ล่าแม่มดยุคใหม่ เมื่อโลกออนไลน์เป็นศาลเตี้ย”
หลายคนคิดว่าการ ล่าแม่มด หมดไปแล้วตั้งแต่ยุคยุโรปเผาแม่มด แต่จริง ๆ แล้ว มันกลับมาในชื่อใหม่ — Cancel Culture หรือ Trial by Social Media
ทุกวันนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ถ้าคิดต่าง พูดพลาด หรือถูกใส่ร้าย คุณอาจถูกชี้นิ้วแล้วโดนตัดสินผิดในโลกออนไลน์ได้ทันที โดยไม่ต้องมีศาลหรือหลักฐาน
แล้วปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้ยังไง?
🧙♀️ ล่าแม่มดในประวัติศาสตร์: จุดเริ่มของศาลเตี้ย
ยุโรปยุคกลาง – ช่วงศตวรรษที่ 15-18 ผู้คนกลัวสิ่งที่อธิบายไม่ได้ โรคระบาด พืชผลเสียหาย อากาศแปรปรวน ทำให้ต้องหา คนผิด มาแบกรับความซวยแทน
ผู้หญิงยากจน หม้าย แปลกแยก หรือทำตัวไม่เหมือนคนอื่น จะถูกมองเป็นแม่มดง่ายที่สุด
สิ่งที่น่ากลัวคือ หลักฐานมักไม่มี หรือหาเรื่องอะไรเล็ก ๆ ก็เอามาโยงได้หมด เช่น มีแมวดำ มีสมุนไพร มีหนังสือเวท — พอข่าวลือแพร่ก็ไม่มีใครกล้าปกป้อง
🗣️ ทำไมสังคมยังชอบล่าแม่มด?
ในมุมจิตวิทยาสังคม คนจะรู้สึกปลอดภัยกว่าเมื่อได้ “รวมพลังขับไล่ศัตรูร่วมกัน”
- เรามีฮอร์โมน โดพามีน หลั่งตอนรู้สึกว่ากำลังอยู่ฝ่าย ‘คนดี’
- การประณามคนอื่นให้ตกต่ำลง ทำให้เรารู้สึกตัวเองสูงส่งขึ้น (Moral Superiority)
- การรวมฝูงช่วยให้เรากล้าทำสิ่งที่คนเดียวไม่กล้าทำ เช่น ด่ารุนแรง สาปแช่ง สร้างข่าวเท็จ
🗳️ การเมืองใช้ ‘ล่าแม่มด’ เป็นเครื่องมือ
ยุคนี้ ล่าแม่มดไม่ใช่แค่ดราม่าชาวบ้าน แต่ถูกใช้ในเกมการเมืองเต็มรูปแบบ:
- ป้ายสีคู่แข่งว่าชั่วร้าย ทำให้มวลชนเกลียดจนไม่กล้าฟังอีก
- สร้างเรื่องเล่าให้ประชาชนมองว่าคนกลุ่มหนึ่ง เป็นภัยต่อชาติ ทั้งที่หลักฐานก็เบาบาง
- ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสร้างข่าวลือให้กลายเป็นศัตรูของรัฐ แล้วปล่อยให้คนรุมด่าแทน ไม่ต้องเสียแรงจับเอง
🌐 วัฒนธรรมออนไลน์ = ห้องประหารสาธารณะ
เมื่อมีโซเชียล ล่าแม่มดยิ่งง่าย:
- ข่าวลือแพร่เร็ว คนตัดสินเร็ว ปุ่มแชร์คืออาวุธ
- คนที่โดนหาว่า ‘ผิด’ มักจะไม่มีโอกาสแก้ตัวเพราะศาลโซเชียลตัดสินไวกว่า
- ใครไม่เข้าร่วมประณาม จะถูกหาว่า ‘เข้าข้างคนผิด’ ทำให้เกิดแรงกดดันกลุ่ม
🧩 ล่าแม่มดกับจิตวิทยา FOMO (Fear Of Missing Out)
คนส่วนใหญ่กลัวตกขบวนดราม่า เพราะ:
- กลัวจะถูกมองว่าเฉยเมย
- อยากแสดงจุดยืนทางศีลธรรม
- อยากมีส่วนร่วมในกระแสเพื่อไม่ให้หลุดจากกลุ่ม
เลยเกิดปรากฏการณ์ แชร์ก่อน ตรวจทีหลัง หรือบางที ไม่ตรวจเลย
🔍 ตัวอย่างสด ๆ รอบโลก
- ฝั่งตะวันตกมีดราม่า Cancel คนดัง ดารา อินฟลูเอนเซอร์ที่พูดผิดแค่ประโยคเดียว
- บางประเทศใช้กระแสออนไลน์ล่าแม่มดฝ่ายค้าน สร้างความเกลียดจนคู่แข่งการเมืองถูกมองว่า ‘ไม่ใช่คน’
- ในเอเชีย มีคดีจริงที่คนถูกกล่าวหาว่าทำผิดศีลธรรม ถูกประณามจนถึงขั้นลาออก ตาย หรือหายไปจากสังคม
⚖️ ทำไมมันถึงหยุดยาก?
เพราะศาลเตี้ยให้ความรู้สึก ง่ายกว่า ศาลจริง:
- ไม่ต้องหาหลักฐานครบถ้วน
- ไม่ต้องรอขั้นตอนทางกฎหมาย
- ลงโทษได้ทันทีด้วยการตัดออกจากกลุ่ม
ในเชิงสังคม นี่คือการควบคุมพฤติกรรมแบบ ‘ใช้ความกลัว’ แทนกฎหมาย
📌 แล้วจะอยู่รอดในยุคนี้ยังไง?
- รู้เท่าทัน: ตรวจข่าว อย่าแชร์ซี้ซั้ว
- อย่าด่วนเข้าฝูง: ถามตัวเองก่อนว่าเราได้ยินแค่ครึ่งเดียวหรือเปล่า
- อย่าฝากชีวิตบนภาพลักษณ์เดียว: ยุคนี้ภาพดีพลาดได้เสมอ ใครก็เป็นเหยื่อได้
✅ สรุป
- ล่าแม่มดเป็นวัฒนธรรมควบคุมสังคมที่เก่าแก่ แต่แค่เปลี่ยนเวทีจากกองไฟไปเป็นหน้าฟีด
- จิตวิทยาฝูงและความกลัวทำให้คนยิ่งอยากประณาม
- การเมืองใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เสมอ
- ทางรอดไม่ใช่ไม่พูด แต่คือรู้จักพูด รู้จักฟัง และรู้จักหยุดแชร์
💬 แล้วคุณล่ะ… เคยโดนล่าแม่มด หรือเคยร่วมล่าใครโดยไม่รู้ตัวบ้าง?

















