ตื่นก่อนดวงอาทิตย์ ที่ เขื่อนศรีนครินทร์
ก่อนตะวันรุ่งสางเราต่างหลับใหล ชีวิตสายน้ำดำเนินไปรอสายทองของวันใหม่เวียนกลับมา เริ่มใหม่เช้าสีทอง หญ้าเหลืองอ่อนโยกและสั่นไหว ชีวิตเรายังก้าวไกลสร้างหัวใจให้สู้เดิน
เช้าวันใหม่ในบ้านพักที่เขื่อนศรีนครินทร์ ด้านบนนั้นคือที่พักและในขณะเดียวกันประมาณหนึ่งกิโลนั้นคือที่อบรม เราอยูบ้านด้วยกันทั้งหมดห้าคน ในขณะที่ทุกคนนั้นหลับใหลเราเองตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะออกมาเดินเล่น เราจะนอนที่นี่สองคืน บรรยากาศในยามเช้าสวยมาก สวยเกินกว่ากล้องนั้นจะถ่ายภาพได้ เดินลงมากจากบ้านเพื่อที่จะไปรอบที่พัก สวยหมอกยามเช้า เหมือนอยู่ในอุทยาน
ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา ยังมืดมิดแต่พอที่จะมองเห็นทางในการเดิน หมอกเยอะมากสวยอยู่บนเขา ซึ่งบนนี้น่าจะเป็นพื้นที่ที่อากาศดี แต่ว่าเป็นพื้นที่สีส้มที่อากาศนั้นไม่ค่อยจะดีเพราะการเผาป่าบริเวณประเทศเพื่อนบ้านเราส่งอากาศที่เป็นพิษมา ตอนเช้านั้นถือว่ายังไม่เยอะมากนัก หากว่าตอนบ่ายไปหราค่ำนี่หายใจไม่ได้เลย
พยายามถ่ายให้เห็นในโซนของบ้านพักที่นี่มีแต่กลุ่มของพวกเรานั้นพักอยู่กัน สวยอยากกลับไปชวนเพื่อนมาเดินด้วยคงไม่ทันแล้ว เดินคนเดียวสบายใจมากกว่า
สถานที่ในการเดินออกกำลังกาย ส่วนเรานั้นเดินสบายไปพลางๆ ตามเส้นทาง ทั้งบริเวณเห็นคนเดียวที่ลุกมาเต้นออกกำลัง
อีกหลายคนนั้นน่าจะเพลียจากการทำกิจกรรมเลยทำให้นอนหลับในความสุขฝันหวาน เราเดินประมาณหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้ได้เหงื่อแล้วจะกลับไปอาบน้ำ และเตรียมสำหรับการไปทานข้าวเช้าที่สถานที่อบรม ซึ่งจะนัดรวมเวลา 9 นาฬิกาตอนนี้หกโมงเช้า เราตื่นมารับอากาศตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ
ในส่วนของตรงนี้คือหน้าบ้านของเรา สามารถที่จะนั่งเรือเพื่อหาปลาได้ น้ำในเขื่อนนั้นเยอะมาก ด้านล่างนั้นจะมีการนำกระแสไฟฟ้าไปใช้จากพลังงานต่าง ๆ เขื่อนนั้นใหญ่มาก ตอนที่ขับรถขึ้นมานั้นเหมือนกับว่าเรานั้นได้เขามาในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่มีทั้งหมด มีโรงเรียน โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ
หากเรานั้นมองดีๆ ไม่เหมือนกับว่าเรานั้นอยู่เขื่อนเหมือนเรานั้นมาพักในรีสอร์ที่ไหนสักที่เหมือนทางภาคเหนือ อากาศคือเย็นฉ่ำมากในตอนเช้า
เขาเรียกที่นี่ว่าชุมชนและคนนั้นอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ ขึ้นมาเหมือนไม่ได้อยู่บนเขา ที่นี่ตั้งแต่มาวันแรกเปิดน้ำนี่สุดยอดแรงดันดีมาก พุ่งแรง
เส้นทางในการออกกำลังกายดูแล้วน่าเต้นมาก แต่ว่าเรานั้นเดินดีกว่า ไม่ได้เตรียมรองเท้ามา สนามหญ้าที่นี่ รอบข้างถนนทำไมสวยบ้านเรือนที่สร้างนั้นมีความทันสมัยมาก สีและการออกแบบดูแล้วมีควาสุข
เรานั้นเป็นคนหนึ่งที่หากว่าไปอยู่ที่ไหนนอนสักคืนสองคืนจะเป็นคนที่เดินหาสำรวจ สิ่งต่างๆว่ามีอะไรบ้าง ไปทางไหนอย่างไร เหมือนตอนที่เรานั้นเดินทางมา พอถึงที่นี่เราเกือบที่จะเอาชีวิตมาฝากไว้ สิ่งนี้ทำให้เรานั้นได้รู้เลยว่า คนเรานั้นแท้ที่สุดแล้วคือโยนความผิดให้คนอื่น แต่ตนเองนั้นไม่สนใจ จะอย่างไรคือตามใจตนเอง
ใครจะเป็นไง อะไรไม่มีความสำคัญเลย แต่หากว่าวันหนึ่งจะเจอกับหลายอย่างเราต้องเข้มแข็งและไม่ยอมเหมือนต้นหญ้าที่แม้ว่าขอบถนนนั้นจะเจริญเติบโตลำบาก เขายังพยายามที่จะพารากนั้นลงไปตามสนามหญ้าจนถึงไปรับน้ำมาเพื่อเลี้ยงลำต้นของตนเอง





















