เจอคนขโมยของเข้าไปแสดงตัวเป็นฮีโร่หรือนิ่งเฉย?
ความอึดอัดในร้านผัก: ระหว่างศีลธรรมกับการเอาตัวรอด
เช้าวันนั้นเป็นเช้าวันธรรมดาที่ฉันตั้งใจจะไปซื้อผักที่ร้านชำใกล้บ้าน ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ที่มีส่วนหนึ่งจัดเป็นแผงผักสดอยู่ในห้องล็อคขนาดประมาณ 2 x 5 เมตรที่มุมขวาของร้าน ฉันเดินเข้าไปในส่วนนั้นเพื่อเลือกผักที่ต้องการ ทันใดนั้น สายตาของฉันก็ปะทะเข้ากับร่างสูงผอม ผิวคล้ำคนหนึ่ง ตอนแรกฉันคิดว่าเขาคงเป็นลูกจ้างของร้าน หรือไม่ก็เป็นญาติเจ้าของร้านที่มาช่วยจัดของ
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น! ฉันเห็นเขากำลังล้วงเอาน้ำมันพืชขวดขนาดกลางยัดใส่กระเป๋ากางเกงของเขาอย่างรวดเร็วและแนบเนียน หัวใจของฉันเต้นระรัวด้วยความตกใจ ปฏิกิริยาแรกคืออยากจะตะโกนบอกเจ้าของร้านทันที แต่ก็มีเสียงหนึ่งในใจบอกให้ฉันหยุดคิดก่อน "เขาขโมยจริงเหรอ? หรือฉันแค่ตาฝาดไปเอง?" ฉันตัดสินใจแสร้งทำเป็นไม่เห็น พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด แล้วแอบเหลือบมองสถานการณ์ต่อไป
ชายคนนั้นทำท่าทีปกติมากๆ หลังจากยัดน้ำมันพืชลงกระเป๋า เขาก็เดินไปหยิบถั่วฝักยาวขึ้นมาหนึ่งกำมือ แล้วตรงไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน เขาสนทนากับเจ้าของร้านอย่างสนิทสนม หัวเราะร่าเริง และดูเหมือนเป็นลูกค้าประจำที่รู้จักมักจี่กับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี และแล้วสิ่งที่ฉันกังวลก็เกิดขึ้นจริง เขายื่นเงินให้เจ้าของร้านเพื่อจ่ายค่าถั่วฝักยาวเท่านั้น ส่วนน้ำมันพืชขวดนั้นยังคงอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาอย่างเงียบเชียบ ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความอึดอัดใจอย่างแสนสาหัส ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตีกันในหัวอย่างรุนแรง "ฉันควรจะบอกเจ้าของร้านไหม?" คำถามนี้วนเวียนอยู่ในความคิดไม่หยุดหย่อน หากฉันบอกไป แล้วเขาปฏิเสธล่ะ? หากเจ้าของร้านไม่เชื่อฉันล่ะ? หรือที่เลวร้ายกว่านั้น หากชายคนนั้นไม่พอใจและเข้ามาทำร้ายฉันล่ะ? ท่าทางที่เขาสนิทสนมกับเจ้าของร้านยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก การที่ฉันเข้าไปยุ่งอาจทำให้ฉันเดือดร้อนโดยไม่จำเป็นหรือเปล่า?
ใจหนึ่งก็อยากจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ใจอีกหนึ่งก็กลัวความวุ่นวายที่จะตามมา สถานการณ์นี้มันบีบคั้นหัวใจฉันเหลือเกิน ระหว่างการเข้าไปยุ่งเพื่อผดุงความยุติธรรม กับการไม่ยุ่งเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ฉันควรเลือกทางไหนดี? นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตัดสินใจ
สุดท้ายแล้ว ชายคนนั้นก็จ่ายเงินเสร็จและเดินออกจากร้านไปพร้อมกับถั่วฝักยาวและน้ำมันพืชที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋า ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ความอึดอัดใจยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจ
ฉันเดินเลือกผักต่ออย่างเหม่อลอย ความคิดยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น บทบาทของผู้เห็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว มันช่างเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนและหนักอึ้ง ฉันรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรเพิกเฉย แต่ความกลัวก็มีเหตุผลของมันเอง และในสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำผิดกับเจ้าของร้านดูเหมือนจะสนิทสนมกัน การเข้าไปเกี่ยวข้องอาจนำมาซึ่งปัญหาที่คาดไม่ถึงได้จริงๆ
ฉันจ่ายเงินค่าผักของฉันไปอย่างเงียบๆ เดินออกจากร้านมาพร้อมกับความรู้สึกที่ยังค้างคาใจ นี่อาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่สำหรับฉันแล้ว มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ฉันต้องกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง การทำสิ่งที่ถูกต้องนั้นมันไม่ง่ายเสมอไป และบางครั้ง การเลือกที่จะไม่ยุ่ง อาจเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆ ก็เป็นได้
แม้เวลาจะผ่านไป ความรู้สึกอึดอัดใจในเช้าวันนั้นก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของฉัน เป็นบทเรียนเล็กๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของสังคม และการตัดสินใจที่ต้องเผชิญหน้าระหว่างศีลธรรมส่วนตัวกับความปลอดภัยของตัวเอง
***บางทีเรื่องผักมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งถ้าเป็นเรื่องที่มากกว่านี้........***
















