“สมองตื้อ” อาการยอดฮิตของคนยุคนี้ คิดไม่ออก ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
เคยไหมนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แต่นึกอะไรไม่ออกสักอย่าง…
มองกระดาษเปล่า ๆ แต่ไอเดียก็ไม่ยอมมา…
ทั้งที่เมื่อวานยังคิดเก่ง พูดคล่อง แต่วันนี้กลับรู้สึกเหมือน "สมองตื้อ" ไปหมด
หลายคนอาจคิดว่าแค่พักไม่พอ หรือเหนื่อย แต่ความจริงแล้ว “อาการสมองตื้อ” เป็นสัญญาณที่ร่างกายพยายามบอกบางอย่างกับเราอยู่
สมองตื้อคืออะไร?
สมองตื้อ เป็นภาวะที่สมองทำงานช้าลง คิดอะไรไม่ออก ตัดสินใจยาก รู้สึกเบลอ ๆ หรือเหมือนสมองล้า ไม่สดชื่น บางคนอาจรู้สึกเหมือน “ตื้อตัน” ในหัว หรือคิดวนอยู่กับเรื่องเดิม ๆ จนไม่มีทางออก
สาเหตุที่ทำให้สมองตื้อ
1. พักผ่อนไม่พอ
นอนดึก หรือนอนไม่ลึก ทำให้สมองฟื้นตัวไม่เต็มที่
2. ความเครียดสะสม
งานเยอะ ปัญหาชีวิต หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ก็สะสมกลายเป็นความเครียด ส่งผลต่อสมอง
3. ขาดสารอาหาร
สมองต้องการพลังงานจากอาหาร เช่น วิตามินบี, โอเมก้า-3 และกลูโคส
4. ใช้สมองมากเกินไปโดยไม่พัก
ทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก ส่งผลให้สมองล้า
5. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เบื่อ
บรรยากาศเดิม ๆ หรือกิจวัตรจำเจ อาจลดความกระตือรือร้นของสมองได้เช่นกัน
วิธีแก้สมองตื้อแบบง่าย ๆ
1. พักสายตา – พักสมอง
ทุก 1 ชั่วโมง ลุกขึ้นเดิน ยืดตัว หรือเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
2. นอนให้พอ – นอนให้ดี
เข้านอนตรงเวลา และนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อคืน
3. ออกกำลังกายเบา ๆ
เดินเร็ว โยคะ หรือแค่ยืดเส้นในบ้าน ก็ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
4. กินอาหารบำรุงสมอง
ปลาแซลมอน ไข่ ธัญพืช ถั่ว และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ช่วยให้สมองสดชื่น
5. หายใจลึก ๆ หรือทำสมาธิ
การหายใจอย่างมีสติช่วยลดความตึงเครียด และรีเซ็ตสมอง
6. ลดสิ่งรบกวน
ปิดแจ้งเตือนมือถือ ลดการเล่นโซเชียลระหว่างทำงาน เพื่อให้โฟกัสดีขึ้น
“สมองตื้อ” ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็ไม่ควรละเลย
หากคุณรู้สึกว่าตัวเองคิดอะไรไม่ออกบ่อย ๆ หรือทำงานช้ากว่าปกติ อาจถึงเวลาต้องหันกลับมาดูแลร่างกายและจิตใจให้สมดุล เพราะสมองดี เริ่มต้นที่การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี














