมีการฝึกซ้อมทางทหารร่วมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง "คอบร้าโกลด์" (Cobra Gold) มายาวนาน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการรักษาความสามารถในการปฏิบัติการร่วมกัน และการคงอยู่ของอิทธิพลทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาค การสูญเสียพันธมิตรเช่นไทยจะส่งผลกระทบต่อ ยุทธศาสตร์การป้องกันส่วนหน้า (Forward Defense) ของสหรัฐฯ
3. หมากสำคัญในการถ่วงดุลอำนาจกับจีน (Balancing China)
• ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก: ในยุคของการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยุทธศาสตร์หลักของสหรัฐฯ คือการ สกัดกั้นอิทธิพลของจีน ไม่ให้ขยายตัวมากเกินไป
• ความจำเป็นในการคงอยู่ของไทย: การที่ไทยมีความสัมพันธ์แบบ "การทูตไม้ไผ่" (Bamboo Diplomacy) คือการคบค้ากับทุกฝ่าย ทำให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องรักษาไทยให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่เป็นมิตร มากกว่าที่จะผลักไทยออกไปสู่การพึ่งพาจีนมากขึ้น (โดยเฉพาะเมื่อจีนเพิ่งเสนอสถานะ "ครอบครัวเดียวกัน" มาให้)
• การยอมอ่อนข้อ: การที่ทรัมป์ยอมเปลี่ยนท่าทีมา ต่อรอง (โดยเชื่อมโยงภาษีกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทย) แทนที่จะคงการกดดันแบบฝ่ายเดียว เป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯ ตระหนักดีว่าหากพวกเขาทำให้ไทยผิดหวังหรือได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ไทยก็จะ เอนเอียงเข้าหาจีน มากขึ้น ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่สหรัฐฯ ต้องการหลีกเลี่ยงที่สุดในเกมภูมิรัฐศาสตร์
สรุป:
การที่นายกรัฐมนตรีอนุทินสามารถท้าทายและเปลี่ยนเกมการกดดันได้นั้น ไม่ได้มาจากการทูตแบบตัวต่อตัวเท่านั้น แต่มาจาก "มูลค่าทางยุทธศาสตร์" ที่ไทยถือครองอยู่ในมือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหามาทดแทนได้ง่ายในภูมิภาคนี้
*************
บทความนี้วิเคราะห์ออกมาได้น่าสนใจมาก และผลที่ได้มันเป็นไปตามบทความนี้จริงๆ ถ้าเรามีนายกแบบพรรคส้ม ที่ต่างออกมาแสดงความเห็นคัดค้านที่ไทยฉีกปฏิญญาสันติภาพระหว่างไทยกัมพูชา ประเทศเราคงเป็นลูกกระจ๊อกต้องคอยตามก้นอเมริกาอยู่ร่ำไป และอาจเสียอธิปไตยในที่สุด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
Mega Prison เอลซัลวาดอร์ คุกยักษ์ที่สร้าง “มอนสเตอร์ถูกกฎหมาย” เพื่อปราบแก๊ง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
เผยภาพเด็ดหลังน้ำลดหาดใหญ่ทั้งเมืองเต็มไปด้วยขยะ
เขมรพังเรื่อยๆ ไทยปิดด่าน ทำเอาชาวเขมรโมโห เผานาทิ้ง เนื่องจากขายข้าวไม่ได้
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ชาวเน็ตฮือฮา!! พ่อแม่หน้าจีนแต่ลูกออกมากลับหน้าฝรั่ง
หาดใหญ่จมน้ำ รถลูกค้า ‘วิริยะประกันภัย’ ขอเคลมพุ่ง 3,800 คัน



