อย่าโทษตัวเองเกินไป อย่ามั่นใจสุดโต่ง
สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจนเวลาเราอ่านหนังสือแนว how-to คือขอแค่เราทำตามที่เขาแนะนำ แล้วเราจะแข็งแกร่งขึ้น เราจะรวยขึ้น เราจะมีความสุขมากขึ้น
สิ่งที่หนังสือเหล่านี้บอกโดยนัยก็คือ ถ้าชีวิตเรายังแย่อยู่ แสดงว่าเป็นความผิดของเราเอง
แนวความคิดนี้เชื่อมั่นในความเป็น ปัจเจกบุคคล ที่สามารถทำอะไรให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเอง
แต่ระยะหลังก็มีหนังสือหลายเล่มที่ออกมาพูดว่าปัญหาที่เราเจออยู่ ไม่ได้เกิดจากความไม่เอาไหนในตัวบุคคล แต่เป็นปัญหาของทั้งระบบที่มันครอบงำเราอยู่
ยกตัวอย่างของคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว ที่เรามักจะโทษตัวเองว่ากินไม่ระวังปากและไม่ค่อยออกกำลังกาย
แต่หนังสืออย่าง Ultra-Processed People ของ Chris van Tulleken ก็บอกว่าแท้จริงแล้ว อุตสาหกรรมอาหารก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้คนน้ำหนักมากขึ้นทั่วโลก เพราะอาหารแปรรูปขั้นสูงนั้นกระตุ้นให้เรากินไม่หยุด
หรือเวลาที่เราหงุดหงิดตัวเองที่เล่นมือถือมากเกินไป ใช้เวลากับโลกโซเชียลวันละเป็นชั่วโมง หนังสืออย่าง Stolen Focus ของ Johann Hari และ The Anxious Generation ของ Jonathan Haidt ก็บอกว่าบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายต่างหากที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ออกมาให้คนติดกันงอมแงม
หรือแม้กระทั่งเรื่องที่น่าจะเป็นนิสัยส่วนตัวอย่างความเป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์ ที่เราคิดว่าน่าจะเกิดจากตัวเราเองที่ชอบความสมบูรณ์แบบ หนังสืออย่าง The Perfection Trap ของ Thomas Curran ก็บอกว่านิสัยนี้เป็นเพราะเราถูกหล่อหลอมจากคนในบ้านและจากความคาดหวังของสังคมว่าเราจะมีค่าก็ต่อเมื่อเราทำทุกอย่างออกมาได้ดีและไม่มีข้อผิดพลาด
สุดท้ายแล้ว มนุษย์เราเป็นผลผลิตของสภาพแวดล้อม ต่อให้เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจแค่ไหน มีวินัยแค่ไหน ถ้ามันเป็นการ 'ว่ายทวนน้ำ' ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่ทุกคนจะทำได้สำเร็จ
เขียนอย่างนี้ไม่ได้ต้องการจะบอกว่าให้เลิกพยายาม แค่อยากจะชวนให้เรามองเห็นปัจจัยให้ครบถ้วน เพื่อให้เราได้ปรับแผนการหรือยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง
และถ้าเราเกิดพลั้งพลาดหรือทำไม่ได้ดั่งใจ ก็ไม่ควรตีอกชกตัว หรือโทษว่าตัวเองเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเราเสียทั้งหมด
ในทางกลับกัน ในตอนที่ทุกอย่างไปได้สวย เราก็ไม่ควรชื่นชมตัวเองเกินไป
เพราะเราอาจจะคุ้นชินกับหนังสือ how-to ที่ยึดความเป็นปัจเจกบุคคลเช่นกัน ว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ดังนั้นหากมันสำเร็จขึ้นมาจริงๆ เราก็จะมักจะให้เครดิตตัวเองว่ามันเกิดจากฝีมือและความพยายามของเราเอง
ทั้งที่จริงแล้วโชคชะตาหรือจังหวะชีวิตนั้นมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางชีวิตเรามากกว่าที่เราคิดไว้
หลายคนน่าจะเคยอ่านหนังสือ The Psychology of Money ของ Morgan Housel
เรื่องราวหนึ่งที่เฮาส์เซลมักจะเล่าในพ็อดคาสต์ รวมถึงเขียนถึงในหนังสือ Same As Ever ด้วย ก็คือการตัดสินใจที่เปลี่ยนชีวิตเขา
สมัยวัยรุ่น เฮาส์เซลเป็นนักกีฬาสกี สไตล์ cross-country แบบจริงจังขนาดที่ตัดสินใจไม่เรียนชั้นมัธยมปลาย
มีวันหนึ่งที่เขาไปเล่นสกีกับเพื่อนนักกีฬาด้วยกันอีกสองคน แล้วเล่นสกีไปจนเจอจุดที่เจ้าหน้าที่กั้นไว้ไม่ให้เข้าไปเล่นเพราะว่าเป็นจุดที่หิมะเพิ่งตกลงมาเยอะ พื้นจะไม่แน่นและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่นและมั่นใจในฝีมือตัวเองกันทั้งนั้น ก็เลยเข้าไปเล่นสกีในบริเวณต้องห้ามจนลงมาถึงข้างล่างและสนุกกันมาก เพื่อนทั้งสองคนชวนกันขึ้นไปเล่นพื้นที่ต้องห้ามอีกสักรอบ แต่เฮาส์เซลบอกว่าขี้เกียจแล้ว เดี๋ยวเขาขอกลับไปที่บ้านพักเพื่อเอารถมารอรับดีกว่า พอเฮาส์เซลกลับมาที่จุดนัดพบ รอเพื่อนอยู่เป็นชั่วโมงก็ไม่เจอ กลับมาถึงห้องพักก็ไม่เจอ และพอแม่ของเพื่อนโทรมาถามว่ารู้ไหมว่าเพื่อนของเขาอยู่ที่ไหน เฮาส์เซลจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเพื่อนๆ น่าจะยังอยู่บนเขา
เจ้าหน้าที่ออกตามหาตัวเพื่อนทั้งสองคนตรงบริเวณเขตต้องห้าม แล้วก็พบว่าเพื่อนทั้งสองคนของเฮาส์เซลถูกฝังอยู่ใต้หิมะสูงหลายเมตร ….ใช่ครับ พื้นที่ตรงนั้นเกิดหิมะถล่ม และทั้งคู่ไม่มีใครรอดชีวิต
เฮาส์เซลบอกว่า เขานึกไม่ออกว่ามีเหตุผลอะไรที่เขาตัดสินใจไม่ขึ้นไปเล่นสกีรอบที่สองตามคำชวน แต่เขานึกออกเลยว่าถ้าเขาไปด้วยจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาบ้าง
ในวัยสามสิบกลางๆ เฮาส์เซลตัดสินใจมานับครั้งไม่ถ้วน แต่การตัดสินใจไม่เล่นสกีในครั้งนั้นคือการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดและเปลี่ยนชีวิตของเขา เฮาส์เซลบอกว่ามันแปลกไหมที่การตัดสินใจครั้งสำคัญไม่ได้เกิดจากสติปัญญาหรือการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลใดๆ ทั้งสิ้น การตัดสินใจที่ถูกต้องครั้งนี้เป็นเรื่องของโชคล้วนๆ
อีกตอนหนึ่งในหนังสือ Same As Ever ที่ผมชอบ คือตอนที่เฮาส์เซลเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญอย่างยุทธการลองไอส์แลนด์ (Battle of Long Island) ในช่วงสงครามปฏิวัติอเมริกา เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1776
เหตุการณ์นี้เป็นช่วงที่กองทัพอังกฤษมีกำลังเหนือกว่ามาก และสามารถตีกองทัพของจอร์จ วอชิงตันให้จนมุมได้ที่ลองไอส์แลนด์ กองทัพของวอชิงตันถูกปิดล้อมและอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตอย่างยิ่ง หากเรือรบอังกฤษสามารถแล่นขึ้นไปตามแม่น้ำอีสต์ริเวอร์ได้ กองทัพอเมริกันก็จะถูกทำลายและสงครามอาจจบลงในวันนั้นเลย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะ 'ทิศทางลมไม่เป็นใจ' - ลมไม่ได้พัดไปในทิศทางที่เรืออังกฤษต้องการ ทำให้เรือไม่สามารถแล่นขึ้นไปตามแม่น้ำเพื่อปิดล้อมกองทัพของวอชิงตันได้อย่างสมบูรณ์
ในคืนนั้นเอง ภายใต้ความมืดมิดและหมอกที่ลงจัด กองทัพของจอร์จ วอชิงตันอาศัยโอกาสนี้ในการถอนกำลังข้ามแม่น้ำไปยังแมนฮัตตันได้อย่างปาฏิหาริย์ โดยที่อังกฤษไม่ทันรู้ตัว
Morgan Housel อ้างอิงคำกล่าวของนักประวัติศาสตร์ David McCullough ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า หากลมพัดไปในทิศทางอื่นในคืนนั้น ทุกอย่างคงจบลง และคงไม่มีประเทศสหรัฐอเมริกาเหมือนในปัจจุบัน
การตัดสินใจที่สำคัญและผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์บางครั้งไม่ได้มาจากสติปัญญา การวางแผน หรือความพยายามอย่างเดียว แต่มาจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่าง "โชค" หรือ "จังหวะ" ซึ่งในกรณีนี้คือ "ลมเปลี่ยนทิศ" ที่ทำให้สหรัฐอเมริกาก่อกำเนิดขึ้นมาได้นั่นเอง
เมื่อปีที่แล้ว ผมได้เชิญ Brian Klaas ผู้เขียนเรื่อง Fluke มาพูดที่บริษัทและชวนคนที่สนใจมาร่วมฟังด้วยกัน หนึ่งในประเด็นที่ Klaas พูดถึงก็คือสิ่งดีๆ ทั้งหลายในชีวิตของเขา เขาไม่ได้เป็นคนเลือก
เขาไม่ได้เลือกที่จะมาเกิดในครอบครัวนี้ ไม่ได้เลือกที่จะมาเกิดในอเมริกา ไม่ได้เลือกที่จะมีสมองและวิธีคิดแบบนี้ แต่ปัจจัยทุกอย่างก็เกื้อหนุนให้เขามีวันนี้ได้
Klaas บอกว่า ต่อให้เขามีมันสมองที่ดี แต่ถ้าเขาเกิดในประเทศอย่างมาดากัสการ์ เขาก็คงไม่ได้ตีพิมพ์หนังสือและได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นนี้
ผมเองเคยแอบชื่นชมตัวเองเหมือนกันที่ไม่สูบบุหรี่ และดื่มเหล้าไม่เยอะ ทั้งที่เพื่อนวัยรุ่นที่โตด้วยกันมานั้นสูบบุหรี่กันเกินครึ่ง แต่พอมานั่งคิดดู ที่ผมไม่สูบบุหรี่อาจไม่ใช่เพราะว่าใฝ่ดีอะไร ผมก็แค่ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เฉยๆ และการที่ผมไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอลก็เพราะว่าไม่ชอบรสชาติและไม่ชอบอาการแฮงค์ตอนเช้าเท่านั้นเอง
ความชอบหรือไม่ชอบไม่ได้เกิดจากการเลือก แต่เกิดจากการที่สมองของผมถูกจัดเรียงไว้อย่างนี้ ไม่ต่างจากที่ผมไม่ชอบกินอาหารบางอย่างและชอบอาหารบางอย่าง หรืออย่างเรื่องการเรียนหนังสือที่เราเรียนได้ดี ขยันอ่านหนังสือ เพื่อนสมัย ม.ต้น ของผมคนหนึ่งก็เคยบอกว่า ต่อให้เขาตั้งใจอ่านหนังสือก็ใช่ว่าจะทำคะแนนได้ดี เพราะเรื่องอย่างนี้มันไม่เข้าใครออกใคร ตอนนั้นผมฟังแล้วก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มมองเห็นว่ามีความจริงอยู่บ้างเหมือนกัน
ผมเองยังคงเชื่อเรื่องความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น แต่ผมเองก็เชื่อด้วยว่าเราไม่สามารถทำทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว
เวลาเราสำเร็จ มันเกิดจากเราด้วยส่วนหนึ่ง แต่มันก็ยังมีปัจจัยที่นอกเหนือความควบคุมของเรา ไม่ต่างจากลมเปลี่ยนทิศที่ทำให้เกิดสหรัฐอเมริกา หรือการตัดสินใจไม่ไปเล่นสกีรอบสองที่ทำให้คนคนหนึ่งมีชีวิตรอดมาเขียนหนังสือขายดี
ในขณะเดียวกัน เวลาเราล้มเหลว เราก็ไม่ได้ล้มเหลวเพราะตัวเราเองคนเดียว บางทีเราพยายามเต็มที่แล้ว แต่ถ้าปัจจัยอื่นๆ ไม่เกื้อหนุน เราก็ไม่อาจบรรลุสิ่งที่หวังไว้เช่นกัน
อย่าโทษตัวเองเกินไป อย่ามั่นใจเกินเบอร์
เมื่อตระหนักว่าเราไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวหรือแม้กระทั่งปัจจัยหลักของความสำเร็จหรือความล้มเหลว เราก็จะมีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความรู้สึกขอบคุณ และมีเมตตาต่อตัวเองและผู้อื่นอย่างที่ควรจะเป็น
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
โจรกลืนจี้มูลค่า 1 ล้านบาทลงท้อง ตำรวจรอให้ของกลางออกมาเอง
เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เจอคลื่นความหนาวเย็นรุนแรงและพายุหิมะถล่ม การเดินทางชะงักทั่วเมือง
(โคตรจริง!) ทำไมเพื่อนคุณถึง 'หลับใน 5 นาที' ได้ทุกที่? เปิด 3 'ความลับสมอง' ที่คน Overthinking ต้องรู้ก่อนเริ่มวันหยุด! 😴
เผยคำทำนาย "บาบา วานก้า" ปลายปี 2025 มนุษย์ต่างดาวอาจโผล่กลางงานฟุตบอลโลก