รู้จัก GIP ฮอร์โมนจากลำไส้ ตัวช่วยควบคุมน้ำตาลและจัดการไขมัน
รู้จัก GIP ฮอร์โมนจากลำไส้ ตัวช่วยควบคุมน้ำตาลและจัดการไขมัน
เคยได้ยินชื่อ GIP กันไหม? ฮอร์โมนตัวนี้จริง ๆ แล้วมีบทบาทสำคัญมากกว่าที่คิด เพราะมันคือ “ฮอร์โมนจากลำไส้” ที่ช่วยคุมทั้งระดับน้ำตาล ความอยากอาหาร และระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้ร่างกายสมดุล กินได้แต่ไม่สะสมไขมันเกิน ลองมารู้จัก GIP ให้มากขึ้นกันว่ามันทำงานอย่างไร และเกี่ยวข้องกับสุขภาพและการลดน้ำหนักยังไงบ้าง
GIP คืออะไร?
GIP (Glucose-dependent Insulinotropic Polypeptide) เดิมเคยเรียกว่า Gastric Inhibitory Peptide เป็นหนึ่งในกลุ่ม Incretin hormones หรือฮอร์โมนจากทางเดินอาหารที่ถูกหลั่งหลังมื้ออาหาร เพื่อช่วยให้ร่างกาย “จัดการพลังงาน” อย่างสมดุล ตั้งแต่การกระตุ้นอินซูลิน คุมระดับน้ำตาล ไปจนถึงมีบทบาทต่อความอิ่ม ความอยากอาหาร และเมตาบอลิซึมโดยรวม
ฮอร์โมน GIP สร้างจาก K-cell ในลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenum) เมื่อมีอาหารผ่านเข้าสู่ลำไส้ GIP จะหลั่งออกมาและส่งสัญญาณไปยังอวัยวะหลายระบบพร้อมกัน ได้แก่ ตับอ่อน เนื้อเยื่อไขมัน สมอง และกระดูก ทำงานประสานกับฮอร์โมนอินครีตินตัวดังอย่าง GLP-1 เพื่อพยุงระดับน้ำตาลหลังมื้ออาหาร และช่วยให้ร่างกายใช้-เก็บพลังงานอย่างเหมาะสม
GIP ทำงานที่ไหนบ้าง?
- ตับอ่อน: กระตุ้นเบต้าเซลล์ให้หลั่งอินซูลินแบบขึ้นกับระดับน้ำตาล (glucose-dependent) และมีบทบาทต่อการหลั่งกลูคากอนเพื่อดูแลสมดุลในภาวะน้ำตาลต่ำ
- เนื้อเยื่อไขมัน (Adipose tissue): ส่งเสริมการเก็บพลังงานในรูปไขมันสำรอง เพื่อใช้ยามที่ร่างกายต้องการ
- กระดูก: เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่และลดการสลายกระดูก ช่วยคงความแข็งแรงของมวลกระดูก
- สมอง: ส่งสัญญาณความอิ่ม ลดความอยากอาหาร ซึ่งสัมพันธ์กับการกินน้อยลงและการจัดพฤติกรรมการกินให้สมดุล
บทบาทสำคัญของ GIP ต่อร่างกาย
- GIP ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นอินซูลินหลังมื้ออาหาร ช่วยนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ ใช้เป็นพลังงานหรือเก็บเป็นไกลโคเจน/ไขมันสำรอง
- GIP ช่วยรักษาสมดุลฮอร์โมนตับอ่อน ในภาวะน้ำตาลต่ำ GIP เกี่ยวข้องกับการหลั่งกลูคากอน เพื่อไม่ให้น้ำตาลตกต่ำเกินไป
- GIP ช่วยเสริมการเก็บพลังงาน ส่งเสริมให้ไขมันถูกเก็บในเนื้อเยื่อไขมันอย่างเป็นระบบ ไม่กระจายสู่ตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
- GIP ช่วยเสริมมวลกระดูก สนับสนุนการสร้างกระดูกใหม่และลดการสลาย ช่วยให้โครงสร้างกระดูกแข็งแรง
- GIP ช่วยลดความอยากอาหาร มีบทบาทต่อศูนย์ควบคุมความหิว-อิ่มในสมอง ช่วยให้ “รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น” และลดการกินจุกจิก
Incretin hormones คืออะไร?
Incretin hormones คือกลุ่มฮอร์โมนจากลำไส้ที่ “ตอบสนองต่ออาหาร” เพื่อช่วยร่างกายจัดการระดับน้ำตาลและพลังงาน ฮอร์โมนหลักในกลุ่มนี้มีสองตัวคือ GIP และ GLP-1 (Glucagon-like Peptide-1) ทั้งคู่ช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลินหลังมื้ออาหาร (incretin effect) และส่งผลต่อความอิ่ม ระบบย่อย และเมตาบอลิซึม เมื่อทำงานร่วมกันจะเกิดผลเสริมฤทธิ์ (synergy) ที่ชัดเจน
GIP vs GLP-1 ต่างกันอย่างไร?
- GLP-1: หลั่งจาก L-cell ในลำไส้เล็กส่วนปลาย ชูจุดเด่นด้าน “ความอิ่ม” ลดความอยากอาหาร ชะลอการเคลื่อนไหวของกระเพาะ ทำให้อิ่มนานขึ้น พร้อมเพิ่มอินซูลินและลดกลูคากอนเพื่อคุมน้ำตาล
- GIP: หลั่งจาก K-cell ในลำไส้เล็กส่วนต้น เน้น “คุมน้ำตาลและพลังงาน” กระตุ้นอินซูลิน/กลูคากอนตามบริบท เสริมการเก็บพลังงานอย่างมีระเบียบ มีบทบาทต่อกระดูก และช่วยลดอาการทางทางเดินอาหารเมื่อใช้ร่วมกับ GLP-1 ในบางบริบททางคลินิก
GLP-1 เก่งเรื่องอิ่มไว-อิ่มนาน, ส่วน GIP เด่นด้านคุมน้ำตาล-พลังงานและซัพพอร์ตเนื้อเยื่อ เมื่อทำงานคู่กัน ประสิทธิภาพการคุมเมตาบอลิซึมจึงดีขึ้น
ทำไมการใช้แนวทางที่เลียนแบบ GIP + GLP-1 จึงน่าสนใจ?
ในทางการแพทย์สมัยใหม่ มีการพัฒนา “เปปไทด์/สารเลียนแบบฮอร์โมน” ที่ออกฤทธิ์คล้าย GLP-1 และ GIP เพื่อช่วยควบคุมความอยากอาหาร การรับพลังงาน และระดับน้ำตาล จุดเด่นของการใช้ “กลยุทธ์สองแกน” คือ
- ลดความอยากอาหารได้เด่นชัดกว่าเดิม ช่วยอิ่มนานขึ้น ลดมื้อจุกจิก
- คุมน้ำตาลเสถียรขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีแนวโน้มดื้ออินซูลิน
- หนุนการจัดการไขมันสะสม ร่วมกับการคุมอาหารและออกกำลังกาย
- อาจลดอาการทางทางเดินอาหารบางประการ เมื่อเทียบกับการใช้แนวทางเดี่ยวในบางราย
เมื่อ GIP สูงเรื้อรัง…มีความเสี่ยงอะไร?
- ภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin resistance): การกระตุ้นอินซูลินถี่จากการรับพลังงานเกิน อาจนำไปสู่ระดับอินซูลินสูงเรื้อรัง จนเซลล์ตอบสนองลดลง
- โรคอ้วน (Obesity): บทบาทด้านการเก็บพลังงานของ GIP เมื่อเจอกับ “พลังงานส่วนเกินต่อเนื่อง” ทำให้สะสมไขมันง่าย โดยเฉพาะในช่องท้อง
- กลุ่มอาการเมตาบอลิก (Metabolic syndrome): น้ำหนักเกิน ดื้ออินซูลิน เบาหวานชนิดที่ 2 ไขมันในเลือดผิดปกติ ความดันสูง ไขมันพอกตับ และความเสี่ยงหัวใจ-หลอดเลือดที่เพิ่มขึ้น
ทำอย่างไรให้ฮอร์โมน GIP ทำงานสมดุล
ฮอร์โมน GIP (Glucose-dependent Insulinotropic Polypeptide) เป็นฮอร์โมนจากทางเดินอาหารที่มีความสำคัญในการควบคุมน้ำตาลในเลือดและการทำงานของระบบเผาผลาญ การรักษาสมดุลของฮอร์โมนนี้จึงจำเป็นต่อการควบคุมน้ำหนักและสุขภาพโดยรวม วิธีการดูแลสุขภาพเพื่อให้ GIP ทำงานได้อย่างเหมาะสม มีดังนี้ครับ:
- การควบคุมอาหาร
การเลือกอาหารที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อการหลั่งและการตอบสนองของ GIP ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีโปรตีนดีและเพิ่มใยอาหาร (ไฟเบอร์) จากผักและผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม สารอาหารเหล่านี้ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้การหลั่ง GIP และอินซูลินเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และควรงดหรือลดอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เพราะจะกระตุ้นให้ GIP และอินซูลินหลั่งมากเกินไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะดื้ออินซูลินในระยะยาว
- การพักผ่อนให้เพียงพอ
คุณภาพของการนอนหลับส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนทั้งหมดในร่างกาย ควรนอนหลับ 7–8 ชั่วโมงการพักผ่อนที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูซ่อมแซมและสร้างความสมดุลให้กับฮอร์โมนหลายชนิด รวมถึงฮอร์โมนควบคุมความหิว/อิ่ม (Ghrelin และ Leptin) เมื่อฮอร์โมนหิว/อิ่มทำงานได้ดี ก็จะส่งผลดีต่อการตอบสนองของ GIP ต่ออาหาร
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญ เสริมสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญพลังงาน ควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3–5 วัน การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและที่สำคัญคือ เพิ่มความไวต่ออินซูลิน ของเซลล์ในร่างกาย เมื่อเซลล์ไวต่ออินซูลินมากขึ้น GIP ก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาล
- การจัดการความเครียด
ลดฮอร์โมนคอร์ติซอล ความเครียดเรื้อรังคือศัตรูของสมดุลฮอร์โมน วิธีจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ หรือโยคะ จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและลดการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด หากคอร์ติซอลสูงเรื้อรัง จะกระตุ้นการสะสมไขมันและทำให้ฮอร์โมนจากทางเดินอาหาร รวมถึง GIP ขาดสมดุล
5 แนวทางลดน้ำหนักให้สุขภาพดี
- ปรับโภชนาการให้สมดุล: โปรตีน-ไฟเบอร์สูง คาร์บเชิงซ้อน ลดแปรรูป-น้ำตาล เพิ่มผักผลไม้
- คุมปริมาณพลังงาน: ไม่อดจนขาดสารอาหาร แต่กินพอดีกับความต้องการ พร้อมดื่มน้ำสะอาด 6–8 แก้ว/วัน
- ออกกำลังกายต่อเนื่อง: รวมคาร์ดิโอ + เวท ให้ถึงอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์
- นอนและเครียดให้อยู่มือ: นอนพอ ลดความเครียด เพื่อไม่ให้ฮอร์โมนความหิว/ความอยากรวน
- ขอคำปรึกษาเชิงแพทย์เมื่อจำเป็น: สำหรับผู้ที่ลดเองแล้วยังติดขัด อาจพิจารณาทางเลือกทางการแพทย์ภายใต้การดูแลของแพทย์ เช่น แนวทางที่เลียนแบบ GLP-1/GIP ร่วมกับการปรับพฤติกรรม
GIP คือฮอร์โมนจากลำไส้ที่มีบทบาทกว้างไกลกว่าการคุมน้ำตาล ช่วยประคองระบบพลังงานของร่างกาย ตั้งแต่การกระตุ้นอินซูลิน การเก็บพลังงาน ความอิ่ม ไปจนถึงการคงความแข็งแรงของกระดูก เมื่อทำงานร่วมกับ GLP-1 ประสิทธิภาพด้านเมตาบอลิซึมและการควบคุมน้ำหนักมีแนวโน้มดีขึ้น อย่างไรก็ดี “ฮอร์โมนที่สมดุล” ต้องพึ่งพาพฤติกรรมพื้นฐานที่ยั่งยืน กินพอดี ออกกำลังสม่ำเสมอ นอนพอ จัดการเครียด และตรวจสุขภาพเป็นระยะ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
นิทานเพื่อนรัก 3 คนสู่โศกนาฏกรรมปริศนา! สั่งระงับเผาศพ-พบ "ไซยาไนด์" ในร่างผู้เสียชีวิต
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
หาดใหญ่จมน้ำ รถลูกค้า ‘วิริยะประกันภัย’ ขอเคลมพุ่ง 3,800 คัน
ภาพ 3 มิติ คืออะไร? เทคนิคสร้างภาพเสมือนจริงสำหรับมือใหม่
Microsoft Fabric คืออะไร? แนะนำเครื่องมือใหม่จาก Microsoft สำหรับองค์กรยุคดิจิทัล
ทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ESG คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อองค์กร
ดึงหน้า (Facelift) คืออะไร? มีกี่เทคนิค รวมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
