หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

วัฒนธรรมการอาบน้ำทั่วทุกมุมโลก...มีความหมายมากกว่าการอาบน้ำ

เนื้อหาโดย ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์

       

        “อาบน้ำ” เป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งของมนุษย์ เพื่อจะชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย โดยใช้น้ำเป็นตัวช่วย ผลอีกอย่างคือร่างกายได้รับความชุ่มชื่น และรู้สึกสดชื่น ซึ่งในหลายๆประเทศมีรูปแบบการอาบน้ำที่แตกต่างกันตามบริบทวัฒนธรรม และการให้ความหมายของอาบน้ำทางวัฒนธรรมเป็นอย่างไร วันนี้เรามาดูกัน

            วัฒนธรรมการอาบน้ำเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การปฏิบัติและความเชื่อ ในการชำระล้างร่างกาย ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบในแต่ละวัฒนธรรม เช่น การอาบน้ำเพื่อสุขอนามัย อย่างชาวไทยแต่เดิมที่ใช้อุปกรณ์จากธรรมชาติ หรือ การอาบน้ำเพื่อสุขภาพและสังคม อย่างในอารยธรรมกรีกและโรมันที่โรงอาบน้ำเป็นศูนย์กลางชุมชน หรือวัฒนธรรมการอาบน้ำในญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับการผ่อนคลายและฟื้นฟูจิตใจ รวมถึงการมี วัฒนธรรมการอาบน้ำเชิงพิธีกรรม ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา เช่น การอาบน้ำว่านของไทย 

วัฒนธรรมการอาบน้ำแต่ละบริบทวัฒนธรรมเป็นอย่างไร

        ไทย: เดิมมีจุดประสงค์เพื่อชำระล้างร่างกายด้วยสมุนไพร และต่อมานิยมใช้น้ำอบฝรั่งเป็นส่วนประกอบในการชำระล้างร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีพิธีกรรมอาบน้ำที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ เช่น “การอาบน้ำว่าน” หรือ “การอาบน้ำเพ็ญ” (การอาบน้ำเพ็ญ หรือการอาบน้ำแสงจันทร์ผู้เขียนเคยเขียนบทความลงไว้ในโพสจังหาอ่านได้ตามลิ๊งค์นะคะ http://shurl.one/z1mgmizwbz13a3a )

        ญี่ปุ่น: การอาบน้ำเป็นมากกว่าการชำระล้าง แต่เป็นการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ รวมถึงการเชื่อมโยงทางสังคม วัฒนธรรมการอาบน้ำนี้มีต้นกำเนิดจากศาสนาและการบำบัดด้วยน้ำพุร้อน หรือเป็นที่รู้จักว่า “ออนเซ็น”

        กรีกและโรมันโบราณ: โรงอาบน้ำเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นสถานที่พบปะพูดคุย สังสรรค์ ออกกำลังกาย และเล่นกีฬา มีทั้งอ่างขนาดเล็ก อ่างล้างหน้า และโรงอาบน้ำสาธารณะ

        อินเดียโบราณ: มีการปฏิบัติเพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างซับซ้อน รวมถึงการอาบน้ำวันละสามครั้ง โดยเฉพาะการอาบน้ำในพิธีกรรมทางศาสนาฮินดูที่เรียกว่า “สนานัม”

 

ประเด็นสำคัญของวัฒนธรรมการอาบน้ำ

        การชำระล้างร่างกาย : เป็นจุดประสงค์พื้นฐานของการอาบน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อุปกรณ์ธรรมชาติหรือสบู่. 

        การฟื้นฟูและผ่อนคลาย : การอาบน้ำเป็นช่วงเวลาของการบำบัดจิตใจ และผ่อนคลายความเครียด. 

        การรวมตัวทางสังคม : ในหลายวัฒนธรรม โรงอาบน้ำเป็นพื้นที่ที่ผู้คนมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยน. 

        ความเชื่อและพิธีกรรม : การอาบน้ำบางประเภทมีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อความเป็นสิริมงคล

 

ประเด็นการอาบน้ำที่พบร่องรอยผ่านวรรณกรรม

        วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอาบน้ำมีทั้งวรรณกรรมไทย เช่น บทพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาที่กล่าวถึงการอาบน้ำของเจ้านาย, การอาบน้ำว่าน, และการอาบน้ำเพ็ญ, รวมถึงวรรณกรรมเด็กที่ส่งเสริมให้เด็กอาบน้ำ เช่น นิโกะจังไม่เอา ไม่อาบน้ำ หรือ พิกพู ลูกหมูไม่ยอมอาบน้ำ. นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรมจากต่างประเทศ เช่น พระคัมภีร์ที่กล่าวถึงการอาบน้ำตามพิธีกรรม, บทกวีภาษาละติน "De Balneis Puteolanis" ที่บรรยายถึงการอาบน้ำในยุโรป, บันทึกประวัติศาสตร์ของเมโสอเมริกาที่กล่าวถึงการอาบน้ำประจำวันของชาวแอซเท็ก และวรรณกรรมสามก๊กก็ได้พูดถึงการอาบน้ำด้วยเช่นกัน

วรรณกรรมไทย อาทิเช่น

        อิเหนา: ในบทพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 บรรยายถึงธรรมเนียมการอาบน้ำของเจ้านาย ซึ่งต้องใช้เวลาสรงน้ำนาน และมีการใช้เครื่องสำอางหรือเครื่องหอมนำเข้าจากต่างประเทศ 

พิธีกรรม:

        การอาบน้ำว่าน: เป็นการอาบน้ำพระพุทธมนต์ที่ผสมว่านมงคลเพื่อสะเดาะเคราะห์หรือเสริมสิริมงคล โดยต้องทำพิธีในวัด

        การอาบน้ำเพ็ญ: เป็นการอาบน้ำช่วงกลางคืนวันเพ็ญเดือน 12 โดยนำน้ำพระพุทธมนต์มาผสมกับน้ำธรรมดาเพื่อรับแสงจันทร์ เพิ่มสิริมงคล

วรรณกรรมเด็ก:

        นิโกะจังไม่เอา ไม่อาบน้ำ: นิทานที่เล่าถึงความพยายามชวนเจ้าตัวเล็กให้ไปอาบน้ำ โดยสอดแทรกการส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว

        อาบน้ำสนุกจัง: นิทานที่ชวนเด็กๆ จินตนาการถึงการอาบน้ำที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และฝึกการทำกิจวัตรประจำวัน

        เจ้าสิงโต...ไปอาบน้ำได้แล้ว!: นิทานอีกเรื่องที่กระตุ้นให้เด็กอยากอาบน้ำ

 

วรรณกรรมโบราณและวรรณกรรมในประเทศต่างๆ

        พระคัมภีร์ฮีบรู: การอาบน้ำมักเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมชำระล้างจากสิ่งปนเปื้อนต่างๆ เช่น โรคผิวหนัง หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

        วรรณกรรมละติน (De Balneis Puteolanis): เป็นบทกวีที่บรรยายถึงการอาบน้ำโบราณที่บ่อน้ำร้อนและน้ำแร่รอบอ่าวเนเปิลส์ในยุคกลาง

        บันทึกพงศาวดารเมโสอเมริกา: บันทึกโดยนักพงศาวดาร เช่น เบอร์นัล ดิอาซ เดล กัสติโย (Bernal Díaz del Castillo) ได้บรรยายถึงกษัตริย์ม็อกเตซูมาและชาวแอซเท็กที่อาบน้ำทุกวัน

        วรรณกรรมจีน: กวี ซูตงโพ (Su Shi) ได้เขียนถึงความสุขในการอาบน้ำในโรงอาบน้ำสาธารณะสมัยราชวงศ์ซ่ง และที่ขาดไปไม่ได้คือ สามก๊ก ได้มีการพูดถึงการอาบน้ำด้วยเช่นกัน

        สามก๊กการอาบน้ำขึ้นอยู่กับฐานะและสถานที่ คนทั่วไปใช้น้ำธรรมชาติและสมุนไพร ขุนนางอาบในบ่อน้ำร้อนหรือห้องอาบน้ำรวม ส่วนทหารก็อาบตามแม่น้ำหรือต้มน้ำร้อนในค่าย ดังนี้

  1. การใช้น้ำธรรมชาติ :ผู้คนทั่วไปมักอาบน้ำในแม่น้ำ ลำธาร บ่อน้ำ หรือสระที่สร้างไว้ใกล้ชุมชน การลงน้ำมักใช้วิธีชำระล้างร่างกายด้วยน้ำเปล่า ไม่ค่อยมีสบู่แบบสมัยใหม่ แต่จะใช้สมุนไพร กลีบดอกไม้ หรือผงจากพืชบางชนิดแทน
  2. การใช้สมุนไพรและธัญพืช ซ มีการใช้สมุนไพร เช่น ใบหอม ใบไผ่ หรือดอกไม้แห้ง ต้มในน้ำแล้วใช้อาบ เพื่อดับกลิ่นตัวและบำรุงผิว ขุนนางหรือคนมีฐานะอาจใช้น้ำมันหอม หรือผงแป้งจากข้าวฟ่าง/ถั่ว เพื่อทำความสะอาดร่างกาย
  3. อาบน้ำร้อน (บ่อน้ำพุร้อน) : ในยุคฮั่นและต่อเนื่องถึงสามก๊ก มีการนิยมอาบน้ำแร่ร้อน โดยเฉพาะชนชั้นสูง เช่น จักรพรรดิหรือขุนนาง มีการสร้างโรงอาบน้ำรวม (คล้ายห้องอาบน้ำสาธารณะ) โดยใช้หม้อน้ำเหล็กต้มน้ำแล้วเทลงอ่างไม้
  4. ความถี่ในการอาบน้ำ : คนทั่วไปไม่ได้อาบน้ำทุกวันเหมือนสมัยนี้ บางครั้งอาจอาบแค่สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง โดยเฉพาะฤดูหนาว ชนชั้นสูงหรือทหารในค่ายใหญ่ หากมีโอกาสก็จะอาบน้ำบ่อยกว่า เพื่อความสดชื่นและป้องกันโรค
  5. การอาบน้ำในบริบทการทหาร : ทหารในกองทัพมักอาบน้ำรวมตามแม่น้ำหรือบ่อน้ำใกล้ค่าย ในบางค่ายมีการต้มน้ำร้อนแจกเพื่อให้ทหารได้อาบบรรเทาความเหนื่อยล้า

 

        ดังนั้นการอาบน้ำในบริบททางวัฒนธรรมไม่ได้แค่การให้ความหมายเพียงแค่การชำระร่างกาย ชำระสิ่งสกปรกเท่านั้น แต่ยังคงแฝงไปด้วยบริบทการเมือง ความเชื่อทางพิธีกรรม ศาสนาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิเช่น การอาบน้ำแสงเพ็ญ การอาบน้ำว่าน การอาบน้ำร้อน เป็นต้น รวมถึงสถานที่ในการอาบน้ำยังเป็นการสื่อสารให้เห็นถึงบริบททางวัฒนธรรมได้ด้วยเช่นกัน อาทิโรงอาบน้ำในญี่ปุ่น เป็นสถานที่เพื่อฟื้นฟูจิตใจ แต่หากเป็นโรงอาบน้ำของชาวกรีกโรมัน กลับเป็นสถานที่เพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุย สังสรรค์ คุณคิดเห็นว่าอย่างไรกับการอาบน้ำในบริบทวัฒนธรรมต่างๆ

*****************

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
45 VOTES (5/5 จาก 9 คน)
VOTED: แสร์, rage555, projor007, แด๊ดดี้จอเเดน, mommyg13, famai, goldfish13, kyogisa, ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีนชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินเปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหมชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปีนี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoiaสภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”ทัพฟ้าไทย พร้อมรบ 24 ชั่วโมง โชว์ยุทโธปกรณ์สุดล้ำ โจมตีแม่นยำ "ไม่ให้ใครย่ำยี" น่านฟ้าไทยทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิดน้องแร็คคูนบุกร้านค้า ดื่มจัดหนัก จนเมาค้าง เห็นแล้วนึกถึงคนเหมือนกันนะเนี่ย (ฮา)นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoiaเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
อัลปากา VS อัลปากา: พลังศักดิ์สิทธิ์จากสัตว์แห่งอินคา สู่โลหะมงคลในวงการพระเครื่องไทยถอดรหัสเสน่ห์ร้ายของยอดนักรัก! ทายนิสัยความเป็น "คาสโนว่าและคลาสโนวี่" ตามเดือนเกิด พร้อมส่องพฤติกรรมการแสดงออกเปิดตำนาน "ฮัตเชปซุต" ฟาโรห์หญิงผู้ต้อง "สวมเครา" ท้าทายกฎบุรุษ จนถูกลบชื่อนาน 3,500 ปี!บัวน่าปลูก...สายมูต้องห้ามพลาด! เสริมมงคลให้ชีวิตรุ่งเรือง
ตั้งกระทู้ใหม่