‘ทฤษฎีเจอกันในฝัน’ Lucid Dream รู้ตัวว่ากำลังฝัน และ ควบคุมเหตุการณ์ในความฝันได้ สามารถสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ ตามที่ต้องการทำให้ ‘การเจอกันในฝัน’ เป็นไปได้ในเชิงของความรู้สึก
‘ทฤษฎีเจอกันในฝัน’ ไม่ใช่ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจน แต่เป็นการตีความตามความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ทางจิตใจที่ซับซ้อน โดยหลัก ๆ แล้วเกี่ยวข้องกับ Lucid Dream การฝันแบบรู้ตัว และ การทดลองทางจิต
Lucid Dream คำนี้ถูกบันทึกโดยจิตแพทย์ชาวดัตซ์คนหนึ่งชื่อว่า “Frederik van Eeden” ซึ่งความฝันแบบนี้คือ ตัวเราเองรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ และ สามารถควบคุมฝันได้ ผู้ที่ฝันแบบรู้ตัวอาจรู้สึกว่าความฝันมีความสมจริงสูง ทำให้ "การเจอกันในฝัน" เป็นไปได้ในเชิงของความรู้สึก ซึ่งจากผลวิจัยพบว่าความฝันแบบ Lucid Dream จะปรากฎอยู่ในช่วงที่เรานั้นหลับลึกที่สุด และ การฝึกฝนการฝันแบบ Lucid Dream ก็จะช่วยพัฒนาสมองของเราได้ด้วย
ในระหว่างปี ค.ศ. 1958 – 1960 ซีเลีย กรีน Celia Green นักจิตวิทยาแห่งทรินีตี้คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้สัมภาษณ์ผู้คนจำนวนมาก เพื่อหาคำตอบในแง่มุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความฝัน เช่น ค้นคว้าว่าตอนฝันคนเรามีสติหรือไม่ (ต่อมามีการพิมพ์หนังสือเรื่อง Lucid Dreams ในปี 1968)
หนึ่งในผู้ให้ข้อมูล คือ โอลิเวอร์ ฟอกซ์ นักศึกษาหนุ่ม ซึ่งเล่าให้ฟังว่า ‘เย็นวันหนึ่ง ตัวเขาและเพื่อนสนิทอีกสองคนชื่อว่า สเลด และ เอลคิงตัน ตกลงกันว่า คืนนั้นจะไปเจอกันในความฝัน สถานที่นัดหมายคือ เซาแทมป์ตันคอมมอน ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเซาแทมป์ตัน’
โอลิเวอร์เล่าว่า “คืนนั้นผมได้เจอกับเอลคิงตันที่คอมมอนจริง ๆ เหมือนที่เรานัดกันไว้ แต่สเลดไม่ได้มา เราอยู่ด้วยกันในฝันไม่นาน จะว่าไปมันเป็นความฝันสั้น ๆ เท่านั้น วันต่อมาเมื่อผมได้เจอเอลคิงตัน ผมถามเขาทันทีว่า เขาฝันหรือเปล่า เขาตอบว่า ‘ฝันสิ ฉันพบนายที่คอมมอน และ ฉันยังรู้ตัวด้วยว่าฉันกำลังฝันอยู่ แต่สเลดกลับไม่ได้มาตามนัด’”
ซีเลียได้สัมภาษณ์ สเลด ด้วย เขาบอกว่า ‘คืนนั้นเขาหลับไปโดยไม่ฝัน’ (ที่จริงคนเราฝันกันทุกคืน แต่อาจจำไม่ได้) ซีเลียจึงสรุปว่า เพราะอย่างนี้เองสเลดจึงไม่ได้ไปตามนัด
ต่อมาในปี 1962 นายแพทย์มอนตากิว อูลแมน แห่งภาควิชาจิตวิทยา สถาบันการแพทย์ไมโมนิเดส สหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการสื่อสารทางโทรจิตผ่านความฝัน โดยให้ผู้ส่งสารเลือกภาพถ่าย หรือ ภาพเขียนใบหนึ่งจากหลาย ๆ ภาพที่เตรียมไว้ จากนั้นให้พยายามตั้งจิตบอกให้ผู้รับสาร รู้ว่าเขาเลือกภาพอะไร ซึ่งขณะนั้นผู้รับสารกำลังนอนหลับอยู่
ในการทดลองครั้งหนึ่ง นายแพทย์โรเบิร์ต แวน เดอคาสเซิล ซึ่งถูกเลือกให้เป็นผู้รับสาร ฝันว่า ‘เขามองเห็นม้วนฟูกมัดหนึ่ง แล้วภาพนั้นก็ค่อย ๆ หายไป ต่อมาเขาพบว่าตัวเองกำลังเดินผ่านประตูบานหนึ่ง หลังประตูมีชายสามคนยืนอยู่ ทั้งสามยืนเว้นระยะห่างเท่ากันพอดี ทุกคนใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงิน สวมหมวกเบเร่ต์ มีหน้าตาดุร้ายมาก’
ซึ่งในการทดลองนี้ ภาพที่ผู้ส่งสารเลือกคือ Man with Arrows and Companion วาดโดย Bichiter เป็นภาพของชายสามคน มีลักษณะเหมือนกับที่นายแพทย์โรเบิร์ตอธิบายไว้ในตอนต้น และ ที่เท้าของชายคนหนึ่งมีม้วนผ้ากองอยู่ใกล้ ๆ
ทำอย่างไรให้ Lucid Dream
หลังจากหลับไป 5 ชั่วโมง ให้ตื่นมาแปบหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปนอนต่อ เพื่อพยายามให้ตัวเองเข้าสู่ภาวะหลับลึก หรือ REM เมื่อหลับแล้วเราก็ต้องพยายามนึกไว้ว่า “มันเป็นแค่ฝัน” จากนั้นเราจะมีสิทธิ์ที่จะเข้าสู่ Lucid Dream
Lucid Dream อันตรายไหม
ตามหลักแล้วการทำ Lucid Dream สามารถช่วยพัฒนาสมองได้ และ ยังทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้นอีก แต่ข้อเสียที่สำคัญที่หลายคนมักจะพบคือ เมื่อ Lucid Dream ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน หลังจากตื่นขึ้นมาจะไม่ได้รู้สึกว่าพักผ่อน รู้สึกว่าตัวเองนอนไม่พอ บางคนอาจต้องไปพบจิตแพทย์ และ พบโรคความดันตามมา แม้การฝันแบบ Lucid Dream จะทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้น แต่อาจจะต้องแลกกับการที่นอนไม่พอ เพราะบางคนจะรู้สึกว่าสมองตัวเองใช้งานหนักอยู่ตลอดเวลา
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
มิตรภาพใต้สมุทร เมื่อ "วาฬเพชฌฆาต" จับมือ "โลมา" ร่วมทีมล่าล่าเหยื่อ
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
ชายวัย 60 ปี กินแต่ "ของต้ม" หวังสุขภาพดี แต่กลับมีปัญหาสมองตื้อและความจำเสื่อม
กัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุม
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เขมรเรียกร้องให้ไทยหยุดโกหกเพื่อปกปิดการรุกราน
สะพานไม้ ตำนานของความแข็งแรงนั้นเกิดขึ้นจากความพยายามจะใช้งาน (สังขละบุรี)
ชายวัย 60 ปี กินแต่ "ของต้ม" หวังสุขภาพดี แต่กลับมีปัญหาสมองตื้อและความจำเสื่อม









