รู้หรือไม่!มุสลิมเคยฟาดยิวมาแล้วราว 1400 ปีก่อน!
ขณะที่เขียนบทความนี้ (24 มิ.ย.68) สงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ดำเนินมาอย่างดุเดือดอยู่ในช่วงหยุดยิงหลังจากต่างฝ่ายต่างถล่มขีปนาวุธใส่กันอย่างหนัก แต่รู้หรือไม่ว่าเมื่อประมาณ 1,400 ปีก่อนชาวมุสลิมกลุ่มแรกก็เคยรบกับชาวยิวมาแล้ว และฝึกในครั้งนั้นจำนวนทหารฝั่งมุสลิมน้อยกว่าฝั่งยิวถึง 10 เท่า!!
ยุทธการไคบาร์ (ภาษาอาหรับ: غَزْوَة خَيْبَر) เป็นการต่อสู้ห้ำหั่นด้วยอาวุธระหว่างชาวมุสลิมและชุมชนชาวยิวแห่งไคบาร์ในปีค.ศ. 628 ไคบาร์เป็นโอเอซิสที่ตั้งอยู่ห่างจากจังหวัดเมดินาในซาอุดิอาระเบียปัจจุบันไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 150 กิโลเมตร เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวยิวขนาดใหญ่ และตกเป็นของมุสลิมในศตวรรษที่ 7 หลังจากยุทธการไคบาร์
ชาวยิวที่อาศัยอยู่ในไคบาร์เป็นกลุ่มชาวยิวที่ลี้ภัยจากกองกำลังมุสลิมเมืองเมดินา โดยในปี 625 บานู นาดีร์ (Banu Nadir) ซึ่งเป็นผู้นำของชาวยิวกลุ่มนี้ก็ได้มาตั้งรกรากอยู่ในเคย์บาร์ ในปี 627
ชาวยิวเป็นศัตรูตัวฉกาจของชาวมุสลิมและต้องการทำลายล้างชาวมุสลิมในเมดินา ด้วยเหตุนี้ชาวยิวจึงได้ขอความช่วยเหลือจากกลุ่ม บานู กาฟตัน ซึ่งเป็นชาวอาหรับ และเสนอว่าจะมอบผลผลิตครึ่งหนึ่งของเมดินาให้พวกเขาหลังจากชนะชาวมุสลิม
นอกจากนี้ชาวยิวยังได้รับการสนับสนุนจากชาวมุสลิมปลอมในเมดินา ซึ่งชาวมุสลิมปลอมนี้แท้จริงแล้วต่อต้านชาวมุสลิมในเมดินา และแจ้งข่าวแผนการของชาวมุสลิมในเมดินาแก่ชาวยิว
เมื่อศาสดามูฮัมหมัดทราบถึงแผนการชั่วร้ายของชาวยิวและกลุ่มบานู กิฟตัน ก็ตัดสินใจโจมตีไคบาร์เพื่อปกป้องชาวมุสลิม
ในตอนแรก กองทัพมุสลิมจำนวน 1,400-1600 นายภายใต้การนำของศาสดามูฮัมหมัด ได้เดินทางไปถึงจุดที่เรียกว่าราจิ ซึ่งอยู่ระหว่างไคบาร์และ บานู กาฟตัน ไม่ช้ามุสลิมก็โจมตีชาวบานู กาฟตัน ด้วยความกลัว พวกบานู กาฟตัน จึงล่าถอยและตัดสินใจไม่ช่วยชาวยิวในการทำสงครามกับมุสลิมอีกต่อไป
ยุทธการที่ไคบาร์ไม่ใช่การสู้รบที่จบลงอย่างเด็ดขาดในครั้งเดียว แต่เป็นการต่อสู้และการปิดล้อมป้อมปราการต่างๆ ภายในโอเอซิส ชาวมุสลิมเริ่มปิดล้อมโดยเผชิญกับการป้องกันที่มุ่งมั่นและจัดระบบอย่างดีของชาวชาวยิว และต้องต่อสู้มากมายเพื่อยึดป้อมปราการของไคบาร์
มีผู้นำของฝั่งมุสลิมนำทัพพยายามเข้ายึดป้อมไคบาร์หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถตีแตกได้จนกระทั่ง ท่านฮาซรัต อาลี ได้รับมอบหมายจากศาสดามูฮัมหมัดให้นำทัพเพื่อพิชิตป้อมไคบาร์
ด้วยความกล้าหาญและแข็งแกร่งของ ฮาซรัต อาลี ก็ได้โจมตีป้อมปราการหลายแห่งในไคบาร์ทีละนิด เมื่อชาวยิวตระหนักว่ามุสลิมแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากจึงตัดสินใจยอมแพ้ต่อมุสลิมและขอให้ศาสดาไว้ชีวิตและปล่อยพวกเขาไป และเพื่อเป็นการตอบแทนชาวยิวจะมอบผลไม้และเมล็ดพืชครึ่งหนึ่งที่เก็บเกี่ยวได้ในดินแดนไคบาร์ให้ชาวมุสลิม
ศาสดามูฮัมหมัเยอมรับข้อเสนอและอนุญาตให้ชาวยิวใช้ชีวิตอย่างอิสระในไคบาร์หากพวกเขาทำการเกษตร ใช้เงินของตนเอง และมอบผลผลิตครึ่งหนึ่งให้กับชาวมุสลิม แม้ชาวมุสลิมจะมีอำนาจในการขับไล่ชาวยิวออกไปก็ได้แต่ก็ไม่ทำ
การสู้รบครั้งนี้ใช้เวลา 20 วัน สายมุสลิมยึดฐานที่มั่นของชาวยิวในโอเอซิสไคบาร์ มีทหารมุสลิมประมาณ 15-18 นายถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ 50 นาย ในขณะที่ชาวยิว 93 คนถูกกองทัพมุสลิมสังหาร
ผลจากศึกครั้งนี้คือชุมชนมุสลิมแข็งแกร่งขึ้นทางด้านเศรษฐกิจ และยังเป็นการกระตุ้นให้ชนเผ่าอาหรับอื่นๆ ทำสัญญาพันธมิตรกับมุสลิม ซึ่งช่วยให้ศาสนาอิสลามรุ่งเรืองในไคบาร์ ชนชาวยิวค่อยๆ สูญเสียอิทธิพล





















