เดินดูวิถีชีวิตในยามเช้า (อินเดียเมืองกุสินารา)
วิถีชีวิตของคนเมืองต่างเร่งรีบ หน้าที่อาชีพต้องเร่งหา
ออกเดินทางตอนเช้าเดินตั้งตา เพื่อครอบครัวนั้นหาเลี้ยงทุกคน
วิถีชึวิตของผู้คนในเมืองเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนเช้า ถนนที่ไม่ได้กว้างมากสำหรับในการเดิน ขับรถ หรือนั่งจักรยานถีบ เวลานั่งนั้นส่วนมากจะนั่งคนเดียวสองคนได้ทั้งหมด จะคิดราคาเป็นบุคคล ไปใกล้ไปไกลจะต้องตกลงราคาก่อน ลงปุบจ่ายเลยไม่อย่างนั้นได้คุยกันยาว ส่วนมากนั้นจะใช้จักรยานในการเดินทางมีรถใหญ่บ้างแต่น้อย ทำให้รถนั้นไม่ค่อยติด แต่ที่ติดเพราะว่าหลายชนิดมากรถ ใครจะไปก่อนไปเลยไม่ต้องรอตกลงกัน
การใช้ชีวิตที่ไม่มีใครสนใจใคร หากว่าในบ้านเรานั้นจะมีในการทักทายกันบ้าง แต่ที่นี่ไม่เลยซื้อของก็จับจ่ายเงินแล้วไม่ได้คุยกันเหมือนคนรู้จักถามสารทุกข์กัน
สังเกตถนนนั้น ไม่ได้ระบุเลนในการขับ ได้หมดเลย ไม่ว่าจะขามาหรือขาไป จอดตรงไหนได้เสมอเมื่อเธอต้องการ เดินได้หมดปลอดภัยข้ามเลยถนน แต่เรื่องของความปลอดภัยดี สวมใส่หมวกนิรภัยกันเยอะ
ตรงนี้ให้ความร่วมมือมากในการขอถ่ายภาพ เขาจะยิ้มเป็นมิตรด้วย ส่วนก็จะมีบ้างมุงเพราะว่าความสงสัย แต่ว่าไม่ได้ถามไม่ได้อะไร ดูแล้วเดินไปไม่ค่อยอยากรู้
หากว่าเป็นที่ไทยนี่ต้องมีจอดเพราะว่าไม่รู้จะไปทางไหน รถเล็กหลบรถใหญ่ มอไซค์หลบคน เป็นไปอย่างปกติไม่ได้แปลกกว่าทุกวันบางทีรถขนของใหญ่ๆ มารถด้านหลังก็จอดรอจนกว่าจะไปได้ ไม่ได้ลงมาไล่หรืออะไร แบบนี้สงบสุขดี อุบัติเหตุนั้นไม่ต้องคิดไม่เห็นเลยตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่หนึ่งเดือน
ในมุมนี้ถ้าหากในไทยจะต้องมีไฟแดงแล้ว แต่ในอินเดียไม่ต้องมีไฟแดง การหยุดรถการระบายรถน้ันไม่ต้องใช้ตำรวจจราจร ไม่มีไม่ว่าจะไปตรงไหน ได้ทั้งหมด ป้ายจราจรมีไหม เห็นแต่ว่าน้อยมาก เหมือนว่าความมีน้ำใจในการขับรถที่นี่ดีมาก ไม่ได้มองหน้าหรือมองตาอะไร ขับไปเรื่อยๆ แล้วเสียงของแตรรถก็มีบ้างแต่ว่าไม่เยอะอาจจะเพราะว่าในเมือง รถระบายออกไปได้ในเวลาไม่นาน มีทั้งรถไถ คนเดิน รถยนต์ รถบาส เข้ามารวมกันใช้ในถนนที่เดียวกัน ไม่ได้แบ่งแยกบางทีนั้นมีรถบรรทุกเข้ามา เกวียนอีก หรือมีวัว เดินมาเล่นด้วยแต่ไม่มีเจ้าของนะ แต่เมื่อไหร่ที่เรานั้นชนหรือมีรถทำร้ายวัว เจ้าของจะออกมาเยอะมากเพื่อที่จะทำร้ายคนที่ทำร้ายเจ้าวัวทันที
ตรงนี้ก็คือถนนเช่นกัน ที่เรายืนนั้นไม่ได้เพราะว่าอะไรนะ แต่ว่าเรานั้นยังไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน ไม่มีช่องว่างเลย แล้วเขาก็มองเราว่าเรานั้นจะหลบทางให้รถไหม ชีวิตที่เรียบง่ายของแท้ ไม่ได้เร่งรีบไปไหนเลย เรานะ แต่คนที่นี่นั้นเวลาที่เขาไปทำงาน เขาจะออกจากบ้านก่อนประมาณชั่วโมง เพราะว่าไม่อาจคาดเดาในการจราจรได้เลย ว่าจะเจอหรือจะติดตรงไหน แต่เรานั้นเราจะรู้ได้เลยเพราะว่าในไทยจะมีไฟแดงและรถเยอะ แต่ที่นี่่ก็เยอะและหลากหลายด้วย
สำหรับเรานั้นเดินทางโดยการนั่งรถจักรยานถึบ แต่จอดรอนานเราก็นั่งอยู่ไม่ได้ลงอะไรเพราะว่ายังไม่ถึงที่หมาย แต่หากว่าเรารู้ทางนั้นเดินดีกว่าเพราะการเดินเร็วกว่า เดินสบายๆ ไม่ได้สนใจรถ แต่ว่ารถนั้นจะมองเราเอง อิสระมากในการเดินทาง ใครกล้าได้ไปใครไม่กล้าก็จอดรอไปเลยสามสิบนาที
การเดินทางที่สะดวกและราคาไม่แพงคือรถขนาดเล็ก ขับไปใครจะขึ้นเดินขึ้นได้เลย ขอแต่ว่ามีที่ว่าง และเมื่อถึงปลายทางก็จ่ายเงิน เด็กน้อยน่ารักมากนั่งซ้อนท้ายจักรยานของพ่อ เหมือนเรานั้นไปนากับแม่ตอนเด็กๆ มีที่เก็บขาด้วยกลัวว่าจะเข้าไปในล้อรถ
มองดูแล้วมีวัฒนธรรมการขับรถบนถนนที่ยากจะคาดเดาได้ยาก แต่หากว่าเรานั้นอยู่ไปนาน จะชินเอง ดูแล้วปลอดภัยไปเลยไม่ต้องลำบากรอสัญญาณไฟแดงไฟเขียว
ร้านค้าในบริเวณนี้จะเหมือนร้านขายของชำในบ้านเรา ที่เดินเข้าไปนั้นมีขนม มีลูกอม มีน้ำอัดลมวางไว้ อยากทานเย็นจะต้องเลือกร้านหน่อยเพราะว่าส่วนมากนั้นไม่มีน้ำแข็ง เรียงกันเลยอยากได้ชี้แล้วในร้านจะหยิบให้ เพราะว่าร้านนั้นมีพื้นที่จำกัดอยู่ได้คนเดียว
ใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานเพราะว่าเดินไปแล้วหาทางออกไม่ได้ จะเดินกลับก็ไม่ได้ต้องเดินไปเรื่อย แล้วออกมาทางลัดเพื่อมาหารถอีกที แต่หากว่าคนไม่เยอะเรากลับออกมาทางเดิมได้หากไม่มีคนในพื้นที่นำทาง
เป็นการเดินรอบเมืองชมเมืองที่มีทุกรสชาติร้อน ตื่นเต้นและมีรอยยิ้ม เรื่องราวให้ได้เล่าหลายเรื่องเลย แต่ทุกคนที่นี่น่าจะมาจากหลายที่ไม่รู้จักกัน หรือว่าเขาไม่มีเวลาทักทายกันมากกว่า

















