ย้อนรอย 35 ปีโศกนาฎกรรม “รถแก๊สระเบิด” ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
วันที่ 24 กันยายน 2568 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินทรุดตัวหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล หากย้อนกลับไปในวันที่ 24 กันยายน 2533 เมื่อ 35 ปีทีแล้วเคยเกิด “โศกนาฏกรรมรถบรรทุกเเก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่” ที่เป็นฝันร้ายติดตรึงอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะพรึงและความเสียหาย กลายเป็นข่าวครึกโครมแห่งปี วันนี้จะพาทุกท่านมาย้อนรอยโศกนาฏกรรมนี้
ในคืนวันที่ 24 กันยายน 2533 ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. โดยในขณะที่รถคันอื่นๆ กำลังจอดติดไฟแดงบริเวณใต้ทางด่วนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานครฯ พบว่า มีรถบรรทุกแก๊ส 2 ถังคู่ ขับขี่โดย นายสุทัน ฝักแคเล็ก ขับพุ่งลงมาจากทางด่วนด้วยความเร็วหวังให้พ้นไฟแดงตรงทางเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่
ด้วยความเร็วที่วิ่งมาทำให้นายสุทัน ฝักแคเล็ก และเป็นทางลงทางด่วนส่งผลให้ไม่สามารควบคุมรถได้ และรถเกิดเสียหลัก พลิกคว่ำ ตัวรถตะแคงครูดไถลไปกับพื้นถนนและพุ่งเข้าชนหอพักสตรีช่วงเยื้องทางด่วน แรงในการพุ่งชนส่งผลให้ถังก๊าซหลุด ทำให้ถังบรรจุแก๊สรูปแคปซูล 2 ถัง ถังละ 20,000 ลิตร หลุดออกจากตัวรถ และเกิดเป็นความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการเพิ่มแรงอัดให้กับแก๊สที่บรรจุอยู่ภายในถังเหล็กไม่อาจทนแรงเสียดสีได้ปริแตก แก๊สที่บรรจุอยู่ภายในได้พวยพุ่งออกมาและเกิดเป็นประกายไฟและระเบิดเสียงดังหลายครั้ง ทำให้บริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่และละแวกใกล้เคียงกลายเป็นทะเลเพลิงในไม่กี่วินาที กองเพลิงขนาดใหญ่ลุกลามไปทั่วท้องถนนและอาคารบ้านเรือนบริเวณดังกล่าว กองไฟโหมทำลายท่วมสูงเท่าตึก 3 ชั้น
ผู้คนในเหตุการณ์ที่กำลังขับรถได้พยายามสตาร์ทรถเพื่อขับหนีกองไฟ แต่กลับทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเพราะก๊าซได้ระเหยเข้าไปในช่องแอร์ การสตาร์ทรถจึงกลายเป็นการจุดไฟเผาตัวเอง ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็วและคลอกผู้คนที่ติดอยู่ในรถยนต์ซึ่งกำลังติดไฟแดงอยู่ ณ บริเวณนั้น หลายรายเสียชีวิตทันที บางรายก็เสียชีวิตในรถเนื่องจากสำลักควัน บางคนที่สามารถหนีออกมาได้ ก็อยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส เนื้อตัวเป็นแผลพุผองจากเปลวไฟ
ขณะเดียวกันถังแก๊สอีกถังที่ยังติดอยู่กับตัวรถไม่อาจทนทานความร้อนได้ ก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง ตึกแถวสองฟากถนนเกิดไฟลุกท่วม และลามไปติดแผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่เกิดเป็นลูกไฟสูงท่วมตึกสามชั้น หม้อแปลงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ข้างถนนเกิดช็อตกระแสไฟถูกตัดขาด ทำให้เกิดไฟดับ และเกิดเป็นลูกไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีแดงฉาน ผู้คนที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนบริเวณนั้นและละแวกใกล้เคียงรวมทั้งชุมนุมแออัดนับ 100 หลังคาเรือน ต่างพากันพยายามหลบหนีเอาชีวิตรอด โดยไฟยังคงไหม้ต่อเนื่องนานนับชั่วโมงเจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ชีพ และตำรวจดับเพลิงพยายามฉีดน้ำสกัดกั้น แต่เป็นเรื่องยากที่จะทำได้ เพราะแก๊สได้ฟุ้งกระจายไปในอากาศ เพลิงมาสงบเอาในเวลา 22.00 น. ของคืนต่อมาหรือคืนวันที่ 25 กันยายน 2533
ในเวลาต่อมาศาลฎีกาบรรยายเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ในคำพิพากษาว่า ...เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2533 เวลาประมาณ 22 .00 น. นายสุทัน ฝักแคเล็ก ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุลงจากทางด่วนมาที่ถนนเพชรบุรีด้วยความเร็วเพื่อเร่งให้พ้นสัญญาไฟจราจรที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสัญญาไฟแดง นายสุทันเลี้ยวรถไปทางด้านขวามุ่งหน้าจะไปสี่แยกมักกะสัน แต่รถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุพลิกตะแคงครูดไปกับพื้นถนนจนถึงหน้าอาคารหอพักริมถนนเพชรบุรี ถังบรรจุก๊าซสองถังหลุดออกจากตัวรถ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอล.พี.จี.) ที่บรรทุกมารั่วแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้าง แล้วระเบิดเกิดเพลิงลุกไหม้
นายสุทันถึงแก่ความตายในรถ เพลิงลุกลามไหม้บ้านเรือนในชุมชนแออัดซึ่งอยู่ด้านซ้ายของถนนเพชรบุรีเสียหาย ไหม้ตึกแถวด้านซ้ายและขวาของถนนเพชรบุรีจำนวน 51 ห้อง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ซึ่งจอดอยู่ในถนนเพชรบุรีตั้งแต่แยกทางด่วนถึงแยกถนนวิทยุเสียหายประมาณ 67 คัน และจากเพลิงไหม้ดังกล่าวเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตายกว่า 88 คน ได้รับอันตรายสาหัสร้อยกว่าคน ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 214,926,282 บาท รถบรรทุกแก๊สคันนี้ ไม่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ ไม่มีข้อต่อระหว่างถังแก๊สกับตัวรถ ซึ่งข้อต่อดังกล่าวมีประโยชน์ในการยึดติดกับตัวรถ ไม่ให้เคลื่อนตัวหรือหล่นลงมาจนเกิดอันตราย
นอกจากนี้ยังไม่มีสายรัดถังแก๊สเหมือนกับที่รถบรรทุกแก๊สทั่ว ๆ ไปใช้กัน เหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งนี้ นพ.ประจักษวิช เล็บนาค ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เหยื่อแก๊สระเบิด สัมภาษณ์ในรายการ ละครแห่งชีวิต (รายการโทรทัศน์) ออกอากาศปี 2537 ภายหลังได้ถูกหยิบยกมาเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง “คนเห็นผี” ในปี พ.ศ. 2545
อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น หากทุกคนใช้ชีวิตในความไม่ประมาท เหตุโศกนาฎกรรมรถแก๊สระเบิดในปี 2533 นี่อาจกล่าวได้ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เปรียบเสมือนไฟนรกกลางกรุงที่ทุกคนจดจำเหตุการณ์นี้ได้เสมอ
************
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำ
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย
ใครที่ยังตั้งรหัสผ่านง่ายๆ รีบเปลี่ยนด่วน! เพราะไม่ปลอดภัยอาจโดนเจาะได้
เปิดตำนานอาถรรพ์ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" แห่งวัดกุฎีดาว: ความลี้ลับที่อยู่คู่แผ่นดินอยุธยา
เจาะเทรนด์ปี 2026! นิสัยและไลฟ์สไตล์ผู้ชายแบบไหนที่ "ดึงดูดใจ" สาวๆ ยุคใหม่มากที่สุด
ไขข้อสงสัย! ลืมอุ่นอาหารจาก 7-11 เอากลับไปขอเวฟที่ร้านทีหลังได้หรือไม่? เปิดคำตอบจาก "น้องเปาเซเว่น"
บุรีรัมย์เดือด! ศึกชิงเก้าอี้ สส. วันแรกคึกคัก 'ไหม ศิริกัญญา' บุกถิ่นพรรคสีน้ำเงิน ท้าชนกลุ่มอำนาจเดิม
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
พระสงษ์ชาวเวียดนาม ผู้เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องศาสนา
5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำ
เปิดตำนานอาถรรพ์ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" แห่งวัดกุฎีดาว: ความลี้ลับที่อยู่คู่แผ่นดินอยุธยา
โศกนาฏกรรมแม่ทัพ"หยวนฉงฮ่วน"ผู้ถูกกิน: เมื่อวีรบุรุษผู้ปกป้องแผ่นดิน ถูกชาวบ้าน "แล่เนื้อ" แกล้มเหล้าเพราะคำลวง
ย้อนรอยประวัติศาสตร์: เส้นทางปฏิทินไทยจาก "1 เมษา" สู่ "เคาท์ดาวน์ 1 มกรา"




