หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ลดรอยแผลเป็น มีวิธีอะไรบ้าง ให้หายเร็ว รอยแผลดูจางลง

โพสท์โดย CuteCute

ลดรอยแผลเป็น มีวิธีอะไรบ้าง ให้หายเร็ว รอยแผลดูจางลง
รอยแผลเป็นเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเกิดจากสิว อุบัติเหตุ หรือการผ่าตัดก็ตาม รอยเหล่านี้มักทิ้งร่องรอยบนผิวที่ยากจะลืม ทั้งในแง่รูปลักษณ์และความมั่นใจ หลายคนพยายามหาวิธีให้รอยแผลเป็นจางลง แต่บางครั้งกลับไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นอย่างไรถึงจะได้ผลจริง

บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นว่า รอยแผลเป็นเกิดขึ้นได้อย่างไร มีประเภทใดบ้าง และมีวิธีดูแลหรือรักษาลดรอยแผลเป็นแบบไหนที่ช่วยให้รอยค่อย ๆ จางลงได้จริง ทั้งจากการดูแลด้วยตัวเองและเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อให้คุณกลับมามีผิวเรียบเนียนและมั่นใจอีกครั้ง

 

รอยแผลเป็นคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร
เวลาที่ผิวหนังได้รับบาดเจ็บ ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมบริเวณนั้นให้กลับมาสมานกัน กระบวนการนี้เองที่ทำให้เกิด “รอยแผลเป็น” เพราะคอลลาเจนใหม่ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาทดแทน จะมีโครงสร้างแตกต่างจากผิวเดิม

หากร่างกายสร้างคอลลาเจนมากเกินไป แผลจะนูนขึ้น แต่ถ้าผลิตน้อยเกินไปก็อาจเกิดเป็นหลุมหรือรอยบุ๋มได้ ส่วนรอยสีผิวผิดปกติ เช่น รอยดำหรือรอยแดง มักเกิดจากเม็ดสีที่ทำงานผิดจังหวะระหว่างการฟื้นฟูผิว

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นมีหลายอย่าง เช่น
• แผลจากสิวอักเสบหรือการแกะสิว
• บาดแผลจากอุบัติเหตุ
• แผลจากการผ่าตัด
• แผลไหม้หรือความร้อน
• การติดเชื้อที่ผิวหนัง
• การดูแลแผลไม่ถูกวิธี เช่น การเกาหรือปล่อยให้แผลแห้งแตก

ดังนั้น รอยแผลเป็นจึงไม่ใช่แค่รอยบนผิว แต่สะท้อนถึงกระบวนการฟื้นฟูของผิวที่เกิดขึ้นภายใน

 

ประเภทของรอยแผลเป็น
การเข้าใจประเภทของรอยแผลเป็นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เลือกวิธีดูแลหรือรักษาลดรอยแผลเป็นได้อย่างเหมาะสม

 

1.รอยแผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar)
เกิดจากการสร้างคอลลาเจนมากเกินไปจนรอยแผลนูนขึ้นจากผิวเดิม แต่ยังไม่ล้ำออกนอกขอบแผล มักมีสีชมพูหรือแดง และอาจจางลงเมื่อเวลาผ่านไป

 

2.คีลอยด์ (Keloid)
รอยแผลที่นูนและล้ำออกนอกขอบเขตแผลเดิม มีลักษณะหนา แข็ง และอาจมีอาการคันหรือเจ็บ มักเกิดในคนที่มีพันธุกรรมไวต่อการสร้างคอลลาเจนเกิน

 

3.รอยแผลเป็นหลุม (Atrophic Scar)
เกิดจากการสูญเสียเนื้อเยื่อผิวหรือคอลลาเจนในระหว่างการหายของแผล ทำให้ผิวยุบตัวลงต่ำกว่าปกติ มักเกิดจากสิวอักเสบรุนแรง

 

4.รอยแตกลาย (Stretch Marks)
แม้จะไม่เกิดจากบาดแผลโดยตรง แต่ถือเป็นรอยแผลเป็นชนิดหนึ่ง เกิดจากการยืดขยายของผิวอย่างรวดเร็ว เช่น ระหว่างตั้งครรภ์ หรือช่วงน้ำหนักขึ้นลงรวดเร็ว

 

5.รอยสีผิวผิดปกติ
เป็นรอยแผลที่สีเข้มหรืออ่อนกว่าผิวปกติ มักเกิดจากการอักเสบหรือการโดนแดดซ้ำหลังแผลหาย

 

ทำไมควรดูแลรอยแผลเป็น
หลายคนอาจคิดว่าแผลเป็นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วการดูแลลดรอยแผลเป็นมีความสำคัญมาก เพราะส่งผลทั้งต่อรูปลักษณ์และสุขภาพผิว
• ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและสม่ำเสมอขึ้น
• ลดความตึงรั้งของผิว โดยเฉพาะแผลจากการผ่าตัด
• ลดอาการคันและระคายเคือง จากรอยแผลเป็นนูน
• เพิ่มความมั่นใจ โดยเฉพาะเมื่อรอยแผลอยู่ในจุดที่มองเห็นง่าย

 

วิธีดูแลลดรอยแผลเป็นด้วยตัวเอง
หากรอยแผลเป็นยังไม่ลึกหรือไม่รุนแรง การดูแลลดรอยแผลเป็นอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะแรกสามารถช่วยให้รอยค่อย ๆ จางลงได้

 

1.รักษาความสะอาดของแผล
การทำความสะอาดแผลเป็นประจำช่วยป้องกันการติดเชื้อ เพราะการติดเชื้อเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้แผลเป็นเด่นชัดขึ้น

 

2.รักษาความชุ่มชื้นของผิว
การใช้ครีมบำรุงหรือปิโตรเลียมเจลลี่ช่วยให้ผิวรอบแผลนุ่ม ไม่แห้งตึง และลดการเกิดสะเก็ดหนา ซึ่งอาจกลายเป็นรอยแผลในภายหลัง

 

3.หลีกเลี่ยงการแกะหรือเกาแผล
พฤติกรรมเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามนี้ทำให้แผลลึกขึ้นและมีโอกาสกลายเป็นรอยมากกว่าเดิม

 

4.ใช้ซิลิโคนเจลหรือแผ่นซิลิโคน
เป็นหนึ่งในวิธีที่แพทย์ผิวหนังทั่วโลกแนะนำ เพราะช่วยลดการสร้างคอลลาเจนส่วนเกิน ทำให้รอยแผลเป็นเรียบและนุ่มขึ้น

 

5.ทาครีมหรือเจลลดรอยแผลเป็น
เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอย่าง วิตามินอี, ใบบัวบก, สารสกัดหัวหอม หรือกรดผลไม้ (AHA, BHA) ซึ่งช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้รอยจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

 

6.ปกป้องรอยแผลจากแสงแดด
รังสี UV กระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินทำงานมากขึ้น ทำให้รอยแผลเป็นเข้มขึ้น จึงควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน

 

7.บำรุงจากภายใน
ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีโปรตีน วิตามินซี และสังกะสี เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นฟูเร็วและสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยลดรอยแผลเป็น
ในกรณีที่รอยแผลเป็นชัดเจนหรือเป็นมานาน การรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์สามารถช่วยให้เห็นผลชัดเจนและรวดเร็วขึ้น

 

1.เลเซอร์ลดรอยแผลเป็น
เลเซอร์ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและผลัดเซลล์ผิวใหม่ เหมาะกับรอยหลุมสิว รอยแดง หรือรอยนูน
• Fractional CO2 Laser: ฟื้นฟูผิวลึก เหมาะกับรอยหลุมและรอยบุ๋ม
• PDL Laser: ลดรอยแดงและปรับสีผิว
• Nd:YAG Laser: ช่วยให้รอยดำหลังแผลดูจางลง

 

2.ฉีดสเตียรอยด์
สำหรับรอยแผลนูนหรือคีลอยด์ การฉีดสเตียรอยด์ช่วยลดการสร้างคอลลาเจนและทำให้รอยแผลค่อย ๆ แบนลง พร้อมลดอาการคันและเจ็บ

 

3.Microneedling (เข็มกระตุ้นผิว)
เทคนิคนี้ใช้เข็มเล็ก ๆ เจาะผิวเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ เหมาะสำหรับรอยหลุมสิวหรือรอยบุ๋มตื้น ๆ ผลลัพธ์คือผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

 

4.Subcision (ตัดพังผืดใต้รอยแผล)
ใช้เข็มปลายทู่ตัดเส้นพังผืดใต้รอยหลุมที่ดึงให้ผิวยุบลง เมื่อพังผืดถูกตัด ผิวจะค่อย ๆ ฟื้นตัวและเรียบเนียนขึ้น

 

5.การลอกผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peel)
ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกและกระตุ้นให้เกิดเซลล์ใหม่ เหมาะกับรอยตื้น รอยสิว หรือรอยหมองคล้ำ

 

6.การฉีดฟิลเลอร์
ในกรณีรอยบุ๋มลึก ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มให้ผิวเรียบเนียนทันที เป็นทางเลือกที่เห็นผลรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์อยู่ได้ชั่วคราวประมาณ 6–12 เดือน

 

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาลดรอยแผลเป็น
การเตรียมผิวให้พร้อมก่อนรับหัตถการลดรอยแผลเป็น จะช่วยลดผลข้างเคียงและทำให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น
• ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพรอยและเลือกวิธีที่เหมาะสม
• หลีกเลี่ยงแดดจัด 1–2 สัปดาห์ก่อนทำ
• งดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์แรง ๆ เช่น AHA, BHA หรือ Retinol
• พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ
• แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด

 

การดูแลหลังทำหัตถการลดรอยแผลเป็น
หลังเข้ารับการรักษาลดรอยแผลเป็น ผิวจะอยู่ในช่วงฟื้นฟู การดูแลอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนและลดโอกาสเกิดรอยใหม่
• หลังทำหัตถการลดรอยแผลเป็นล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน
• หลังทำหัตถการลดรอยแผลเป็นทามอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมที่แพทย์แนะนำ
• หลังทำหัตถการลดรอยแผลเป็นหลีกเลี่ยงการขัดหรือสครับผิว
• หลังทำหัตถการลดรอยแผลเป็นป้องกันแสงแดดอย่างเข้มงวด
• หลังทำหัตถการลดรอยแผลเป็นใช้ยาและครีมตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
• หลังทำหัตถการลดรอยแผลเป็นดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

 

ครีมลดรอยแผลเป็นช่วยได้จริงไหม
ครีมลดรอยแผลเป็นช่วยให้รอยดูจางลงได้จริง โดยเฉพาะหากเริ่มใช้ตั้งแต่แผลปิดใหม่ ๆ ส่วนประกอบที่มักพบในครีมเหล่านี้ ได้แก่
• ซิลิโคนเจล (Silicone Gel): ป้องกันการเกิดรอยนูนและช่วยให้แผลเรียบ
• สารสกัดหัวหอม (Allium Cepa): ลดการอักเสบและช่วยให้รอยแผลนุ่มขึ้น
• ใบบัวบก (Centella Asiatica): กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• วิตามินอีและซี: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดรอยหมองคล้ำ

อย่างไรก็ตาม หากเป็นรอยแผลเป็นเก่าหรือคีลอยด์ ครีมลดรอยแผลเป็นเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาลดรอยแผลเป็นเพิ่มเติม

 

รอยแผลเป็นจะจางลงภายในกี่เดือน
ระยะเวลาการจางของรอยแผลเป็นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของรอย อายุของแผล และการดูแลผิว
• ลดรอยแผลเป็นใหม่: ใช้เวลา 6–12 เดือนในการจางลง
• ลดรอยแผลเป็นเก่า: อาจใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี
• รอยแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์: ต้องอาศัยการรักษาหลายครั้ง เช่น ฉีดสเตียรอยด์หรือเลเซอร์
• รอยดำหรือรอยแดงจากสิว: มักจางลงภายใน 3–6 เดือน หากป้องกันแดดสม่ำเสมอ

 

เคล็ดลับป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น
• ดูแลแผลให้สะอาดและชุ่มชื้นตั้งแต่แรก
• หลีกเลี่ยงการเกาหรือแกะสะเก็ด
• ป้องกันแสงแดดทุกวัน
• รับประทานอาหารที่ช่วยฟื้นฟูผิว เช่น ปลา ไข่ ผักผลไม้
• หากมีแนวโน้มเป็นคีลอยด์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำหัตถการ

 

สรุป รอยแผลเป็นจางได้ หากดูแลถูกวิธี
การลดรอยแผลเป็นไม่ใช่เรื่องที่เห็นผลในวันเดียว แต่ถ้าเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ และเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีม การทำเลเซอร์ หรือหัตถการอื่น ๆ ผิวของคุณจะค่อย ๆ ฟื้นคืนความเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

อย่าลืมว่า “การป้องกันดีกว่าการรักษา” การดูแลแผลอย่างถูกวิธีตั้งแต่แรก คือก้าวสำคัญที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลกับรอยแผลในอนาคต และสามารถเผยผิวที่มั่นใจได้ทุกมุมมอง

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
CuteCute's profile


โพสท์โดย: CuteCute
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีดแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด โฆษณา ประชาสัมพันธ์
ภาพ 3 มิติ คืออะไร? เทคนิคสร้างภาพเสมือนจริงสำหรับมือใหม่Microsoft Fabric คืออะไร? แนะนำเครื่องมือใหม่จาก Microsoft สำหรับองค์กรยุคดิจิทัลทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ESG คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อองค์กรดึงหน้า (Facelift) คืออะไร? มีกี่เทคนิค รวมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ตั้งกระทู้ใหม่