ปี 1980 บนหาดทราย “ทีนา บาร์” ริมแม่น้ำโคลัมเบีย รัฐวอชิงตัน เด็กชายวัยเพียงแปดขวบชื่อไบรอัน อิงแกรม ออกมาเล่นข้างนอกกับครอบครัว เขาใช้พลั่วเล็ก ๆ ขุดทรายเพื่อก่อกองไฟอย่างเพลิดเพลิน แต่ในจังหวะหนึ่ง พลั่วในมือนั้นกลับกระทบเข้ากับบางสิ่งที่ฝังอยู่ใต้พื้นทราย เสียงกระทบแข็งดังแปลกประหลาดจนเด็กชายต้องก้มลงดูด้วยความสงสัย เขาเริ่มขุดลึกลงไปอีกเล็กน้อย ก่อนจะพบสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด — มันคือปึกธนบัตรยี่สิบดอลลาร์ที่ถูกมัดรวมกันแน่นอย่างจงใจ มูลค่ารวมกว่า 5,880 ดอลลาร์
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบก็พบว่าธนบัตรเหล่านี้ไม่ใช่เงินธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของเงินค่าไถ่จำนวน 200,000 ดอลลาร์ที่เคยถูกส่งมอบให้กับสลัดอากาศในตำนานผู้หนึ่งเมื่อเก้าปีก่อน เขาคนนั้นคือ “D.B. Cooper” ชายลึกลับที่กลายเป็นตำนานไปทั่วอเมริกา
เรื่องของคูเปอร์เริ่มต้นขึ้นในปี 1971 เขาจองตั๋วเครื่องบินของสายการบิน Northwest Orient เที่ยวบินที่ 305 จากพอร์ตแลนด์ไปซีแอตเทิล ภายนอกเขาดูเหมือนสุภาพบุรุษธรรมดาในชุดสูทเข้ม ผูกเนกไท และถือกระเป๋าเอกสารเล็ก ๆ ไว้ในมือ ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรที่โลกลืมไม่ลง
ระหว่างการเดินทาง เขาส่งโน้ตเล็ก ๆ ให้แอร์โฮสเตสสาวที่นั่งอยู่ใกล้ พร้อมพูดเสียงเรียบว่า “คุณหนูครับ คุณควรอ่านโน้ตนั้น ผมมีระเบิด” ข้อความในกระดาษระบุชัดว่า เขาต้องการเงินสด 200,000 ดอลลาร์ และร่มชูชีพสี่ชุด หากไม่ทำตาม เขาจะระเบิดเครื่องบินทันที
เจ้าหน้าที่ภาคพื้นและสายการบินรีบทำตามคำสั่งอย่างเคร่งเครียด และเมื่อเครื่องลงจอดที่ซีแอตเทิล คูเปอร์ก็ได้รับทุกสิ่งที่เรียกร้อง พร้อมปล่อยผู้โดยสารทั้งหมดออกจากเครื่องโดยไม่ทำร้ายใคร หลังจากนั้นเขาสั่งให้เครื่องบินมุ่งหน้าไปยังเม็กซิโกซิตี พร้อมลูกเรือที่ยังถูกควบคุมอยู่
ในคืนนั้น พายุฝนกระหน่ำเหนือท้องฟ้ารัฐวอชิงตัน ขณะที่เครื่องบินบินอยู่ในความมืด คูเปอร์เปิดประตูท้ายเครื่อง และกระโดดหายไปพร้อมเงินค่าไถ่และร่มชูชีพ ไม่มีใครรู้ว่าเขากระโดดลงตรงไหน หรือเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากนั้น ไม่มีซากศพ ไม่มีร่มชูชีพ ไม่มีเศษเสื้อผ้า — มีเพียงความเงียบและปริศนาที่ไม่มีวันได้คำตอบ
จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 1980 เงินที่ไบรอันขุดพบได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในการสืบสวนคดีนี้ เพราะบริเวณที่พบธนบัตรนั้นอยู่ห่างจากเส้นทางที่ FBI เคยคาดการณ์ว่าคูเปอร์จะกระโดดลงไปมากเกินไป ทำให้เกิดคำถามใหม่ว่า เขาอาจจะรอดชีวิตและกลับมาซ่อนเงินไว้เอง หรือไม่ก็ธนบัตรเหล่านี้ถูกกระแสน้ำพัดพามาโดยบังเอิญตลอดหลายปี
FBI และบริษัทประกันภัยของสายการบินต่างอ้างสิทธิ์ในเงินทั้งหมด แต่ภายหลังศาลได้อนุญาตให้ไบรอันเก็บธนบัตรบางส่วนไว้เป็นของที่ระลึกได้ประมาณสิบห้าใบ พร้อมเศษธนบัตรที่ผุพังอีกหลายชิ้น หลายปีต่อมา ธนบัตรเหล่านี้ถูกนำออกประมูลในราคาสูงถึงหลักหมื่นดอลลาร์ต่อใบ กลายเป็นของสะสมหายากที่สะท้อนร่องรอยของตำนานที่ยังไม่สิ้นสุด
ไบรอัน อิงแกรมเติบโตขึ้นมาโดยยังคงเก็บธนบัตรบางส่วนไว้ในกล่องไม้เล็ก ๆ ที่บ้าน เขาเคยพูดไว้ว่า “ผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร... แต่ผมคิดถึงเขาทุกครั้งที่เห็นเงินเหล่านี้” ประโยคนั้นฟังดูเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความรู้สึกระคนกันระหว่างความสงสัย ความผูกพัน และเสน่ห์ลึกลับของชายที่เขาไม่เคยพบหน้า
และในปี 2016 หลังจากการสืบสวนยาวนานกว่า 45 ปี FBI ก็ประกาศยุติคดี D.B. Cooper อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดเผยเอกสารมากกว่า 60,000 หน้าให้สาธารณชนได้ศึกษาด้วยตนเอง แม้คดีจะถูกปิดลง แต่คำถามก็ยังคงอยู่ — เขารอดชีวิตหรือไม่ เขาเป็นใครกันแน่ และทำไมไม่มีใครพบเขาอีกเลย
เรื่องราวของชายผู้กระโดดลงจากท้องฟ้ากลางพายุในคืนมืด ยังคงวนเวียนอยู่ในประวัติศาสตร์อเมริกา ราวกับเสียงสะท้อนของความลึกลับที่ไม่มีวันเลือนหาย เศษเงินบนหาดทรายทีนา บาร์ คือร่องรอยเดียวที่เหลืออยู่จากการหายตัวไปของเขา และทุกครั้งที่ไบรอันมองมัน เขายังคิดถึงชายคนนั้นเสมอ — ชายผู้ชื่อ D.B. Cooper ผู้ที่กลายเป็นตำนานที่ไม่มีวันจบสิ้น


















