ส้มตำ ตำนานในความทรงจำ
ตำนี้เรียกตำหอยหมูยออร่อยท้แท้มากหลังจากนั้น วางลงได้มองตาตามแทบไม่ทัน ทุกอย่างนั้นหายไปชั่วพริบตา เราเองก็ชอบกินแต่ไม่เผ็ด ชิมทีละสองเม็ดไม่ทรมานมาก แต่เพื่อนเราสิบเม็ดเผ็ดไม่เบา อีกเพื่อนคนเก่ากินพริกเหมือนผลไม้เลย
เพียงแค่เห็นภาพและสีสันบอกได้คำเดียวเลยว่าสุดยอดความอร่อย ส้มตำนั้นที่เราเรียกว่าส้มตำเพราะนำในสิ่งที่ส้มนั้นมารวมกัน ในครกแล้วตำใส่กินอย่างเต็มที่ เติมเต็มในเรื่องของรสชาติ ที่แม้แต่คนไทย ภาคใต้ ภาคเหนือได้มาลองชิมถึงกับชอบ
ตอนนั้นที่ไปอยู่ต่างแดนสองเดือนแรกไม่ได้กินเพราะว่าไม่มี แต่เราก็ไม่ได้โหยหา แต่พอกินอย่างอื่นนานแล้วเลี่ยนจึงหาส้มตำแม้ว่าจะไม่ค่อยเหมือนแต่ก็ใกล้เคียง
ตำแรกนี้เขาเรียกว่าตำข้าวโพด มีข้าวโพดหวาน อร่อยมาก เมื่อความเผ็ดความหวานมารวมกัน ในจานเดียวอร่อย ยิ่งโรยด้วยถั่วลิสงแล้วนั้นกินอย่างมัน
จริงแล้วคนอีสานนั้นสามารถที่จะกินส้มตำได้ทั้งหมดสามเวลาเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะท้องเสีย เพราะว่าท้องนั้นปรับตัวตามสภาพแล้ว อร่อยจนน้ำตาไหลพรากแต่ก็ไม่ยอม ยังพยายามที่จะกินต่อไป
จานนี้จะเรียกว่าตำหอยแครง รสชาติจะจัดจ้านมากกว่าแน่นอน เพราะว่าสีสันนั้นจะต้องมี เพราะว่าหอยนั้นคาว ต้องมีหลายอย่างในการดับคาว อร่อยหอยลวกพอดีไม่สุขจนเกินไป หากว่าเกินน่าจะไม่ได้กินหอยเพราะมันหายไปหมดแล้ว
การทำอาหารทุกอย่างนั้นเราจะต้องมีในเรื่องเทคนิคในการทำ หากว่าไม่รู้วิธีแล้วนั้นอาจจะไม่ได้ทานในสิ่งที่อร่อย หลายคนบอกว่าเราเองก็ทำได้ แต่หากว่าทำแล้วกินได้อร่อยไหม
ในจานสุดท้ายนั้นคือตำสายบัวใส่หอยแครงไม่ ตำหลายอย่างนั้นทำขึ้นมาตามความชอบของคนทาน อร่อยตามแบบของใครของเรา พยายามที่จะสร้างรสชาติในแบบที่ตนนั้นอยากกิน จึงทำให้เกิดในสิ่งที่เราเรียกว่าตำรวมมิตร ตำมาม่า ตำโคราช มีให้มาลองในแต่ละพื้นที่
คนอีสานทุกคนนั้นชอบมากไม่ว่าจะไปไหนจะต้องกลับมากินส้มตำเสมอ เวลาที่พบกันจะมีปาร์ตี้ส้มตำสักสองสามครกหรือมากกว่านั้น
แน่นอนว่าในการทำนั้นจะมีหลากหลายอย่างที่ให้ทำช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นซอยมะละกอ เตรียมเครื่องปรุง พริก มะเขือเทศ มะนาว มะกอก นำมารวมกันกลายเป็นความอร่อยที่ลงตัว






















