หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

มงกุฎเจ้าประเทศราช ของ สยาม

โพสท์โดย History of siam

        ก่อนการเข้ามาของลัทธิอาณานิคมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีรูปแบบการปกครองขอบเขตอำนาจกันอย่างหลวมๆรัฐเล็ก จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยรัฐใหญ่เพื่อความอยู่รอดอย่างที่เรียกกันว่าสมัย “รัฐจารีต” เหล่าบรรดากษัตริย์ หรือผู้นำรัฐเล็ก หรือ รัฐห่างไกลขอบขัณฑสีมา มักเข้ามาขอพึ่งพิงพระบารมีกษัตริย์รัฐใหญ่ เพื่อให้ได้การรับรองสถานะ หรือความช่วยเหลือในบางประการ หรือการได้ครอบครองผ่านการทำสงครามก็ตาม รัฐเหล่านี้จะถูกเรียกว่า “ประเทศราช” ซึ่งมีกษัตริย์หรือเจ้าท้องถิ่นเป็นผู้ปกครองเดิมอยู่ โดยเมื่อตกเป็นรัฐประเทศราชแล้วจะต้องมีหน้าที่ถวายบรรณาการต่อรัฐที่ตัวเองขึ้นอยู่ด้วย อาจจะทุกๆ 3 หรือ 5 ปีตามแต่จะกำหนด 

        สยามในยุครัฐจารีตสมัยรัตนโกสินทร์เองก็มี รัฐประเทศราชที่ขึ้นต่อพระอาณาจักรหลายพื้นที่ เช่น อาณาจักรล้านนา(เจ้าผู้ครองนครฝ่ายเหนือ), อาณาจักรล้านช้างร่มขาวหลวงพระบาง, อาณาจักรกรุงศรีสัตนาคนหุตล้างช้างเวียงจันทร์, นครจำปาศักดิ์, กัมพูชา, สี่รัฐมาลัย (ไทรบุรี,กลันตัน,ตรังกานู,ปาลิส) โดยเหล่าประเทศราชก็จะมีหน้าที่และความสำคัญแตกต่างกันไป แต่ในบางครั้งเจ้าประเทศราชที่สามารถทำราชการและมีความจงรักภักดีต่อกษัตริย์สยามเป็นที่ประจักษ์จนพอพระราชหฤทัย ก็อาจจะได้รับสถาปนาพระเกียรติยศให้สูงส่งขึ้น จากพระยาประเทศราช ให้เป็น “พระเจ้าประเทศราช” ซึ่งจะได้รับเครื่องประกอบพระเกียรติยศที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของตำแหน่งนี้ นั้นคือ มหามงกุฎ หรือ พระชฎา หรือ Crown king นั้นเอง โดยในบทความนี้จะได้นำเสนอเกี่ยวกับ มหามงกุฎ และ พระชฎา ที่มีการพระราชทานโดยพระมหากษัตริย์สยามให้แก่เจ้าประเทศราช 

    1. พระมหามงกุฎ 


ภาพลายเส้นจำลองด้านหน้า และด้านข้างของพระมหามงกุฎ และ องค์พระมหามงกุฎ
พร้อมเครื่องประกอบเกียรติยศกษัตริย์กัมพูชา

        พบว่ามีการพระราชทานพระมหามงกุฎ ศิราภรณ์ชั้นเอก สำหรับเป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศกษัตริย์ประเทศราช เพียงรัฐเดียวนั้นคือ กรุงกัมพูชา ซึ่งองค์ที่ปรากฎในภาพข้างต้นเป็นของที่ได้รับพระราชทานโดยพระบาทสมเด็จนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 มีปรากฎในพงศาวดารว่า "…พระราชทานองค์ด้วงเป็นพระหริรักษรามาอิศราธิบดี วันพุธ เดือน ๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีมะแม นพศก เครื่องยศ พระมหามงกุฎองค์ ๑ และอื่นๆอีกรวม 17 รายการ..." และยังมีหลักฐานในนิราศนครวัดของ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงกล่าวถึง พระมหามงกุฎไว้ว่า “…ได้บอกเขาไว้ว่าอยากดูเครื่องต้น เขาเชิญเครื่องทรงพระเศียรพระเจ้ากรุงกัมพูชามาตั้งให้ดู ๔ องค์ และอธิบายให้ทราบ คือ พระมหามงกุฎลงยา ซึ่งพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนั้น สำหรับทรงราชาภิเษก..." (ศานติ ภักดีคำ ให้ข้อสันนิษฐานในศิลปวัฒนธรรมว่า อาจะเป็นเครื่องทรงชุดเดียวกันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เนื่องจากในช่วงยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์มักเกิดความไม่สงบในราชบัลลังก์กัมพูชาบ่อยครั้งทำให้ต้องมีการขนเครื่องทรงย้ายเข้ามายังกรุงเทพฯ)

        รูปแบบศิลปะ พระมหามงกุฎ องค์นี้เป็นมงกุฎทรงยอดชัย เป็นเครื่องศิราภรณ์อย่างเอก มีกรรเจียกจอน กุณฑล สายรัดพระหนุ สันนิษฐานจากภาพและนิราศนครวัดพบว่าตัวองค์ทำจากทองคำลงยา ประดับอัญมณี ติดดอกไม้ไหวประจำยาม (ตามภาพประกอบ)  การที่ได้รับพระราชทานพระมหามงกุฎที่มีพระเกียรติยศอย่างเอกนี้ อาจเป็นเพราะกษัตริย์กัมพูชานั้นมีเกียรติสูงกว่าเจ้าประเทศราชอื่นๆ ด้วยสืบเชื้อสายพระมหากษัตริย์มาโดยมิได้ขาดสาย หรือสถาปนาขึ้นจากสามัญชน ทั้งยังเป็นผู้ที่กษัตริย์สยามได้ชุบเลี้ยงเสมือนพระราชบุตรบุญธรรม ในกรุงเทพสมัยเยาว์วัยก่อนได้ครองราชสมบัติ

        พระมหามงกุฎองค์นี้ใช้ประกอบในการบรมราชาภิเษกกษัตริย์และพระมหากษัตริย์กัมพูชามาจนถึงสมัยก่อนเหตุการณ์สงครามกลางเมืองคาดว่าสูญหายไปจากภัยสงคราม โดยองค์ปัจจุบันทำทดแทนขึ้นภายหลังเนื่องจากรูปแบบองค์พระมหามงกุฎมีความใหญ่หนาขึ้น รายละเอียดต่างๆไม่คมชัด และมีการบุกำมะหยี่พื้นแดงภายใน 

ภาพพระมหากษัตริย์กัมพูชาที่ทรงพระมหามงกุฎที่ได้รับพระราชทานจากสยาม เรียงจากซ้ายไปขวาตามลำดับการครองราชสมบัติ 1.พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร , 2.พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์, 3.พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์, 4.พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ, 5.พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต 

 

2 พระชฎาเดินหน สำหรับ พระเจ้าประเทศราช


ภาพลายเส้นจำลองพระชฎายอดเดินหน และ องค์พระชฎาพร้อมเครื่องประกอบเกียรติยศพระเจ้านครน่าน และ พระชฎาพระเจ้านครหลวงพระบาง

        พบว่ามีการพระราชทานให้กับพระเจ้าประเทศราชเพียง 2  รัฐ ได้แก่ ล้านช้างหลวงพระบาง และ นครน่าน มีหลักฐานปรากฎคราวพระราชทานให้พระเจ้าหลวงพระบางเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3  มีระบุในจดหมายเหตุหลวงพระบางว่า "…จึงโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องยศกกุธภัณฑ์ 5 ประการ ให้เจ้ามังธาตุราชเพิ่มเติมขึ้นอีก และให้เจ้ามังธาตุราช เจ้าเมืองหลวงพระบาง กลับขึ้นไปว่าราชการบ้านเมือง…" โดยเครื่องกกุธภัณฑ์สำรับนี้คาดว่ามีพระชฎาเดินหนประกอบอยู่ด้วย จากการค้นพบภาพถ่ายมีการใช้ในงานพิธีราชาภิเษกของ พระเจ้าจันทรเทพประภาคุณ , พระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร , สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ (ก่อนได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส) ภายหลังได้รับเอกราชแล้วพบว่ามีการเปลี่ยนศิราภรณ์จากพระชฎาเดินหนเป็นพระมหามงกุฎยอดชัยนับตั้งแต่การครองราชสมบัติครบ 50 ปี ของ สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ พระชฎาที่คาดว่าเป็นเครื่องยศพระราชทานจากกษัตริย์สยามปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์เมืองหลวงพระบาง

        และคราวพระราชทานให้พระเจ้านครน่าน เกิดขึ้นในสมับรัชกาลที่ 5   มีระบุในราชกิจจานุเบกษา เรื่องการตั้งพระเจ้านครเมืองน่าน เล่ม 20 หน้าที่ 607  วันที่ 29 พฤศจิกายน ร.ศ.122  "...ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสุพรรณบัตร ตั้งให้ เจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชเจ้านครเมืองน่าน เป็น พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช  พระเจ้านครเมืองน่าน แล้วโปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานสวมเสื้อครุยพระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช แลสวมชฎา พระราชทาน..." แม้จะมีการสถาปนาเจ้าผู้ครองนครหัวเมืองล้านนาให้มีเกียรติยศเป็นพระเจ้าประเทศราชหลายพระองค์ เช่น พระเจ้าเชียงใหม่, พระเจ้าลำพูนไชย, พระเจ้านครลำปาง แต่กลับมีเพียงพระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช เพียงพระองค์เดียวที่ได้รับพระราชทานพระชฎาในตำแหน่งพระเจ้าประเทศราชเท่านั้น และยังพระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช ยังถือได้ว่าเป็นพระเจ้าประเทศราชพระองค์สุดได้ที่สยามได้มีการสถาปนา ก่อนมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกครองในสมัยต่อๆมาอีกด้วย

       รูปแบบศิลปะ พระชฎายอดเดินหน มีศักดิ์เป็นศิราภรณ์ประกอบศรีษะชั้นตรี มีกรรเจียกจอน กุณฑล สายรัดพระหนุ ตัวองค์คาดว่าเป็นทองติดกระจังประดับอัญมณี ซึ่งจะส่งพระราชทานให้แก่เจ้านายชั้นเจ้าฟ้า,พระองค์เจ้า(ในกรณีพิเศษ เช่น งานโสกันต์) หรือ พระเจ้าประเทศ 

ภาพพระพระเจ้าประเทศราชที่ได้ทรง พระชฎาประกอบพระเกียรติยศ เรียงจากซ้ายไปขวา 1.พระเจ้าจันทรเทพประภาคุณ นครหลวงพระบาง ,2. พระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร นครหลวงพระบาง ,3.สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ กษัตริย์ราชอาณาจักรลาว ,  4.พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้าผู้ครองนครน่าน

เนื้อหาโดย: ภาณุ ภาณุวัฒน์
อ้างอิงจาก:
-ราชกิจจานุเบกษา เรื่องการตั้งพระเจ้านครเมืองน่าน เล่ม 20 หน้าที่ 607 วันที่ 29 พฤศจิกายน ร.ศ.122
-เครื่องศิราภรณ์.บริษัท สยาม แอดมินนิสเทรทีฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด.ผู้เขียน อาจารย์สมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร
-ศิลปภัณฑ์.สิปปกร.แพร่พิทยา พระนคร:2502
-ร่องรอย พระมหามงกุฎ” และของที่ราชวงศ์ไทยพระราชทานกษัตริย์กัมพูชา สมัยรัตนโกสินทร์.รศ. ดร. ศานติ ภักดีคำ.ศิลปวัฒนธรรมออนไลน์ .3 มีนาคม 2565
-ขอบคุณภาพประกอบจาก : Facebook เพจ History of Laos , วิกิพีเดีย , Pinterrest
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
History of siam's profile


โพสท์โดย: History of siam
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำเขมรเสี่ยงเอารถขนยุทโธปกรณ์มาเติมที่เขาพระวิหารสุดท้าย ถูกไทยยิงทำลายอย่างง่ายดายทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจายองค์กรช่วยเหลือระหว่างประเทศ เรียกร้องให้ไทยหยุดยิงทันที!!รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่เขมร ยอมมาโต๊ะเจรจาที่จันทบุรี หลังไทยดัดหลัง "ไม่ย้ายประเทศ"เผยคลิปทหารเขมรพา เมีย กับลูกน้อยเข้ามาอาศัยอยู่ร่วมในสนามรบภายในบังเกอร์มีเสียงเด็กร้องไห้หวาดกลัวเสียงปืนท่ามกลางสนามรบที่ต่อสู้กันดุเดือดจรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกันเสธ.เดือด มีแต่พื้นที่ของกูกับของมึง..เท่านั้นชาวเขมร" ให้อภัยชาวไทย กลับมารักกันเหมือนเดิม หลังเกิดการปะทะ กันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาเขมรมีการเรียกร้อง ไทยต้องถอยกลับไปจุดเดิมเท่านั้น ให้คนเขมรกลับมาอยู่ที่ทำกินเดิม
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“บิ๊กป้อม” บอกอายุ 80 พอแล้ว ท่ามกลางกระแสถอนตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐองค์กรช่วยเหลือระหว่างประเทศ เรียกร้องให้ไทยหยุดยิงทันที!!จะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?🦁🔥 ระอุจนถึงไพรม์! เสือโคร่ง vs สิงโต — ใครคือ “ราชาแห่งราชา” ในสังเวียนตัวต่อตัว?มาดู “อดีตไอดอล” ที่พิสูจน์ว่า 40 ยังแจ๋ว — เซรินะ อดีต SDN48 กับการคัมแบ็กสายกราเวียร์
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ทึ่งทั่วโลก : "ทะเลสาบเพโท" ทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แสนสดใสที่มองจากมุมสูงแล้วมีรูปร่างเหมือน "หัวสุนัขจิ้งจอก" ด้วยน๊าจะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?ทึ่งทั่วไทย : "สะพานท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย" (Bali Hai Pier) ในยามค่ำคืนเตือนแล้วนะ! 3 ผลไม้ที่ "เซลล์มะเร็ง" โปรดปราน หมอยังไม่กล้าแตะ แต่หลายคนกินทุกวันโดยไม่รู้ตัว
ตั้งกระทู้ใหม่