“โคคา-โคล่า” เครื่องดื่มผู้ทรงอิทธิพล จากประวัติศาสตร์แก้ว 6 ใบ
ต้องขอเล่าย้อนหลังไปก่อนว่า สมัยผู้เขียนเรียน Ph.d ผู้เขียนได้เข้าฟังบรรยายในมหาวิทยาลัย และอาจารย์ที่บรรยายในวันนั้น คือ อาจารย์วรรวร ได้แนะนำหนังสือประวัติศาสตร์แก้ว 6 ใบ ให้อ่าน น่าจะประมาณเมื่อ 17 ปีที่แล้วว่าได้ (ผู้เขียนเรียนตอนปี 50 นะ) พอได้เปิดตู้เย็นเห็นเครื่องดื่มน้ำดำยี่ห้อหนึ่ง อืมอยู่ดีๆก็ได้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้ ที่ได้แรงบันดาลใจมา แต่เป็นการตัดขวางลงรายละเอียดในเรื่องของโคคา โคล่า ในประวัติศาสตร์แก้ว 6 ใบเท่านั้น
อารัมบทจากหนังสือเสียก่อน "ประวัติศาสตร์จากแก้ว 6 ใบ" คือหนังสือเรื่อง ประวัติศาสตร์โลกใน 6 แก้ว (A History of the World in 6 Glasses) โดย ทอม สแตนเดจ (Tom Standage) แปลโดย "คุณากร วาณิชย์วิรุฬห์" ซึ่งเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์โลกผ่านเครื่องดื่ม 6 ชนิด ได้แก่ เบียร์ ไวน์ เหล้า กาแฟ ชา และโคล่า โดยแต่ละชนิดเป็นตัวแทนของยุคสมัยที่แตกต่างกัน และแสดงให้เห็นว่าเครื่องดื่มเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการก่อร่างสร้างอารยธรรมมนุษย์อย่างไร ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เบียร์: เป็นเครื่องดื่มยุคแรกที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรกรรม
ไวน์: กลายเป็นสัญลักษณ์ของอารยธรรมกรีก-โรมัน
เหล้ากลั่น:เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยบุกเบิกเส้นทางเดินเรือรอบโลกและมีส่วนในการปฏิวัติ
กาแฟ:กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเชื่อมโยงกับการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และการปฏิวัติฝรั่งเศส โดยจูล มิตเชอเลต์ นักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ได้บันทึกข้อความไว้ในภายหลังว่า "ผู้ไปร่วมชุมนุมที่คาเฟเดอโปรโคปทุกวัน จะได้เห็นแสงสว่างของปีแห่งการปฏิวัติซ่อนอยู่ในเครื่องดื่มสีดำของพวกเขา" การปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ของโลกมีที่มาจากกาแฟโดยแท้
สำหรับบ้านเรา "สภากาแฟ" แม้จะไม่ได้นำไปสู่เหตุการณ์ระดับโลก แต่ใครจะปฏิเสธว่า "สภากาแฟ" ไม่ได้มีบทบาทในฐานะเวทีประชาธิปไตยอย่างสำคัญ (ผู้เขียนอาจจะร่ายยาวเรื่องกาแฟสักนิดเพราะเป้นคนชื่นชอบในกลิ่นคั่วหอม รสขมของกาแฟ)
ชา: มีบทบาทสำคัญในจักรวรรดิอังกฤษ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
โคคา โคล่า: เป็นสัญญะของโลกาภิวัตน์และวัฒนธรรมการบริโภคที่มาจากอเมริกาในยุคปัจจุบัน
ไม่น่าเชื่อว่า ภายในแก้ว 6 ใบนั้นจะ "อัดแน่น" ด้วยประวัติศาสตร์โลกมากมายมหาศาลได้ปานนั้น
ที่นี้เราจะเข้าสู่ความเป็นสัญญะของความเป็นโลกาภิวัฒน์และวัฒนธรรมการบริโภคนิยม จากโคคา-โคล่า
อิทธิพลน้ำดำหวานซ่า ที่ไม่ได้แค่ซ่าแค่รสชาติ
บริษัทโคคา-โคลา ได้บันทึกประวัติอย่างเป็นทางการของตนเองว่า ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2429 หรือ 120 ปีมาแล้ว จอห์น เพมเบอร์ตัน เภสัชกรซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ได้ค้นพบเครื่องดื่มชนิดใหม่ขึ้นอย่างบังเอิญ
โดยขณะที่เขากำลังพยายามหาทางรักษาอาการปวดหัว ด้วยการนำส่วนผสมต่างๆ ที่มี "ใบโคคา" เป็นองค์ประกอบ ลงไปคลุกเคล้าในหม้อสามขา (หม้อcauldron (คอลดรอน) ที่พ่อมด-แม่มดใช้ปรุงยารึเปล่านะ) จนได้ของเหลวสีคาราเมล แล้วเทโซดาผสมลงไป จนเกิดเป็นเครื่องดื่มรสหวาน ซ่า อร่อย กินแล้วชื่นใจ หายเหนื่อย เสมือนเครื่องดื่มชูกำลัง
ใครได้ชิมแล้วติดใจ เรียกกันว่า โคคา-โคลา และแพร่หลายไปแทบทุกมุมโลกแต่กระนั้น ดูเหมือนเรื่องราวที่แท้จริงกลับซับซ้อนกว่านั้น ซึ่งตรงนี้แหละที่บอกว่าติดใจ
ในเบื้องหลังของความติดใจนี้เอง คือ ความสำเร็จในการครองโลก ของเครื่องดื่มรสหวาน ซ่า นี้ เคียงคู่ไปกับ "สงคราม" อย่างแยกไม่ออก! เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น
ไม่น่าเชื่อว่า รสอัน "ขื่นขม" ของสงคราม จะสามารถคลอเคลียไปกับ "รสหวานซ่า" ของ โคคา-โคลา ได้อย่างไร
อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่า การที่โคคา-โคลา เริ่มนิยมมากขึ้นในโลก นั้นเกิดขึ้น เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเมื่อญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2484 ได้เป็นชนวนที่ทำให้อเมริกาก้าวออกมาจากนโยบายโดดเดี่ยวตนเองอย่างสิ้นเชิง
อเมริกาได้เริ่มส่งกองทหารออกไปรบทั่วโลก รวมกว่า 16 ล้านชีวิต ซึ่งทหารเหล่านี้ นิยมชมชื่นในรสโคลา-โคลา เพราะมันช่วยให้ความสดชื่น ที่ปราศจากฤทธิ์มึนเมา
ในขณะเดียวกัน โคคา-โคลา ยังช่วยให้บรรดาทหารในฐานทัพอันห่างไกลรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน และช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้พวกเขา ถือเป็นการเชื่อมโยงโคคา-โคลา เข้ากับเรื่องการรักชาติ และการอุทิศตนเพื่อสนับสนุนการทำสงคราม
เมื่ออเมริกาเริ่มระดมพล ประธานบริษัทโคคา-โคลา ประกาศว่า "ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเราจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ทหารอเมริกันทุกนายต้องสามารถซื้อหาโคคา-โคลา ได้ในราคาขวดละ 5 เซนต์" ด้วยเหตุนี้ โคคา-โคลา จึงติดตามทหารอเมริกาไปทุกหนแห่งในโลก และไม่ใช่ทหารอเมริกาเท่านั้นที่ได้ดื่ม คนพื้นเมืองก็พลอยได้ดื่มและมีรสนิยมชื่นชอบโคคา-โคลา ไปด้วย
โคคา-โคลา จึงรุกคืบเข้าไปยึดครองดินแดนต่างๆ ไม่ต่างกับการรุกคืบเข้าไปของกองทหารเหล่าทหารอเมริกันเลยมองเครื่องดื่มชนิดนี้ว่าเกี่ยวข้องกับสหรัฐและค่านิยมของประเทศตนเองอย่างมาก มีจดหมายหลายร้อยฉบับที่ถูกรักษาไว้ในหอจดหมายเหตุของบริษัทโคคา-โคลา ที่แสดงให้เห็นประเด็นเหล่านี้อย่างชัดแจ้งเช่น
"หากมีใครสักคนมาถามว่าเราต่อสู้เพื่ออะไรกัน ผมคิดว่าพวกเราราวครึ่งหนึ่งคงตอบว่า สู้เพื่อสิทธิในการได้กลับไปซื้อโคคา-โคลา อีกครั้ง"
โคคา-โคลา จึงไม่ได้มีความหมายเป็นแค่สินค้า หากแต่มันถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างโฆษณาชวนเชื่อ ให้เป็นสัญญะของความรักชาติ
เมื่อความเฟื่องฟูของอเมริกา ทั้งภาวะสงคราม การเมือง การค้า และการสื่อสารแบบโลกาภิวัตน์ ในสมัยศตวรรษที่ 20 เกิดขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่า “โคคา-โคลา” จะประสบความสำเร็จอย่างสูงขึ้น จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าที่คนรู้จักกันดีที่สุดในโลก เครื่องหมายหนึ่ง และที่สำคัญมันได้ถูกทำให้ไปไกลกว่าการเป็นสัญลักษณ์ของความรักชาติ มันยัง "ถูกประกอบสร้างความหมาย"และภาพตัวแทนอีกอย่างน้อย 5 ประการคือ
1.การเป็นตัวแทนของอเมริกา
2.เป็นค่านิยมแบบอเมริกัน
3.เป็นสัญญลักษณ์ของเสรีภาพ ในระบอบประชาธิปไตย
4.เป็นตัวแทนการค้าในระบบเสรี
5.เมื่ออเมริกาเป็นผู้นำโลก โคลาก็เป็นผุ้นำโลกด้วยเช่นกัน
จึงไม่แปลกที่ในโลกนี้จะมีทั้งคนชอบและคนชัง เจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้ สําหรับผู้ที่ไม่ชอบอเมริกา ก็ต้องไม่ชอบโคคา-โคลาไปด้วย เพราะมันคือเป็นสัญลักษณ์ของระบบทุนนิยมโลก ที่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น เป็นบริษัทและเครื่องหมายการค้าที่ครอบงำโลก เป็นสินค้าที่คอยกัดเซาะบ่อนทำลายวัฒนธรรมและค่านิยมท้องถิ่น จนต้องยอมสยบต่อการบงการของสหรัฐ แต่ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบโคคา-โคลา ก็ตาม เราก็คงไม่ปฏิเสธถึงความยิ่งใหญ่ของมันไม่ได้จริงๆ
ซึ่งทุกวันนี้ ไม่ผิดหากจะบอกว่ามันได้ "ครอบครอง" โลกใบนี้ไปแล้ว แก้วโคคา-โคลา จึงบรรจุ "ประวัติศาสตร์โลก" เอาไว้มากมายมหาศาล อย่างไม่น่าเชื่อ!
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
ยาพิษ คนสนิท ความไว้ใจ : บทเรียนราคาแพงว่า…อย่าไว้ใจใครเกินไป
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
กินไข่ผิดชีวิตเปลี่ยน? ไข่ทั้งฟอง vs ไข่ขาว กินแบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน!
สารพิษในร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา'! ตำรวจเร่งสอบพยาน ตรวจบ้านพักซ้ำ รอญาติจากเชียงราย
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
ยาพิษ คนสนิท ความไว้ใจ : บทเรียนราคาแพงว่า…อย่าไว้ใจใครเกินไป
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia

