เปิดตำนาน พระแก้วมรกต จากหินอมรโกฏ สู่พุทธปฏิมาคู่แผ่นดิน
เรื่องราวเริ่มต้นประมาณ พ.ศ. 500 ณ อินเดียโบราณ เมื่อ พระนาคเสน (จากมิลินทปัญหา) ต้องการสร้างพระพุทธรูปเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา แต่กลัวว่าหากสร้างจากวัสดุล้ำค่าจะเกิดการแย่งชิง จึงคิดสร้างจากหิน ความตั้งใจนี้ไปถึง พระอินทร์ จึงชวน พระวิสสุกรรม (เทพแห่งช่าง) ลงมาช่วย แรกเริ่มพระอินทร์เสนอใช้ "แก้วมณีโชติ" ซึ่งเป็น 1 ใน 7 แก้ววิเศษของพระจักรพรรดิราชบนภูเขาวิบูลย์ แต่พระวิสสุกรรมทักท้วงว่ามีกุมภัณฑ์เฝ้าอยู่ หลังจากเจรจากับกุมภัณฑ์ไม่ได้ผล กุมภัณฑ์จึงแนะนำให้ใช้ "หินแก้วอมรโกฏ" ซึ่งเป็นพญาแก้วอีกดวงที่อยู่ใกล้กันแทน
พระอินทร์และพระวิสสุกรรมจึงตกลง พระวิสสุกรรมแปลงกายเป็นพราหมณ์แกะสลักหินอมรโกฏเป็นพระแก้วมรกต จากนั้นพระนาคเสนและพระอินทร์ได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระธาตุสำคัญเข้าไปประดิษฐานภายในองค์พระแก้วมรกต ทำให้พระองค์ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น
การที่ใช้ "หินแก้วอมรโกฏ" จากภูเขาวิบูลย์สร้างองค์พระแก้วมรกตนี้เอง ทำให้เกิดธรรมเนียมการมียักษ์เฝ้าประตูวัดพระแก้วที่แตกต่างจากวัดอื่น โดยทั่วไปยักษ์ทวารบาลจะหันหน้าออกนอกวัด แต่ ยักษ์ที่วัดพระแก้วจะหันหน้าเข้าหาองค์พระ เหตุผลคือ ยักษ์เหล่านี้คือ "กุมภัณฑ์" ที่เคยเฝ้าแก้วมณีวิเศษบนภูเขาวิบูลย์ มีหน้าที่ปกป้องแก้วมณี จึงต้องหันหน้าเข้าสู่ภายในเพื่อเฝ้าองค์พระแก้วมรกตนั่นเอง
เมื่อเกิดกลียุคในอินเดีย พระแก้วมรกตถูกอัญเชิญหนีไปที่ เกาะลังกา (ศรีลังกา) ต่อมาประมาณ พ.ศ. 1200 พระเจ้าอนุรุทธ (อโนรธา) กษัตริย์พุกาม ทรงไปคัดลอกพระไตรปิฎกจากลังกา และอัญเชิญพระแก้วมรกตกลับพม่าพร้อมพระไตรปิฎก 4 มัด โดยแบ่งเรือ 2 ลำ แต่เรือลำที่ 2 ที่มีพระแก้วมรกตและพระไตรปิฎก 2 มัด ประสบพายุพัดและไปขึ้นฝั่งที่ นครธม กัมพูชา กษัตริย์กัมพูชาจึงนำไปบูชา พระเจ้าอโนรธาตามไปทวงคืนและแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ จนกษัตริย์กัมพูชายอมคืนพระไตรปิฎก แต่ พระเจ้าอโนรธาทรงลืมอัญเชิญพระแก้วมรกตกลับไปด้วย ทำให้พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ที่กัมพูชาตั้งแต่นั้นมา
กาลเวลาผ่านไป ณ กัมพูชา เกิดเหตุการณ์ลูกกษัตริย์เลี้ยงแมลงวันกับลูกปุโรหิตเลี้ยงแมงมุม ซึ่งแมงมุมกินแมลงวัน ทำให้ลูกกษัตริย์โวยวายและกษัตริย์สั่งประหารลูกปุโรหิต การกระทำนี้ผิดศีลธรรม ทำให้ พญานาคผู้ดูแลโตนเลสาบ โกรธและบันดาลให้เมืองจมลง ผู้คนจึงอัญเชิญพระแก้วมรกตหนีออกจากเมือง
หลังจากการเดินทางอีกหลายครั้ง พระแก้วมรกตก็มาถึง เชียงราย และประดิษฐานอยู่ที่นั่นยาวนาน จนเกิดสงครามกลางเมือง ผู้คนจึงพอกปูนปิดองค์พระเพื่อซ่อนจากข้าศึก จนกระทั่งวันหนึ่งปูนกะเทาะออกเผยให้เห็นเนื้อสีเขียวมรกตภายใน ทำให้พระแก้วมรกตกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ณ วัดพระแก้วจังหวัดเชียงราย
ต่อมา พระเจ้ากือนาแห่งเชียงใหม่ประสงค์จะอัญเชิญไปเชียงใหม่ แต่พระแก้วมรกตแสดงปาฏิหาริย์ โดยในตำนานทั่วไปเล่าว่าช้างที่อัญเชิญไม่ยอมไปเชียงใหม่ แต่มุ่งหน้าไป ลำปาง (เขลางค์นคร) ส่วนในรัตนพิมพวงศ์กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะยกไปเชียงใหม่ก็ยกไม่ขึ้น ทำให้พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ที่ลำปางในที่สุด
เรื่องราวที่เล่ามานี้เป็นตำนานอันอัศจรรย์ของพระแก้วมรกตที่จบลงที่ลำปาง แม้ตำนานจะกล่าวถึงการกำเนิดในอินเดีย แต่จากหลักฐานทางพุทธศิลป์ นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าพระแก้วมรกตน่าจะสร้างขึ้นในบริเวณสุวรรณภูมิ โดยมีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปสกุลช่างเชียงแสน หรืออาจเป็นสกุลช่างพะเยา




















