วัฒนธรรมการอาบน้ำทั่วทุกมุมโลก...มีความหมายมากกว่าการอาบน้ำ
“อาบน้ำ” เป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งของมนุษย์ เพื่อจะชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย โดยใช้น้ำเป็นตัวช่วย ผลอีกอย่างคือร่างกายได้รับความชุ่มชื่น และรู้สึกสดชื่น ซึ่งในหลายๆประเทศมีรูปแบบการอาบน้ำที่แตกต่างกันตามบริบทวัฒนธรรม และการให้ความหมายของอาบน้ำทางวัฒนธรรมเป็นอย่างไร วันนี้เรามาดูกัน
วัฒนธรรมการอาบน้ำเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การปฏิบัติและความเชื่อ ในการชำระล้างร่างกาย ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบในแต่ละวัฒนธรรม เช่น การอาบน้ำเพื่อสุขอนามัย อย่างชาวไทยแต่เดิมที่ใช้อุปกรณ์จากธรรมชาติ หรือ การอาบน้ำเพื่อสุขภาพและสังคม อย่างในอารยธรรมกรีกและโรมันที่โรงอาบน้ำเป็นศูนย์กลางชุมชน หรือวัฒนธรรมการอาบน้ำในญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับการผ่อนคลายและฟื้นฟูจิตใจ รวมถึงการมี วัฒนธรรมการอาบน้ำเชิงพิธีกรรม ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา เช่น การอาบน้ำว่านของไทย
วัฒนธรรมการอาบน้ำแต่ละบริบทวัฒนธรรมเป็นอย่างไร
ไทย: เดิมมีจุดประสงค์เพื่อชำระล้างร่างกายด้วยสมุนไพร และต่อมานิยมใช้น้ำอบฝรั่งเป็นส่วนประกอบในการชำระล้างร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีพิธีกรรมอาบน้ำที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ เช่น “การอาบน้ำว่าน” หรือ “การอาบน้ำเพ็ญ” (การอาบน้ำเพ็ญ หรือการอาบน้ำแสงจันทร์ผู้เขียนเคยเขียนบทความลงไว้ในโพสจังหาอ่านได้ตามลิ๊งค์นะคะ http://shurl.one/z1mgmizwbz13a3a )
ญี่ปุ่น: การอาบน้ำเป็นมากกว่าการชำระล้าง แต่เป็นการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ รวมถึงการเชื่อมโยงทางสังคม วัฒนธรรมการอาบน้ำนี้มีต้นกำเนิดจากศาสนาและการบำบัดด้วยน้ำพุร้อน หรือเป็นที่รู้จักว่า “ออนเซ็น”
กรีกและโรมันโบราณ: โรงอาบน้ำเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นสถานที่พบปะพูดคุย สังสรรค์ ออกกำลังกาย และเล่นกีฬา มีทั้งอ่างขนาดเล็ก อ่างล้างหน้า และโรงอาบน้ำสาธารณะ
อินเดียโบราณ: มีการปฏิบัติเพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างซับซ้อน รวมถึงการอาบน้ำวันละสามครั้ง โดยเฉพาะการอาบน้ำในพิธีกรรมทางศาสนาฮินดูที่เรียกว่า “สนานัม”
ประเด็นสำคัญของวัฒนธรรมการอาบน้ำ
การชำระล้างร่างกาย : เป็นจุดประสงค์พื้นฐานของการอาบน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อุปกรณ์ธรรมชาติหรือสบู่.
การฟื้นฟูและผ่อนคลาย : การอาบน้ำเป็นช่วงเวลาของการบำบัดจิตใจ และผ่อนคลายความเครียด.
การรวมตัวทางสังคม : ในหลายวัฒนธรรม โรงอาบน้ำเป็นพื้นที่ที่ผู้คนมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยน.
ความเชื่อและพิธีกรรม : การอาบน้ำบางประเภทมีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อความเป็นสิริมงคล
ประเด็นการอาบน้ำที่พบร่องรอยผ่านวรรณกรรม
วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอาบน้ำมีทั้งวรรณกรรมไทย เช่น บทพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาที่กล่าวถึงการอาบน้ำของเจ้านาย, การอาบน้ำว่าน, และการอาบน้ำเพ็ญ, รวมถึงวรรณกรรมเด็กที่ส่งเสริมให้เด็กอาบน้ำ เช่น นิโกะจังไม่เอา ไม่อาบน้ำ หรือ พิกพู ลูกหมูไม่ยอมอาบน้ำ. นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรมจากต่างประเทศ เช่น พระคัมภีร์ที่กล่าวถึงการอาบน้ำตามพิธีกรรม, บทกวีภาษาละติน "De Balneis Puteolanis" ที่บรรยายถึงการอาบน้ำในยุโรป, บันทึกประวัติศาสตร์ของเมโสอเมริกาที่กล่าวถึงการอาบน้ำประจำวันของชาวแอซเท็ก และวรรณกรรมสามก๊กก็ได้พูดถึงการอาบน้ำด้วยเช่นกัน
วรรณกรรมไทย อาทิเช่น
อิเหนา: ในบทพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 บรรยายถึงธรรมเนียมการอาบน้ำของเจ้านาย ซึ่งต้องใช้เวลาสรงน้ำนาน และมีการใช้เครื่องสำอางหรือเครื่องหอมนำเข้าจากต่างประเทศ
พิธีกรรม:
การอาบน้ำว่าน: เป็นการอาบน้ำพระพุทธมนต์ที่ผสมว่านมงคลเพื่อสะเดาะเคราะห์หรือเสริมสิริมงคล โดยต้องทำพิธีในวัด
การอาบน้ำเพ็ญ: เป็นการอาบน้ำช่วงกลางคืนวันเพ็ญเดือน 12 โดยนำน้ำพระพุทธมนต์มาผสมกับน้ำธรรมดาเพื่อรับแสงจันทร์ เพิ่มสิริมงคล
วรรณกรรมเด็ก:
นิโกะจังไม่เอา ไม่อาบน้ำ: นิทานที่เล่าถึงความพยายามชวนเจ้าตัวเล็กให้ไปอาบน้ำ โดยสอดแทรกการส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว
อาบน้ำสนุกจัง: นิทานที่ชวนเด็กๆ จินตนาการถึงการอาบน้ำที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และฝึกการทำกิจวัตรประจำวัน
เจ้าสิงโต...ไปอาบน้ำได้แล้ว!: นิทานอีกเรื่องที่กระตุ้นให้เด็กอยากอาบน้ำ
วรรณกรรมโบราณและวรรณกรรมในประเทศต่างๆ
พระคัมภีร์ฮีบรู: การอาบน้ำมักเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมชำระล้างจากสิ่งปนเปื้อนต่างๆ เช่น โรคผิวหนัง หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
วรรณกรรมละติน (De Balneis Puteolanis): เป็นบทกวีที่บรรยายถึงการอาบน้ำโบราณที่บ่อน้ำร้อนและน้ำแร่รอบอ่าวเนเปิลส์ในยุคกลาง
บันทึกพงศาวดารเมโสอเมริกา: บันทึกโดยนักพงศาวดาร เช่น เบอร์นัล ดิอาซ เดล กัสติโย (Bernal Díaz del Castillo) ได้บรรยายถึงกษัตริย์ม็อกเตซูมาและชาวแอซเท็กที่อาบน้ำทุกวัน
วรรณกรรมจีน: กวี ซูตงโพ (Su Shi) ได้เขียนถึงความสุขในการอาบน้ำในโรงอาบน้ำสาธารณะสมัยราชวงศ์ซ่ง และที่ขาดไปไม่ได้คือ สามก๊ก ได้มีการพูดถึงการอาบน้ำด้วยเช่นกัน
สามก๊กการอาบน้ำขึ้นอยู่กับฐานะและสถานที่ คนทั่วไปใช้น้ำธรรมชาติและสมุนไพร ขุนนางอาบในบ่อน้ำร้อนหรือห้องอาบน้ำรวม ส่วนทหารก็อาบตามแม่น้ำหรือต้มน้ำร้อนในค่าย ดังนี้
- การใช้น้ำธรรมชาติ :ผู้คนทั่วไปมักอาบน้ำในแม่น้ำ ลำธาร บ่อน้ำ หรือสระที่สร้างไว้ใกล้ชุมชน การลงน้ำมักใช้วิธีชำระล้างร่างกายด้วยน้ำเปล่า ไม่ค่อยมีสบู่แบบสมัยใหม่ แต่จะใช้สมุนไพร กลีบดอกไม้ หรือผงจากพืชบางชนิดแทน
- การใช้สมุนไพรและธัญพืช ซ มีการใช้สมุนไพร เช่น ใบหอม ใบไผ่ หรือดอกไม้แห้ง ต้มในน้ำแล้วใช้อาบ เพื่อดับกลิ่นตัวและบำรุงผิว ขุนนางหรือคนมีฐานะอาจใช้น้ำมันหอม หรือผงแป้งจากข้าวฟ่าง/ถั่ว เพื่อทำความสะอาดร่างกาย
- อาบน้ำร้อน (บ่อน้ำพุร้อน) : ในยุคฮั่นและต่อเนื่องถึงสามก๊ก มีการนิยมอาบน้ำแร่ร้อน โดยเฉพาะชนชั้นสูง เช่น จักรพรรดิหรือขุนนาง มีการสร้างโรงอาบน้ำรวม (คล้ายห้องอาบน้ำสาธารณะ) โดยใช้หม้อน้ำเหล็กต้มน้ำแล้วเทลงอ่างไม้
- ความถี่ในการอาบน้ำ : คนทั่วไปไม่ได้อาบน้ำทุกวันเหมือนสมัยนี้ บางครั้งอาจอาบแค่สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง โดยเฉพาะฤดูหนาว ชนชั้นสูงหรือทหารในค่ายใหญ่ หากมีโอกาสก็จะอาบน้ำบ่อยกว่า เพื่อความสดชื่นและป้องกันโรค
- การอาบน้ำในบริบทการทหาร : ทหารในกองทัพมักอาบน้ำรวมตามแม่น้ำหรือบ่อน้ำใกล้ค่าย ในบางค่ายมีการต้มน้ำร้อนแจกเพื่อให้ทหารได้อาบบรรเทาความเหนื่อยล้า
ดังนั้นการอาบน้ำในบริบททางวัฒนธรรมไม่ได้แค่การให้ความหมายเพียงแค่การชำระร่างกาย ชำระสิ่งสกปรกเท่านั้น แต่ยังคงแฝงไปด้วยบริบทการเมือง ความเชื่อทางพิธีกรรม ศาสนาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิเช่น การอาบน้ำแสงเพ็ญ การอาบน้ำว่าน การอาบน้ำร้อน เป็นต้น รวมถึงสถานที่ในการอาบน้ำยังเป็นการสื่อสารให้เห็นถึงบริบททางวัฒนธรรมได้ด้วยเช่นกัน อาทิโรงอาบน้ำในญี่ปุ่น เป็นสถานที่เพื่อฟื้นฟูจิตใจ แต่หากเป็นโรงอาบน้ำของชาวกรีกโรมัน กลับเป็นสถานที่เพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุย สังสรรค์ คุณคิดเห็นว่าอย่างไรกับการอาบน้ำในบริบทวัฒนธรรมต่างๆ
*****************
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทัพฟ้าไทย พร้อมรบ 24 ชั่วโมง โชว์ยุทโธปกรณ์สุดล้ำ โจมตีแม่นยำ "ไม่ให้ใครย่ำยี" น่านฟ้าไทย
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
น้องแร็คคูนบุกร้านค้า ดื่มจัดหนัก จนเมาค้าง เห็นแล้วนึกถึงคนเหมือนกันนะเนี่ย (ฮา)
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
เฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
อัลปากา VS อัลปากา: พลังศักดิ์สิทธิ์จากสัตว์แห่งอินคา สู่โลหะมงคลในวงการพระเครื่องไทย
ถอดรหัสเสน่ห์ร้ายของยอดนักรัก! ทายนิสัยความเป็น "คาสโนว่าและคลาสโนวี่" ตามเดือนเกิด พร้อมส่องพฤติกรรมการแสดงออก
เปิดตำนาน "ฮัตเชปซุต" ฟาโรห์หญิงผู้ต้อง "สวมเครา" ท้าทายกฎบุรุษ จนถูกลบชื่อนาน 3,500 ปี!
บัวน่าปลูก...สายมูต้องห้ามพลาด! เสริมมงคลให้ชีวิตรุ่งเรือง


