จิตร ภูมิศักดิ์ : ตายแต่ชื่อ ผลงานเป็นอมตะ
วันที่ 25 กันยายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของ จิตร ภูมิศักดิ์ หากเขามีชีวิตอยู่ตอนนี้ อายุก็น่าจะประมาณ 95 ปี วันนี้ผู้เขียนจะเล่าถึงประวัติความเป็นมาของจิตร ภูมิศักดิ์ ชายหนุ่มแห่งพระตะบอง (สมัยนั้นยังเป็นของไทย) เป็นนักคิด นักประวัติศาสตร์ และนักภาษาศาสตร์ คนสำคัญคนหนึ่งของไทย กัน
จิตร ภูมิศักดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2473 เป็นลูกของ ศิริ ภูมิศักดิ์ เสมียนสรรพสามิต กับแสงเงิน ฉายาวงศ์ ซึ่งภายหลังทั้งคู่ได้แยกทางกัน โดยจิตรโตมาด้วยการเลี้ยงดูของแม่
ทวีป วรดิลก ผู้เขียนหนังสือ “จิตร ภูมิศักดิ์ ที่ผมรู้จัก” เล่าว่า จิตรเคยเล่าเรื่องตลกที่ตัวเองถูกหมายหัวจากอาจารย์จุฬาฯ ระดับปราชญ์ใหญ่ของไทยในอดีตว่า จิตรมีงานเขียนจำนวนมากในหลายนามปากกา ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วรณณกรรม และการเมือง ทั้งยังเป็นกวีและนักแต่งเพลง ผลงานของเขายังคงถูกติดตามศึกษามาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปกว่า 50 ปีแล้ว อย่างที่ ดร.เกร็ก เรย์โนลด์ ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันผู้ศึกษาค้นคว้าชีวิตและงานของจิตร เคยกล่าวถึงเขาว่า
“…จิตรนั้นเป็นผู้ “มีการก่อเกิดสองครั้ง” ครั้งแรกเขาเกิดและดับไปตามวิถีของนักต่อสู้เพื่อสิทธิประชาธิปไตยในระบอบเผด็จการ ครั้งที่สองเป็นการกำเนิดแห่ง “ตำนาน จิตร ภูมิศักดิ์” นับเป็นตำนานที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงจนยุคสมัยปัจจุบัน วันเกิดครั้งที่สองนี้อุบัติขึ้นในวันที่คนไทยลืมได้ยากคือ 14 ตุลาคม 2516…”
จิตรก็เช่นเดียวกับหลายคนที่เกิดและเติบโตในทศวรรษ 2470-2480 ที่ได้รับอิทธิพลความคิดชาตินิยม ทั้งที่มาจากการปลูกฝังของรัฐชาติในสมัยนั้น ประกอบกับความประทับใจขบวนการกู้ชาติในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ที่ได้อาศัยอุดมการณ์ชาตินิยมเป็นเครื่องมือสำคัญในการโค่นล้มลัทธิล่าอาณานิคม เมื่อต้องเดินทางไปเรียนหนังสือที่จังหวัดพระตะบอง ระหว่างปี 2488-2489 เขาบันทึกถึงความประทับใจทางการเมืองครั้งแรกของตนว่า
“ที่นั่นได้สัมพันธ์กับเพื่อนชาวเขมรจำนวนมาก เพื่อนเหล่านี้มีความรักชาติเขมรของเขาอย่างแรงกล้า แม้ทางการไทยจะสอนให้เขารักชาติไทย ฯลฯ แต่เขาก็คงยืนหยัดความเป็น “กัมปูเจีย” (กัมพูชา) ของเขาเสมอ และมีการจัดตั้งหน่วยเขมรอิสระกันอย่างกว้างขวางและเปิดเผย…ประชาชนเขมรเคลื่อนไหว “เอ็ยสะระ” (อิสระ) อย่างเต็มที่ …การเคลื่อนไหวเหล่านี้ ข้าพเจ้าติดตามด้วยความสนใจและเห็นอกเห็นใจ เพราะเกลียดชังฝรั่งเศสนักล่าเมืองขึ้นเป็นทุนอยู่แล้ว…แต่ความรู้สึกนี้ก็ค้างอยู่เพียงนั้น มิได้สะท้อนมาถึงเรื่องของประเทศไทยที่กำลังเผชิญหน้ากับอังกฤษ… ซ้ำเกิดความรู้สึกว่าอเมริกาเป็นประเทศนักบุญที่มาช่วยโปรดเมืองไทยให้พ้นการข่มขี่ของอังกฤษ”
จากพระตะบอง จิตรต้องมาเรียนที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร และที่นี่เองที่ได้ปลุกความคิดชาตินิยมของเขาออกมาอีกครั้ง เพราะสถานการณ์ภายในประเทศเกิดความไม่สงบขึ้นจากกรณี “รุมเลี้ยะพ่ะ” ที่เกิดจากชาวจีนสยามส่วนหนึ่งที่ถูกรัฐไทยรังแกมาตลอด ได้เริ่มเรียกร้องสิทธิของตนจนเกิดเป็นการก่อความไม่สงบขึ้น ในช่วงเป็นนิสิตชั้นปีที่ 3 คณะอักษรศาสตร์ ในฐานะสาราณียากร ได้ปฏิวัติการจัดทำหนังสือมหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลาคม ๒๔๙๖ ซึ่งเป็นหนังสือประจำปีขึ้นเสียใหม่ ทั้งในรูปแบบ และเนื้อหา ภายหลังจึงเกิดกรณี “โยนบก” อันลือลั่นขึ้นมานั่นเอง
เหตุการณ์ “โยนบก” เมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งสาราณียกรของหนังสือประจำปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใน พ.ศ. 2496 ในการจัดทำหนังสือครั้งนั้น จิตรได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาจากรูปแบบตามประเพณีที่มุ่งเสนอภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ไปสู่การนำเสนอข้อเขียนเชิงวิพากษ์วิจารณ์ที่สะท้อนปัญหาสังคม และประณามการเอารัดเอาเปรียบในสังคมไทย ผลงานดังกล่าวสร้างความไม่พอใจแก่ฝ่ายผู้มีอำนาจ
หนังสือที่กำลังจัดพิมพ์ถูกตำรวจสันติบาลสั่งอายัด และจิตรยังถูกเรียกเข้าสอบสวนที่หอประชุมใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เหตุการณ์บานปลายเมื่อกลุ่มนิสิตที่นำโดย สีหเดช บุนนาค จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ เข้าจับตัวจิตรแล้วโยนลงจากเวทีหอประชุม ส่งผลให้เขาได้รับบาดเจ็บและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหลายวัน ต่อมา มหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและมีมติให้ลงโทษพักการเรียนจิตรเป็นเวลา 1 ปี ใน พ.ศ. 2497 ระหว่างถูกพักการเรียน จิตรได้ประกอบอาชีพเป็นครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนอินทร์ศึกษา แต่สอนอยู่ได้เพียงระยะสั้นก็ถูกให้ออกจากงาน โดยถูกกล่าวหาว่ามีความคิดหัวก้าวหน้าเกินไป หลังจากนั้นจิตรได้เข้าทำงานที่หนังสือพิมพ์ ไทยใหม่ และเริ่มสร้างสรรค์งานเขียนเชิงวิจารณ์ด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์วรรณกรรม หนังสือ และภาพยนตร์ โดยใช้นามปากกาหลากหลาย เช่น “บุ๊คแมน” และ “มูฟวี่แมน” ผลงานดังกล่าวได้รับการยกย่องว่ามีคุณค่าทางวิชาการและเปิดมิติใหม่ให้แก่วงการวิจารณ์ในสังคมไทย
งานเขียนที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของเขาคือ โฉมหน้าศักดินาไทย ซึ่งวิเคราะห์พัฒนาการทางสังคมและโครงสร้างอำนาจของไทยตามแนวคิดวัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์ในสำนักลัทธิมากซ์ ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการศึกษาประวัติศาสตร์เชิงวิพากษ์ในประเทศไทย และถูกนำมาศึกษาอย่างกว้างขวางทั้งในแวดวงวิชาการและการเมือง หลังสิ้นสุดโทษพักการเรียนใน พ.ศ. 2498 จิตรกลับเข้าศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาอักษรศาสตร์บัณฑิตใน พ.ศ. 2500 จากนั้นได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ และยังได้ศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2501 จิตรถูกจับกุมในข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ และถูกนำตัวไปควบคุมในสถานที่ต่าง ๆ ก่อนถูกส่งไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรมใน พ.ศ. 2503
กระทั่งวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2506 อัยการศาลทหารกรุงเทพ ได้ยื่นฟ้องตามพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 แต่ศาลทหารมีคำพิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมในโอกาสครบรอบ 25 พุทธศตวรรษแล้ว การดำเนินคดีดังกล่าวจึงเป็นการฟ้องซ้ำ ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวจิตรเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2507
อย่างไรก็ดี ภายหลังการปล่อยตัว จิตรยังคงถูกเจ้าหน้าที่รัฐติดตามและคุกคามอย่างใกล้ชิด ทำให้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2508 เขาตัดสินใจเดินทางเข้าสู่ชนบทภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเข้าร่วมการต่อสู้กับการปกครองโดยระบอบเผด็จการทหารภายใต้รัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร ในนาม “สหายปรีชา” จนกระทั่งวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 จิตรเสียชีวิตจากการถูกล้อมยิงโดยกลุ่มอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่รัฐ บริเวณทุ่งนากลางป่าละเมาะ บ้านหนองกุง ตำบลคำบ่อ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ด้วยบทบาททางความคิดและการต่อสู้ จิตรได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักคิดนักปฏิวัติสำคัญของไทย บางครั้งถูกขนานนามว่าเป็น “เช เกบารา เมืองไทย” ที่ตั้งของอนุสรณ์สถานจิตร ภูมิศักดิ์ คือ บ้านหนองกุง ต.คำบ่อ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร จะเป็นที่การจัดงานรำลึกจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นประจำทุกปี ชายป่าบ้านหนองกุงเป็นสถานที่เสียชีวิตของจิตร ภูมิศักดิ์
ศพของจิตรได้ถูกชาวบ้านเผาอย่างเรียบง่าย กระดูกถูกฝังไว้ที่ใต้ต้นไม้แดง เมื่อพ.ศ.2531 ญาติของจิตรและอดีตสหายได้ขุดนำเอากระดูกไปบรรจุอัฐิไว้ที่วัดประสิทธิ์สังวร อนุสรณ์สถานจิตร ภูมิศักดิ์ มีรูปปั้นขนาดเท่าคนจริง เป็นรูปจิตรในชุดเสื้อม่อฮ่อม กางเกงขาก๊วย ในท่ายืนกอดอกตามลักษณะท่าทางในบทกวี ‘แสงดาวแห่งศรัทธา’ ที่จิตรเป็นผู้แต่ง มีท่อนฮุกว่า “คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย” (ภายหลัง ‘หงา คาราวาน’ ได้นำไปใส่ทำนองขับร้องเป็นบทเพลงโด่งดัง) และบริเวณดังกล่าวยังมีป้ายใหญ่เบอเร่อระบุว่า “สถานที่เสียชีวิต จิตร ภูมิศักดิ์”
อนุสรณ์สถานจิตร ภูมิศักดิ์ ที่บ้านหนองกุง จ.สกลนคร กลายเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ไม่เพียงแต่เฉพาะสำหรับท้องถิ่นอำเภอวาริชภูมิ หากแต่เป็นสถานที่สำคัญระดับประเทศ เพราะนอกจากเป็นที่สิ้นลมหายใจของปัญญาชนคนสำคัญระดับประเทศอย่างจิตร ภูมิศักดิ์ แล้วการตายของจิตรยังเป็นเรื่องหนึ่งที่สัมพันธ์กับประวัติศาสตร์โลกยุคสงครามเย็น
สถานที่ตายของจิตร กลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนรู้จักและมีความทรงจำรำลึก ต่างกันลิบกับสถานที่เกิดอย่างตลาดอ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ไม่มีอนุสรณ์ความทรงจำใด ๆ ที่ระบุว่าเป็นสถานที่สำคัญเกี่ยวข้องกับปัญญาชนนักปราชญ์อย่างจิตร ภูมิศักดิ์ ถามใครก็ไม่รู้จัก จนดูเหมือนคนจะลืมไปแล้วว่า จิตรเป็น “คนประจันตคาม” ที่มีเกียรติประวัติท่านหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ประจันตคามเป็นย่านที่ประชาชนให้ความสำคัญแก่ประวัติศาสตร์ ดังจะเห็นได้จากการมีตำนานเรื่องเล่าในท้องถิ่นที่เชื่อมโยงไปถึงสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เจ้าพระยาบดินทรเดชา ผู้นำท้องถิ่นก่อร่างตั้งเมืองในสมัยรัชกาลที่ 3 ต่างก็มีวัด มีศาล มีอนุสรณ์เล่าเรื่องราวหมด แต่จิตรกลายเป็นบุคคลสาบสูญไปจากย่านประจันตคาม ต่างจากที่บ้านหนองกุง ซึ่งเป็นที่ตายของจิตร มีอนุสาวรีย์จิตรยืนเด่นโดยท้าทายอยู่อย่างสง่างาม
หนังสือชีวประวัติของจิตร ภูมิศักดิ์ ที่ขายดีตีพิมพ์ต่อเนื่องหลายปี ก็เป็นเรื่อง “วาระสุดท้ายแห่งชีวิต จิตร ภูมิศักดิ์” เรียบเรียงโดย ‘แคน สาริกา’ บทเพลงจิตร ภูมิศักดิ์ แต่งและร้องโดย “หงา คาราวาน” ก็มีเนื้อหาบอกเล่าถึงความตายของจิตรเช่นกัน เช่นว่า “เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินเข็ญ” “เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินอีสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน” “พฤษภา ห้าร้อยเก้า แดดลบเงาจางหาย เขาตายอยู่ข้างทางเกวียน” “ศพคนนี้ นี่หรือ คือจิตร ภูมิศักดิ์ ตายคาหลักเขตป่ากับนาคร”
ผลงานของจิตร ภูมิศักดิ์นั้นมีความหลากหลาย เพราะเขามีความสามารถในด้านภาษาศาสตร์และนิรุกติศาสตร์อย่างมาก และยังมีความสามารถระดับสูงในด้านอื่น ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ ถือว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลของไทยคนหนึ่ง ในด้านภาษาศาสตร์นั้น จิตรมีความเชี่ยวชาญในภาษาฝรั่งเศส ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาเขมร โดยเฉพาะภาษาเขมรนั้น จิตรมีความเชี่ยวชาญทั้งภาษาเขมรปัจจุบันและภาษาเขมรโบราณด้วย นอกจากนี้ จิตรได้เขียนพจนานุกรม”ภาษาละหุ” (มูเซอ) โดยเรียนรู้กับชาวมูเซอขณะอยู่ในคุกลาดยาว
ผลงาน 3 รายการของเขาได้รับยกย่องเป็น หนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควร อ่าน ประกอบด้วย โฉมหน้าของศักดินาไทยในปัจจุบัน (2500), ความเป็นมาของคำสยาม ไทย, ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ และ บทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์ รายการบทความและงานเขียนเท่าที่ปรากฏเช่น
จากพญาฝันถึงทยอยใน (2496) , นวนิยายเรื่องขวัญเมือง, การปฏิวัติในฝรั่งเศส, ตำนานนครวัด (2498-2499), ศิลปะเพื่อชีวิต ศิลปะเพื่อประชาชน (2500), บทบาททางวรรณคดีของพระมหามนตรี (2500), ชีวิตและศิลปะ (2500-2501) , โฉมหน้าของศักดินาไทยในปัจจุบัน (2500), เพลงยาวบัตรสนเท่ห์ (2500), คนขี่เสือ งานแปล (2501) , โองการแช่งน้ำ และ ข้อคิดใหม่ในประวัติศาสตร์ไทยลุ่มน้ำเจ้าพระยา (2505), ความเป็นมาของคำสยาม ไทย, ลาว และ ขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ ฉบับสมบูรณ์ เป็นผลงานรวมเล่มระหว่าง ข้อเท็จจริงว่าด้วยชนชาติขอม กับ ความเป็นมาของคำสยาม ไทย, ลาว และ ขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ , ศัพท์สันนิษฐานและอักษรวินิจฉัย , ภาษาและนิรุกติศาสตร์ , บทวิเคราะห์วรรณกรรมยุคศักดินา , ความเรียงว่าด้วยศาสนา งานแปล, ว่าด้วยงานศิลปะวรรณคดี งานแปล, เสียงเพลงแห่งการต่อต้าน, บทวิเคราะห์มรดกวรรณคดีไทย, โคทาน งานแปล, นิราศหนองคายวรรณคดีที่ถูกสั่งเผา, บทวิพากษ์ว่าด้วยศิลปวัฒนธรรม, ความอบอุ่นอันอ่อนหวาน, คาร์ลมาซ์ก งานแปล, แม่ งานแปล ,กรณี “โยนบก” ๒๓ ตุลาคม , พระเจ้ากำเนิดข้ามาเสรี , ความใฝ่ฝันแสนงาม, หลุมฝังศพของดนตรีไทย, บทเพลงและบทกวีเท่าที่ปรากฏ, เพลง ภูพานปฏิวัติ, เพลง มาร์ชเยาวชนไทย, เพลง มาร์ชกรรมกร, เพลง เปิบข้าว, เพลง ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ชิงชัย, เพลง แสงดาวแห่งศรัทธา, เพลง ทะเลชีวิต , บทกวี เธอคือหญิงรับจ้างแท้ใช่แม่คน , บทกวี อะไรแน่ ศาสนา ข้าสงสัย, บทกวี ฉันท์ ๒๙ มีน์ ๙๓ งานถวายพระเพลิง , บทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์
จะเห็นได้ว่าผลงานของจิตร ภูมิศักดิ์มีทั้งศาสตร์ และศิลป์ที่ชวนน่าศึกษา ถึงแม้เขาจะเสียชีวิตมาแล้ว 59 ปี แต่ผลงานของเขาไม่เคยตาย ยังคงเป็นอมตะ เเละมีการใช้ผลงานของจิตร ภูมิศักดิ์ในการอ้างอิงทั้งในวิชาการ เเละการมองปรากฏการณ์ต่างๆอย่างกว้างขวาง
**************
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
เหนือความเชื่อ! "ซูเปอร์ฟูลมูน" เรื่องที่เราอาจไม่เคยรู้...
"ตระกูลฮุน" ถึงคราวอวสาน! คนในชิ่งหนีปิดฮุยวัน-ปชช.หมดตัวเงินในบัญชีถอนไม่ได้
เหนือความเชื่อ! "ซูเปอร์ฟูลมูน" เรื่องที่เราอาจไม่เคยรู้...
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
น้องแร็คคูนบุกร้านค้า ดื่มจัดหนัก จนเมาค้าง เห็นแล้วนึกถึงคนเหมือนกันนะเนี่ย (ฮา)
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
สรรพนามเรียกคนรักสไตล์ "ชิก ชิก & คลู คูล": คำเรียกที่ไม่ซ้ำใคร สะท้อนความผูกพัน
💰 5 ปีแห่งความหวัง: เทียบชัด! ซื้อหวย vs ลงทุนหุ้นปันผล ผลลัพธ์แบบไหนสร้างความมั่งคั่งที่แท้จริง
ไขความลับของ "วิบริสซา" ทำไม "หนวดแมว" ถึงห้ามตัดเด็ดขาด!


