เรื่องราวเบื้องหลังภาพถ่ายสุดสะเทือนใจของโอมายรา ซานเชซ
โอมายรา ซานเชซ เด็กหญิงชาวโคลอมเบียวัย 13 ปี กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสูญเสียและความกล้าหาญในเหตุการณ์ภูเขาไฟเนวาโด เดล รุยซ์ปะทุในปี 1985 ซึ่งทำให้เมืองอาร์เมโรถูกโคลนถล่มจนพังทลาย
ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 1985 ภูเขาไฟเนวาโด เดล รุยซ์ปะทุอย่างรุนแรง ส่งผลให้โคลนและเศษซากไหลท่วมเมืองอาร์เมโร โอมายราถูกฝังอยู่ในซากบ้านของเธอ โดยร่างของเธอจมอยู่ในน้ำและโคลนลึกจนถึงคอ เธอติดอยู่ในสภาพนั้นนานถึง 60 ชั่วโมง ท่ามกลางความพยายามช่วยเหลือที่ไม่สำเร็จ
ช่างภาพชาวฝรั่งเศส แฟรงก์ ฟูร์เนียร์ เดินทางมาถึงอาร์เมโรในวันที่ 16 พฤศจิกายน และได้ถ่ายภาพโอมายราในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ภาพที่ชื่อว่า "The Agony of Omayra Sánchez" แสดงให้เห็นความเจ็บปวด ความกล้าหาญ และศักดิ์ศรีของเด็กหญิงที่กำลังเผชิญกับความตายอย่างสงบและเข้มแข็ง แม้จะอยู่ในสภาพที่น่าสลดใจ
โอมายราพูดคำสุดท้ายด้วยความรักต่อครอบครัวว่า "แม่ ฉันรักแม่มาก พ่อ ฉันรักพ่อมาก น้องชาย ฉันรักน้องชายมาก" ก่อนจะจากไปอย่างสงบในวันที่ 16 พฤศจิกายน 1985
ภาพถ่ายนี้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลกและกลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลวของระบบการช่วยเหลือและการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ไม่เตรียมพร้อม แม้จะมีคำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ก่อนเกิดเหตุการณ์
แฟรงก์ ฟูร์เนียร์ เล่าว่าเขารู้สึกสิ้นหวังที่ไม่สามารถช่วยชีวิตโอมายราได้ แต่เขาตัดสินใจถ่ายภาพเพื่อให้โลกเห็นถึงความทุกข์ทรมานและความกล้าหาญของเธอ และเพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจและความช่วยเหลือจากนานาชาติ ภาพนี้ได้รับรางวัล World Press Photo of the Year ในปี 1986
โอมายรา ซานเชซ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งของจิตวิญญาณมนุษย์ที่แม้ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด
ภาพถ่ายของโอมายรา ซานเชซ คือภาพที่บันทึกความเจ็บปวดและความกล้าหาญของเด็กหญิงที่ติดอยู่ในซากโคลนหลังภูเขาไฟปะทุในโคลอมเบีย ภาพนี้สะท้อนความล้มเหลวของระบบช่วยเหลือและกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำและความเข้มแข็งของมนุษย์ในยามวิกฤต










