หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ไขมันช่องท้อง ภัยเงียบที่ทำให้พุงป่อง พุงใหญ่ เสี่ยงโรคร้ายไม่รู้ตัว

โพสท์โดย potterreporter

ไขมันช่องท้อง ภัยเงียบที่ทำให้พุงป่อง พุงใหญ่ เสี่ยงโรคร้ายไม่รู้ตัว

เริ่มมีพุงหนา อาจไม่ใช่แค่เรื่องของรูปร่าง แต่เป็นสัญญาณของ “ไขมันช่องท้อง” (Visceral Fat) ที่กำลังสะสมอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งไขมันชนิดนี้ไม่เพียงทำให้พุงป่องเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในต้นเหตุของโรคร้ายแรงหลายชนิด ทำความรู้จักกับ ไขมันช่องท้อง ภัยเงียบที่ทำให้พุงป่อง พุงใหญ่ เสี่ยงโรคร้ายไม่รู้ตัว 

 

ไขมันช่องท้อง คืออะไร?

ไขมันช่องท้อง (Visceral Fat) คือไขมันที่สะสมอยู่ “ลึก” ภายในช่องท้อง ล้อมรอบอวัยวะสำคัญต่าง ๆ เช่น ตับ ลำไส้ และกระเพาะอาหาร ซึ่งแตกต่างจากไขมันใต้ผิวหนังที่อยู่ตื้นกว่า ไขมันชนิดนี้จะฝังอยู่หลังชั้นกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้มองเห็นเป็นพุงแข็ง ๆ หรือพุงล้ำออกมาข้างหน้า

ไขมันช่องท้องเกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับพลังงานมากกว่าที่เผาผลาญได้  โดยเฉพาะจากอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง หรือการขาดการออกกำลังกาย เมื่อสะสมมากขึ้น ร่างกายจะพยายามนำไขมันส่วนเกินไปเก็บไว้รอบ ๆ อวัยวะสำคัญ และ “ตับ” มักเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้กับจุดสะสมไขมันเหล่านี้ จึงอาจนำไปสู่ภาวะ ไขมันพอกตับ (Fatty Liver) ได้ในที่สุด

โดยทั่วไป ไขมันช่องท้องถือเป็นไขมันชนิดอันตราย เพราะสามารถปล่อยสารอักเสบและไขมันอิสระเข้าสู่กระแสเลือด ไขมันช่องท้องทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ หากปล่อยสะสมไว้โดยไม่ปรับพฤติกรรมหรือดูแลอย่างเหมาะสม อาจกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้


สาเหตุของการเกิดไขมันช่องท้อง

  1. พฤติกรรมการกิน

การทานอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด ขนมหวาน น้ำอัดลม หรือคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวมากเกินไป เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินจำเป็น และสะสมเป็นไขมันช่องท้องได้ง่าย

  1. ขาดการออกกำลังกาย

เมื่อใช้ชีวิตแบบนั่งทำงาน นั่งรถ นั่งดูทีวี ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานน้อยลง ไขมันที่กินเข้าไปจึงไม่ได้ถูกนำไปใช้ ทำให้เกิดไขมันช่องท้องเพิ่มขึ้น

  1. ฮอร์โมน

โดยเฉพาะในผู้หญิงช่วงวัยหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้ไขมันเปลี่ยนมาสะสมที่บริเวณช่องท้องมากขึ้น ส่วนผู้ชายในวัยกลางคน ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่ลดลงก็มีผลเช่นเดียวกัน

  1. ความเครียดเรื้อรัง

เมื่อเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งกระตุ้นให้เกิด “ความอยากอาหาร” โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง จึงยิ่งทำให้เกิดไขมันช่องท้องมากขึ้น

  1. พันธุกรรม

บางคนมีอัตราการเผาผลาญพลังงานต่ำจากพันธุกรรม จึงมีแนวโน้มสะสมไขมันช่องท้องได้ง่ายกว่าคนทั่วไป


ไขมันช่องท้อง เสี่ยงต่อการเกิดโรคอะไรบ้าง?

ไขมันช่องท้อง หรือ Visceral Fat ถือเป็น “ภัยเงียบ” ที่หลายคนมองข้าม เพราะแม้จะมองไม่เห็นจากภายนอก แต่เป็นไขมันที่อยู่ลึกและลดยากมาก ที่สำคัญ ไขมันช่องท้องสามารถปล่อยกรดไขมันอิสระและสารอักเสบเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดและรบกวนการทำงานของอวัยวะภายในหลายส่วน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ ดังนี้

  1. โรคหัวใจและหลอดเลือด (Heart Disease)

ไขมันช่องท้องสามารถเกาะตามผนังหลอดเลือดแดง ทำให้หลอดเลือดตีบหรืออุดตัน ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก จึงเพิ่มโอกาสเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองได้

  1. โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes)

ไขมันช่องท้องส่งผลโดยตรงต่อ “การทำงานของอินซูลิน” ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้ควบคุม อาจนำไปสู่การเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในที่สุด

  1. ความดันโลหิตสูง (Hypertension)

ไขมันช่องท้องจะไปกระทบต่อระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้หัวใจต้องสูบฉีดเลือดแรงขึ้นเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ทั่วร่างกาย ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว

  1. ไขมันพอกตับ (Fatty Liver)

เมื่อมีไขมันช่องท้องมากเกินไป ตับซึ่งอยู่ใกล้บริเวณนั้นจะได้รับไขมันส่วนเกินเข้าไปสะสมด้วย ส่งผลให้ตับทำงานหนัก และเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินให้เป็นไขมันเพิ่มขึ้น กลายเป็นภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจพัฒนาเป็นตับอักเสบเรื้อรัง หรือตับแข็ง ได้

  1. ไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia)

ไขมันช่องท้องที่มากเกินไป จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ในเลือด ขณะเดียวกันยังลดคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลง ทำให้ไขมันไปสะสมตามหลอดเลือดมากขึ้น เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตัน

  1. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)

ผู้ที่มีไขมันช่องท้องจำนวนมาก มักจะมีไขมันสะสมบริเวณหน้าอกและรอบช่องท้องเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจไปกดทับกระบังลมหรือขัดขวางทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน นอนหลับไม่สนิท และเสี่ยงโรคหัวใจเพิ่มขึ้น


อยากลดไขมันช่องท้อง ต้องทำอย่างไร?

  1. ลดไขมันช่องท้องด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน

ลดอาหารมัน ของทอด น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตขัดสี เพิ่มผัก ผลไม้ และอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เลือกโปรตีนไขมันต่ำ เช่น อกไก่ ปลา เต้าหู้ ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 1.5–2 ลิตร และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะกระตุ้นการสะสมไขมันในตับและช่องท้อง

  1. ลดไขมันช่องท้องด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที/วัน 4–5 วันต่อสัปดาห์ เช่น คาร์ดิโอ (Cardio) เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เพื่อเร่งการเผาผลาญ และเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น

  1. ลดไขมันช่องท้องด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ

นอนหลับวันละ 7–8 ชั่วโมง เพราะการอดนอนทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความหิวมากขึ้น ส่งผลให้กินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

  1. ลดไขมันช่องท้องด้วยการลดความเครียด

ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง นั่งสมาธิ หรือออกกำลังกายเบา ๆ เพราะความเครียดส่งผลโดยตรงต่อการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่กระตุ้นให้เกิดไขมันช่องท้อง


เทคโนโลยีช่วยลดไขมันช่องท้อง Fit Shape Body

สำหรับใครที่พยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว แต่พุงยังไม่ยุบ เทคโนโลยี Fit Shape Body ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดไขมันช่องท้องได้อย่างตรงจุด

Fit Shape Body คือเทคโนโลยีรีดไขมันสะสมลึกถึงชั้นช่องท้อง โดยใช้พลังงาน Capacitive Resistive Monopolar Radiofrequency (CRMRF) ความถี่ 448 kHz ซึ่งเป็นคลื่นวิทยุความถี่สูงที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก อย.  เทคโนโลยีนี้จะส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นไขมัน กระตุ้นให้เซลล์ไขมันเกิดความร้อนจนหดตัวและสลายออกตามกระบวนการธรรมชาติ พร้อมทั้งกระตุ้น ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวกระชับขึ้น ไม่หย่อนคล้อยหลังลดไขมัน


ผลลัพธ์จาก Fit Shape Body

เทคโนโลยีนี้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายหรืออยากเห็นผลในจุดที่ลดได้ยาก เช่น พุงล่าง ต้นขา หรือสะโพก


ทำไม Fit Shape Body ถึงช่วยลดไขมันช่องท้องได้จริง

เพราะพลังงาน CRMRF 448 kHz สามารถลงลึกถึงระดับเซลล์ไขมัน และกระตุ้นให้ร่างกายเร่งการเผาผลาญอย่างต่อเนื่องหลังทำ นอกจากลดไขมันช่องท้องแล้ว ยังช่วยจัดระเบียบคอลลาเจนในชั้นผิวให้แน่นขึ้น ผิวจึงดูเรียบเนียนขึ้นพร้อมกัน


อย่าปล่อยให้ไขมันช่องท้องสะสมจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพระยะยาว เพราะนอกจากจะทำให้หุ่นดูไม่กระชับแล้ว ยังเสี่ยงโรคต่าง ๆ มากมาย หากต้องการฟื้นฟูรูปร่างให้กลับมาดูดี Fit Shape Body ลดไขมันช่องท้อง คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้พุงยุบ หุ่นเฟิร์ม โดยไม่ต้องผ่าตัด

เนื้อหาโดย: potterreporter
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
potterreporter's profile


โพสท์โดย: potterreporter
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการีชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"ไวรัลอีกครั้ง! “I Promise I Will Comeback” รีรันคืนจอ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"ไวรัลอีกครั้ง! “I Promise I Will Comeback” รีรันคืนจอตำรวจแยกสอบ 2 เคส! “เวย์ ไทเทเนี่ยม” ถูกเหยื่อแจ้งความฉ้อโกง อ้างชื่อนักธุรกิจดังตุ๋นลงทุนหุ้นทิพย์ สูญกว่า 50 ล้านตร.เผย เวย์ ไทเทเนี่ยม ใช้ชื่อนักธุรกิจดังหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงิน 50 ล้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด โฆษณา ประชาสัมพันธ์
ภาพ 3 มิติ คืออะไร? เทคนิคสร้างภาพเสมือนจริงสำหรับมือใหม่Microsoft Fabric คืออะไร? แนะนำเครื่องมือใหม่จาก Microsoft สำหรับองค์กรยุคดิจิทัลทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ESG คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อองค์กรดึงหน้า (Facelift) คืออะไร? มีกี่เทคนิค รวมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ตั้งกระทู้ใหม่