อยู่ที่ไหนคือคนที่นั่นจริงกลมกลืนได้หมด (อินเดีย)
หากว่าถามว่าฉันนั้นคือคนที่ไหน จริงๆแล้วใช่เกิดที่ไทยแน่นอน
แล้วถามต่อว่าใช่คนที่นี่ไหม คำตอบคือใช่มาอยู่ที่นี่
เรื่องราวของคนเรานั้นมีเสมอ ในทุกครั้งที่ได้เดินทางไปในประเทศอินเดีย สองครั้งที่มีครอบครัวหนึ่งที่เดินมาพร้อมกับลูกชาย มีพ่อแม่ และน้องเดินมาด้วย เดินมาเราเองก็ไม่คิดว่าเขานั้นมาคุยกับเราเพราะว่าเรานั้นไม่เคยรู้จักกัน
ทำไมถึงชอบเดินคนเดียว จริงๆ แล้วไม่ได้ชอบเดินคนเดียวแต่ว่าเรานั้นมาด้วยกันสองคน ไปกับคณะแต่ว่าเรามาในหน้าที่ของการเก็บความรู้เมื่อเราฟังประวัติการเล่าเรื่องของสถานที่นั้นจบลงแล้ว เราก็มีเวลาในการเดินเพื่อสำรวจสถานที่ ตามใจนั่นหละ
ตอนนั้นเราเองไม่ได้เงยหน้า เจออีกทีคือพ่อของเขานั้นบอกเราว่าหยุดก่อนได้ไหม เป็นภาษาฮินดี บอกว่าครอบครัวของเรานั้นต้องการที่จะอยากได้หนูมาอยู่ในครอบครัว ตอนนั้นอึ้งอยู่เพราะว่าไม่มีตัวช่วยที่มาเป็นล่ามเพราะว่าหากคุยมากกว่านี้น่าจะไม่รู้เรื่อง พูดเร็วมาก
ต่อจากนั้นผู้เป็นแม่ขอลูบหัวเรา เราไม่รู้ได้ตามใจแสดงถึงความเอ็นดู ไม่นานบาบูนั้นเดินมา แล้วบอกเราว่าคนที่นี่ถือว่าเป็นวัฒนธรรมคือเมื่อไหร่ที่พ่อแม่ของฝ่ายชายนั้นลูบหัวของฝ่ายหญิงนั่นแสดงว่ารับที่จะเป็นลูกสาวแล้ว นั่นคือตกลงในการแต่งงานและจะดูใจกัน ผู้ชายแลพผู้หญิงที่นี่จึงไม่อยู่ใกล้กัน ชายจะมีที่อยู่ของเขา ไม่มาใกล้กับหญิงเพราะว่าหญิงนั้นจะต้องเรียนในเรื่องของการเรือนการดูแลปรนิบัติผู้ชาย
ด้วยความไม่รู้เลยให้บาบูคุย เขาบอกว่าเขานั้นไม่ยอมจะนำเรากลับไปบ้านด้วย จึงมีการบอกว่า เราไม่ใช่คนที่นี่จึงไม่สามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้
เกือบแล้วไหมจะได้เป็นสาวอินเดีย แต่บาบูบอกกับเราว่า คนอินเดียนั้นเราจะดูกันที่ชั้นวรรณะในการจะแต่งงาน วรรณะที่ต่ำกว่านั้นจะไม่แต่งงานกับวรรณะที่สูงกว่า แต่การที่ฝ่ายผู้ใหญ่จับหัวลูบหัวเรานั้นแสดงว่าเรานั้นได้รับการยอมรับของผู้ใหญ่แล้ว
เราเหมือนคนอินเดียอย่างนั้นหรืออาจจะด้วยสีของผิวจึงทำให้มีออร่าเวลาที่ชายมองมานั้นเขาจะชอบผู้หญิงที่มีผิวขาว ไม่ต้องตกใจเพราะว่าคุยให้แล้ว
หากเลือกได้คงไม่อยู่อินเดียแม้ว่าจะชอบผู้คนที่นี่และความสบายในการใช้ชีวิต แต่ก็ไม่สุขเท่าอยู่ในที่ที่เรานั้นเกิด
ไม่นานนั่งเล่นอยู่ในสวนสนามหญ้า กำลังมีการถ่ายละครอินเดีย คนอินเดียมาขอให้เราเดินผ่านกล้องให้หน่อยเพื่อที่จะได้เก็บภาพ
เมื่อเราเดินทางไปที่ไหน ในหลายประเทศจะมีคนชอบมาทักและถามเราว่าเราเป็นคนที่นี่ใช่หรือไม่ แต่จริงแล้วเราไม่ใช่แต่เรานั้นชอบทำตัวเหมือนว่าเรานั้นเป็นคนที่นี่ ทำเหมือนว่าเรานั้นอยู่มานาน หากว่าทำเหมือนเราไม่รู้เรื่องอาจจะถูกมองว่าเรามาจากที่อื่นอาจจะทำให้มิจฉาชีพมองเราได้
เหตุการณ์วันนั้นทำให้เรานั้นได้ครอบครัวอีกในอินเดีย แต่ว่าเรานั้นไม่ได้รับที่จะเป็นภรรยา แต่รับที่จะเป็นน้องสาวและลูกสาวของครอบครัวนั้น มีการติดต่อกันทางเฟซและโทรศัพท์ คุยกันเวลาที่เรานั้นไปอินเดีย จะไปทานอาหารที่บ้านด้วยตลอด อาหารที่ทานส่วนมากจะเป็นอาหารพื้นเมืองแต่เรานั้นนำอาหารไทยไปให้พ่อแม่ได้ชิม
ความรักที่ครั้งหนึ่งเกิดจากความไม่รู้กลายมาเป็นมิตรภาพที่ดี เรารักในที่นั่นและรักที่เป็นแบบนั้น ความผูกพันนั้นเราอาจจะเคยมาอยู่ที่นี่ และเกิดที่นี่ในชาติใดชาติหนึ่งเมื่อเรานั้นมาจึงมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาและมาสนทนาด้วย
การแต่งกายในการเดินในอินเดียนั้นเราจะต้องมิดชิดเพราะว่าเรานั้นเดินเข้าไปแต่ในสถานที่ที่เราเรียกกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยพุทธกาล สถานที่ที่มีแต่คนที่ศรัทธาในศาสนาพุทธ เรายังกลับมาที่นี่อีกหลายครั้ง มีครั้งแรกครั้งที่สอง ครั้งที่สามจนมาในครั้งที่สี่ ใช้ชีวิตในประเทศอินเดียมากกว่าในไทย และได้ไปในทุกเมืองของอินเดีย ความสุขในการเดินทางนั้นมีเสมอ เรื่องราวรักซึ้งนึกถึงเมื่อไหร่ก็มีความสุขเสมอ

















