เทรนด์ฟิลเลอร์เลือกฉีดยี่ห้อไหนดี? มีเนื้อกี่แบบ? จุดไหนได้รับความนิยม?

เทรนด์ฟิลเลอร์เลือกฉีดยี่ห้อไหนดี? มีเนื้อกี่แบบ? จุดไหนได้รับความนิยม?

ฟิลเลอร์เป็นหัตถการความงามยอดนิยมทั่วโลก ด้วยความสามารถในการแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้หลากหลายตำแหน่ง ให้ผลลัพธ์รวดเร็วและเป็นธรรมชาติ จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของหลายคน ปัจจุบันเทรนด์ฟิลเลอร์พัฒนาไปไกล บทความนี้จะพาไปรู้จักตำแหน่งฉีดยอดนิยม ยี่ห้อที่กำลังนิยม และคำแนะนำจาก รมย์รวินท์คลินิก

เจาะลึกเทรนด์ฟิลเลอร์ประจำปี

เทรนด์ฟิลเลอร์ในปัจจุบันไม่ได้เน้นเพียงเติมเต็มหรือแก้ไขจุดบกพร่อง แต่เน้นการออกแบบใบหน้าเฉพาะบุคคล แพทย์จะประเมินปัญหา วิเคราะห์สัดส่วน และวางแผนฉีดที่เหมาะสม เลือกตำแหน่ง ยี่ห้อ และเนื้อฟิลเลอร์ให้เข้ากับผิว ใช้ปริมาณพอดี เน้นเทคนิคแม่นยำเพื่อยกกระชับ ปรับโครงสร้างใบหน้าให้สมดุล ทุกมุมมอง กลมกลืนกับผิว และดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างเดิมมาก

เลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี?

ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. มีให้เลือกหลากหลาย แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและเทคโนโลยีเฉพาะตัว ดังนี้

1. Juvederm

• ส่วนประกอบหลัก: Hyaluronic Acid (HA)
• ผู้ผลิต: Allergan, สหรัฐอเมริกา
• เทคโนโลยี: HYLACROSS (อุ้มน้ำสูง ยืดหยุ่นดี) / VYCROSS (ยกกระชับ รองรับโครงสร้างผิว)
• จุดเด่น: สามารถปรับรูปหน้า เพิ่มมิติ และยกกระชับผิวได้
• รุ่น: 7 รุ่นสำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ
• ระยะเวลาผลลัพธ์: 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพผิว
  
  

2. Restylane

• ส่วนประกอบหลัก: Hyaluronic Acid (HA)
• ผู้ผลิต: Galderma, สวีเดน
• เทคโนโลยี: NASHA (คงตัว กักเก็บความชุ่มชื้น) / OBT (ปรับรูปทรง ยืดหยุ่นสูง)
• จุดเด่น: เติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า และเพิ่มความยืดหยุ่น
  รุ่น: 8 รุ่นสำหรับแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
• ระยะเวลาผลลัพธ์: 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพผิว
  
  

3. Belotero

• ส่วนประกอบหลัก: Hyaluronic Acid (HA)
• ผู้ผลิต: Merz Aesthetics, สวิตเซอร์แลนด์
• เทคโนโลยี: CPM Technology
• Cohesivity: ยึดเกาะเป็นเนื้อเดียว
• Elasticity: ยืดหยุ่นสูง
• Plasticity: ปั้นรูปทรงง่าย
• จุดเด่น: เหมาะกับเติมริ้วรอยเล็ก เพิ่มวอลลุ่ม และปรับสภาพผิว
• รุ่น: 7 รุ่น
• ระยะเวลาผลลัพธ์: 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพผิว
  
  

4. Neauvia

• ส่วนประกอบหลัก: Hyaluronic Acid (HA), L-Proline, Glycine, Calcium Hydroxylapatite (CaHA)
• ผู้ผลิต: Matex Lab Group, อิตาลี
• เทคโนโลยี: SXT Technology + PEG crosslinking
• จุดเด่น: คงตัวสูง ยืดหยุ่นดี ลดโอกาสแพ้ และทนความร้อน
• รุ่น: 3 รุ่น
• ระยะเวลาผลลัพธ์: 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพผิว
  
  

5. Definisse

• ส่วนประกอบหลัก: Hyaluronic Acid (HA)
• ผู้ผลิต: Relife Company, อิตาลี
• เทคโนโลยี: XTR™ Technology (โมเลกุล HA ผสานเป็นร่างแห)
• จุดเด่น: ยกพยุงผิว ปรับโครงสร้างใบหน้า ลดความเสี่ยงแพ้ด้วย HA บริสุทธิ์
• รุ่น: 3 รุ่น
• ระยะเวลาผลลัพธ์: 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพผิว
  

  

ฉีดฟิลเลอร์จุดไหนได้รับความนิยม?

• ใต้ตา
  ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา และริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น ควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ละเอียด และกระจายตัวได้ดี
• แก้มส้ม
  ช่วยเติมเต็มแก้มที่ยุบ แบน หรือหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ ใช้ฟิลเลอร์ยืดหยุ่น คงตัว และยกพยุงผิวได้ดี
• ขมับ
  แก้ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ และโหนกแก้มชัด เติมเต็มความสมดุลของใบหน้า ฟิลเลอร์ควรมีความหนาแน่นและรองรับโครงสร้างได้ดี
• ร่องแก้ม
  เติมร่องแก้มลึกหรือยุบ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ฟิลเลอร์ควรยืดหยุ่นสูง คงตัว และทนต่อการขยับ
• ปาก
  แก้ริมฝีปากบาง ไม่เท่ากัน หรือมุมปากตก ให้ริมฝีปากเต็ม ชุ่มชื้น และสมดุล ใช้ฟิลเลอร์นิ่ม ยืดหยุ่น และทนต่อการขยับ
• คาง
  แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางเบี้ยว เติมเต็มให้รูปหน้าสมดุล ฟิลเลอร์ควรแข็ง คงรูป และรองรับโครงสร้างได้ดี
• หน้าผาก
  แก้หน้าผากยุบ แบน หรือบุ๋ม เติมเต็มความเรียบเนียน และสมดุลของใบหน้า ฟิลเลอร์ควรยืดหยุ่น คงรูป และไม่เป็นคลื่นง่าย

เนื้อฟิลเลอร์มีกี่แบบ?

การเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะกับตำแหน่งฉีดช่วยให้ผลลัพธ์เรียบเนียน เป็นธรรมชาติ และกลมกลืนกับผิว โดยเนื้อฟิลเลอร์แบ่งได้ 4 ประเภทหลัก

1. เนื้อแข็ง
   ฟิลเลอร์ชนิดแข็ง คงรูปและหนาแน่น เหมาะกับการเติมเต็มชั้นกระดูกที่ยุบตามวัย ช่วยปรับโครงสร้าง ยกกระชับ และเพิ่มมิติให้ใบหน้า ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
2. เนื้อกลาง
   ฟิลเลอร์คงตัว ยืดหยุ่นปานกลาง เหมาะกับชั้นลึก เติมเต็มร่องลึก เสริมปริมาตร และปั้นรูปทรงให้ดูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นานปานกลาง
3. เนื้อนิ่ม
   ฟิลเลอร์นุ่ม ยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับ ไม่เป็นก้อน เหมาะกับเติมเต็มชั้นไขมันที่หายไป เพิ่มวอลลุ่ม อิ่มฟู และทำให้ผิวดูเต็มขึ้น
4. เนื้อละเอียด
   ฟิลเลอร์บางเบา โมเลกุลเล็ก กระจายตัวดี เหมาะกับชั้นผิวตื้น เติมริ้วรอยเล็ก เพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวโดยรวมให้เรียบเนียน

ฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร?

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็ม และฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

1. ผู้ที่มีริ้วรอยหรือร่องลึก

เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก ริมฝีปาก หรือร่องแก้มลึก ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็ม ทำให้ผิวเรียบเนียน ใบหน้าดูเต่งตึง และดูอ่อนกว่าวัย

2. ผู้ที่มีโครงหน้าไม่สมดุล

เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเช่น คางสั้น คางตัด คางเบี้ยว ริมฝีปากไม่เท่ากัน หน้าแก้มแบน หรือหน้าผากเป็นแอ่ง ฟิลเลอร์สามารถปรับสัดส่วนและสร้างมิติให้ใบหน้าดูสมดุลและโค้งมนสวยงาม

3. ผู้ที่ใบหน้าซูบตอบหรือผิวยุบตัว

เหมาะกับผู้ที่มีแก้มตอบ ขมับยุบ หน้าแก้มยุบ ใต้ตาลึก ฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มวอลลุ่ม เติมความอิ่มฟู ให้ใบหน้าดูเต็มและมีมิติ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น

4. ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ

เหมาะกับผู้ที่มีแก้มตก มุมปากตก กรอบหน้าไม่ชัด ฟิลเลอร์ช่วยยกกระชับและรองรับโครงสร้างผิว ทำให้ผิวดูแน่นขึ้น ใบหน้ามีมิติมากขึ้น และแลดูอ่อนกว่าวัย

5. ผู้ที่ผิวแห้งหรือหยาบกร้าน

เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ บริเวณหน้าแก้ม หน้าผาก ริมฝีปาก ลำคอ หรือหลังมือ ฟิลเลอร์ช่วยอุ้มน้ำ เติมความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ฉ่ำน้ำ และเปล่งปลั่ง

6. ผู้ที่มีรูขุมขนกว้างหรือหลุมสิว

เหมาะกับผู้ที่มีรอยแผลเป็น รูขุมขนกว้าง หรือผิวขรุขระ ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มและปรับผิวให้เรียบเนียน ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ยืดหยุ่น และละเอียดขึ้น

7. ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด

ฟิลเลอร์เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่อยากมีแผลใหญ่ หรือไม่ต้องการพักฟื้นนาน เนื่องจากหัตถการนี้เห็นผลทันที เจ็บน้อย และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ปัจจุบันเทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนกับผิว และไม่แข็งหรือโป๊ะเกินไป โดยแพทย์จะประเมินและออกแบบรูปหน้าเฉพาะบุคคล เพื่อเสริมจุดเด่นและแก้ไขจุดบกพร่องอย่างพอดี ไม่ฉีดมากจนเสี่ยงเกิดภาวะหน้าล้น (Overfilled Syndrome) ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย สวยละมุน และไม่หลอกตา