เรื่องราวการเอาชีวิตรอดสุดบ้าคลั่งของบรูซ กอร์ดอนกับหมีขั้วโลกแสนรัก
ในปี ค.ศ. 1757 บรูซ กอร์ดอน ชายชาวสก็อตจากเมืองแอบเดน ได้ออกเดินทางในฐานะลูกเรือบนเรือวาฬชื่อ Anne Forbes ที่แล่นอยู่ในน่านน้ำระหว่างไอซ์แลนด์และกรีนแลนด์ แต่โชคร้ายเมื่อกัปตันเรือซึ่งมีนิสัยขี้เมาได้ทำให้เรือติดระหว่างภูเขาน้ำแข็งสองลูกจนเรือพลิกคว่ำและจมลง
บรูซถูกโยนตกลงไปบนแผ่นน้ำแข็งและกลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากลูกเรือทั้งหมด เขามีเพียงพระคัมภีร์เล่มเล็กในกระเป๋าเท่านั้น วันรุ่งขึ้นเขาพบว่าเรือได้ลอยขึ้นมาและติดค้างอยู่ในน้ำแข็งในสภาพคว่ำ บรูซจึงปีนขึ้นไปบนเรือเพื่อเก็บอาหาร เครื่องดื่ม และอุปกรณ์ที่ยังเหลืออยู่เพื่อใช้ในการเอาชีวิตรอด
ไม่นานหลังจากนั้น บรูซถูกหมีขั้วโลกตัวเมียใหญ่ตัวหนึ่งบุกเข้ามาโจมตีในเรือ แต่เขาสามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยมีดแกะสลักและฆ่าหมีตัวนั้นได้ จากนั้นลูกหมีตัวเมียตัวเล็กที่เป็นลูกของหมีตัวนั้นเดินเข้ามาในเรือ บรูซรู้สึกสงสารจึงตัดสินใจรับเลี้ยงลูกหมีตัวนี้และตั้งชื่อให้ว่า "แนนซี่" เขาเลี้ยงดูแนนซี่ด้วยไขมันวาฬและปลา และสอนให้มันหาปลาและปกป้องเขาจากหมีตัวอื่นๆ
ตลอดเวลาหกปีที่บรูซและแนนซี่อยู่ด้วยกันในเรือที่คว่ำและลอยอยู่บนทะเลน้ำแข็ง พวกเขาได้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น แนนซี่เติบโตเป็นหมีขั้วโลกขนาดใหญ่ที่ปกป้องบรูซจากอันตรายต่างๆ หลังจากนั้น แผ่นน้ำแข็งที่พวกเขาอาศัยลอยไปถึงชายฝั่งทางเหนือของกรีนแลนด์ บรูซและแนนซี่ได้พบกับชาวพื้นเมืองและอาศัยอยู่กับพวกเขาเป็นเวลาหลายเดือน
ในที่สุดแนนซี่รู้สึกไม่พอใจกับชีวิตในหมู่บ้านและตัดสินใจกลับคืนสู่ป่า บรูซจึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านโดยใช้เรือแคนู เขาพายเรือจนเกือบหมดแรงและในที่สุดก็พบเรือลำหนึ่งชื่อ Briel of Amsterdam ที่รับเขาขึ้นเรือและพากลับบ้าน
บรูซ กอร์ดอน ใช้เวลารวมทั้งหมดกว่า 7 ปี 1 เดือนในการเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พร้อมกับหมีขั้วโลกแสนรักที่กลายเป็นเพื่อนแท้ของเขา และหลังจากกลับบ้านเขาก็ได้รับความเคารพนับถือในชุมชนของเขาอย่างสูง
เรื่องราวของบรูซ กอร์ดอนกับแนนซี่หมีขั้วโลกเป็นตัวอย่างของความอดทน ความกล้าหาญ และความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาระหว่างมนุษย์กับสัตว์ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด


















