อาสนวิหารอัสสัมชัญ โบสถ์สำคัญคู่กรุงเทพฯ กับเรื่องราวที่น่าสนใจกว่าที่คิด
อาสนวิหารอัสสัมชัญ ถนนเจริญกรุง ไม่ได้เป็นเพียงโบสถ์เก่าแก่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในประเทศไทย ที่มาพร้อมเรื่องราวและสถาปัตยกรรมที่น่าค้นหา
หลายคนอาจสงสัยว่า "อาสนวิหาร" (Cathedral) กับ "โบสถ์" (Church) มีความแตกต่างกันอย่างไร? คำว่า "อาสนวิหาร" มาจากคำว่า "อาสนะ" ที่แปลว่า ที่นั่ง หรือ เก้าอี้ ซึ่งในบริบทของศาสนาคริสต์ หมายถึง "เก้าอี้ของบิชอป" (Cathedra) ดังนั้น อาสนวิหารจึงเป็น โบสถ์ศูนย์กลางของสังฆมณฑล และเป็นที่ประทับของบิชอปหรืออัครสังฆราชประจำสังฆมณฑลนั้น ๆ
ในประเทศไทย ปัจจุบันมีพระคาร์ดินัล 2 ท่าน คือ ท่านเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช และท่านฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ซึ่งตำแหน่งพระคาร์ดินัลเป็นสมณศักดิ์ที่แต่งตั้งโดยสันตะสำนัก ไม่ใช่ตำแหน่งที่มาจากการบวชโดยตรง แต่ส่วนใหญ่พระคาร์ดินัลมักจะควบตำแหน่งสังฆราชหรืออัครสังฆราชด้วย อาสนวิหารอัสสัมชัญจึงถือเป็นโบสถ์สำคัญอันดับหนึ่งในกรุงเทพฯ
โบสถ์อัสสัมชัญแห่งแรกไม่ได้มีหน้าตาเหมือนอาคารที่เราเห็นในปัจจุบัน ก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยบาทหลวงปัสกัล ลูกครึ่งไทย-โปรตุเกส ซึ่งศรัทธาในแม่พระอัสสัมชัญ และต้องการสร้างสถานที่เพื่อเป็นเกียรติแก่พระแม่มารีย์ ชื่อเดิมของโบสถ์แห่งนี้คือ "วัดสวนท่าน" ซึ่งสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า "อัสสัมชัญ" ในภาษาโปรตุเกส หรืออาจเป็นเพราะสร้างบนพื้นที่ที่เป็นสวนมาก่อน
โบสถ์รุ่นแรกน่าจะมีลักษณะคล้ายกับโบสถ์ซางตาครู้สหลังแรก คือเป็นเรือนไม้ที่มีหน้าจั่วสามเหลี่ยม และลวดลายประดับตกแต่งแบบตะวันตกที่เรียกว่า "อาคารทรงวิรันดา" ซึ่งได้รับอิทธิพลศิลปะแบบบาโรกจากยุคพระนารายณ์ แต่มีการผสมผสานกับความเป็นไทย ก่อนจะค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
อาสนวิหารอัสสัมชัญหลังปัจจุบัน เริ่มก่อสร้างในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 และเสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 6 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานหลายยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นหอคอยคู่หน้าแบบโรมาเนสก์ กระจกแบบโกธิก และภายในที่มีศิลปะอาร์ตเดโค ซึ่งหาชมได้ยากในประเทศไทย
คำว่า "อัสสัมชัญ" (Assumption) ในทางศาสนาคริสต์หมายถึง "การที่แม่พระมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชาวคาทอลิกรู้จักกันดี แม้จะไม่ได้ปรากฏในพระคัมภีร์โดยตรง แต่ถือเป็นธรรมประเพณีสำคัญที่ประกาศให้เชื่ออย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุนี้ รูปเคารพประธานภายในโบสถ์จึงเป็นรูปแม่พระเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
ในปีนี้ (2025) เป็นปีศักดิ์สิทธิ์ อาสนวิหารอัสสัมชัญได้รับการกำหนดให้เป็น "วัดแสวงบุญ" ทำให้มีการเปิดให้เข้าชมบ่อยขึ้นกว่าปกติ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่สนใจเยี่ยมชมความงามและศึกษาประวัติศาสตร์ของโบสถ์แห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันอาทิตย์ที่มีพิธีมิสซา ก็จะเปิดให้เข้าชมได้แน่นอน
อาสนวิหารอัสสัมชัญถือเป็นหนึ่งใน "ของดีของกรุงเทพฯ" ที่สามารถเทียบเคียงกับโบสถ์สำคัญในต่างประเทศได้ ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และเรื่องราวทางศาสนาที่น่าสนใจ ทำให้การเยี่ยมชมโบสถ์แห่งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
















