เรื่องของชา แก้วนี้ได้ใจ
รักเกิดขึ้นเพราะว่าความชอบหรือความสงสาร หรือบันดาลมาเพราะสิ่งที่จัดสรร
หรือเพราะว่ารักและผูกพันในกาลนาน หรือเพราะฝันในวันที่เราใจอ่อน
แต่ก่อนนั้นไม่เคยคิดว่าจะรัก แต่พอทักใส่ใจให้กับหลง
จะอย่างไรแก้วที่วางก็ยังไง ทำไมดำรงเป็นรักตราบชั่วกาล
เรื่องราวเหล่านี้ เกิดขึ้นในชีวิตของใครคนหนึ่ง ชาไทย ชาเย็น หรืออาจจะชามะนาว ของหวานที่สาวๆ หลายคนชอบ เพราะว่าเมื่อไหร่ที่ได้ทานแล้วทำให้อร่อย แต่หากว่าราคานั้นจะเพิ่มจำนวนขึ้นตามสถานที่หรือว่าตามแบรนด์ อย่างแก้วธรรมดาชาวบ้าน อาจจะราคายี่สิบ ยี่สิบห้า แต่แพงขึ้นมาหน่อย ร้านที่มีการจัดร้านดี แพงกว่าคือราคาดัง ชาดัง กาแฟดัง แต่คนที่ชอบของแท้ต่อให้แพงขนาดไหนเขาก็ยอมที่จะจ่าย
วันนี้จะมาเล่าเรื่องราวของชาไทย ที่นำมาซึ่งเรื่องราวที่ไม่อาจจะคาดฝันได้ จะเป็นเรื่องซึ้งก็ว่าได้ หรือจะเป็นเรื่องตลกก็ไม่ผิด
เมื่อมีความรักทุกอย่างคือสิ่งที่ทำได้ทั้งหมด หรือว่าอาจจะเป็นเพราะว่าการต้องการที่จะเอาชนะมากกว่าหรือไม่ ที่ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ใกล้ หรือว่าที่นำมาให้ทุกวันนั้นใส่อะไรลงไป ระยะเวลาประมาณสามเดือนในการที่โต๊ะทำงานของหญิงสาวที่เป็นเพื่อน เธอพยายามถามว่าใครกันนะที่นำแก้วชาไทยปั่นมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขา
ในวันแรกนั้นเธอไม่ได้กินปล่อยให้มันละลายไปเพราวะ่าอย่างที่กลัวคือในเรื่องของสิ่งไม่ดี อาจจะใส่อะไรลงไปในแก้วนั้นแล้วทำให้เธอหลับไปและเกิดอันตราย แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ากินของที่นำมาวางไว้อย่างแน่นอน แต่วันต่อมาแก้วใบนั้นก็ยังมาวางเหมือนเดิม ครั้งนี้วางไว้ไม่นานและในห้องนั้นไม่มีใคร มีแต่เธอและเพื่อนเท่านั้น
แก้วปริศนานี้ถูกวางเรื่อยๆ ในทุกวัน จนเธอกับเพื่อนมองหน้ากันและคุยกันว่า หากว่าจะมีมาวางดูต่อไปว่าจะมาวางได้กี่วัน ราคาต่อแก้วไม่ได้ราคาเบากระเป๋านะ ขนาดว่าเราจะซื้อยังคิดมากเลย ยังดูไปอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์
เพื่อนของเธอเลยคิดว่าไม่เป็นไร เราจะลองกินดูว่ามันจะมีอาการอะไรบ้างไหม ยังไงเราก็อยู่ด้วยกันตลอดหากว่ามีสารอะไรพาส่งหาหมอหน่อย เพื่อนของเธอจึงเริ่มที่จะทาน จนหมดแก้วในวันนั้น พอตกกลางคืน เพื่อนทั้งสองก็เฝ้ามองสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เช้าวันต่อมาแก้วใบนั้นก็มาวางที่เดิมอีกครั้งสองอาทิตย์หากว่านับเงินก็เกือบห้าพันแล้วในการซื้อ แต่รสชาติก็ยังเหมือนเดิม ตอนนี้เพื่อนของเธอบอกว่า
การวิเคราะห์ของเราสองคนนั้นนั่งเป็นนักสืบโคนัน
1. คนที่เอามาให้นั้นจะต้องอยู่ในอาคารนี้ และเข้าออกได้สบายไม่ใช่คนนอกแน่อน เพราะว่าคนที่เราไม่รู้จักเข้ามาในห้องทำงานของเราไม่ได้ โดยที่เขาไม่มีกุญแจ
2. คนที่เอามาให้นั้นจะต้องรู้ว่าเราชอบอะไร นั้นไม่ใช่คนที่อยู่ไกลตัวแน่ และต้องไม่ใช่คนจน เพราะว่าแก้วชาเขียวปั่นแก้วละ เกือบ 100 บาท
3. ต้องมาทำงานทุกวันและมาก่อนเรา หรือมาหลังเราไม่รู้ไม่ได้วางตรงตามเวลา เช้าบ้าง บ่ายบ้าง
จากการวิเคราะห์แล้ว คนทำไม่ใส่อะไรแน่นอน กิน
"เราก็กินมาสองสามวันวันนี้น่าจะครบอาทิตย์แล้วไม่เห็นเป็นอะไรเธอกินไปเหอะตอนนี้เราอ้วนแล้วพอละ"
หลังจากนั้นมาเธอก็กินแก้วนั้นมาเรื่อยๆ นานสองเดือนสามเดือนก็ไม่ได้สนใจเพราะว่าใครมาวางไว้ที่โต๊ะก็กิน ไม่ได้ซื้อหรือว่าสั่งใคร ไม่นานเขาทั้งสองแอบมองว่าใครกันเป็นคนเอามาวางไว้ โดยการที่ติดกล้องที่หน้าโต๊ะ ประมาณสองวันจึงรู้ความจริงว่าคือโต๊ะข้างๆ ที่พยายามที่จะบอกว่ารัก แต่แสดงออกโดยการนำสิ่งที่ชอบนั้นมาวางให้ในทุกวัน เพื่อที่จะได้ใจไป ยากเหมือนกันนะ การทำแบบนี้จะแสดงถึงความชอบ
ถ้าหากว่าวันหนึ่งเราบอกว่าเรานั้นชอบแบบนี้ละ จะยอมเลี้ยงเราไหม สุดท้ายเขาก็ยอมเลี้ยง และได้บอกว่าทั้งชีวิตไม่เคยที่จะรักใครและทำให้ใครขนาดนี้ ที่ผ่านมาอาจจะนับรวมกันตั้งแต่วันแรกแล้วประมาณ สองร้อยกว่าแก้ว ตลอดระยะเวลาหกเดือน ทุกวันที่คิดว่าเรานั้นจะขึ้นมานั่งโต๊ะทำงาน เพราะว่าในโต๊ะของเรานั้นมีการเลี้ยงปลา ต้องมาให้อาหารปลา และความสุขในการทำงานคือ ได้นั่งดูปลาลอยอย่างมีความสุข แค่นี้ก็สุขใจ
หลังจากนั้นเรามีการคุยกัน แต่ก่อนเคยไม่อยากคุยไม่อยากเห็นหน้า เบื่อมากรำคาญเป็นที่สุด แต่ทำไมในวันหนึ่งถึงไปทานข้าวด้วยกัน วันวานผ่านมามันคือสิ่งที่แสดงว่าเขาห่วงใยอย่างนั้นหรือชาเขียวแก้วเดียว แอบนำมาวางที่โต๊ะทำงาน วันแล้ววันเล่าและไม่ยอมที่จะบอกความจริง
เอาจริงๆ มาถึงวันนี้ผ่านมาประมาณห้าปี ยังไม่ได้คำตอบว่าชาเขียวสองร้อยแก้วที่วางในโต๊ะทำงานเป็นของใคร เพราะว่ายังไม่แน่ใจและไม่ได้สนใจแล้ว วางไว้ก็กินวันไหนอิ่มเพื่อนก็กินแทน จะเอามาให้ตลอดจนร้านเขาเลิกขายชาเขียวเรื่องของเขาเนอะ
เรื่องตลกที่แปลกแต่มีจริง ชาเขียวของเขา แต่ว่าเราเป็นคนกิน
ในน้ำแข็งนั้นมีน้ำหวาน หากแต่น้ำหวานนั้นมีชาเขียว แต่หากมีสิ่งที่กินไม่ได้ใส่ลงไปจะต้องมีสีที่เปลี่ยนไป สิ่งนี้หาข้อมูลมาเอง
หากว่าเราจะคิดในทางลบ คนที่เอามาวางไว้นั้นจะต้องการให้เราเป็นเบาหวานหรือไม่เพราะว่านำมาวางให้ทุกวันไม่ให้เรากินข้าว เหมือนกุมาร เหมือนนำน้ำแดงมาถวายกุมาร มีหลอด มีที่วางแก้ว และไม่ได้แกะ น่าจะเอาขนมปังมาวางด้วยเนอะ ซึ้งอยู่นะ นานๆจะมีคนใส่ใจในรายละเอียดของเราว่าเรานั้นชอบอะไร ชอบกินแบบไหน และซื้อร้านไหน
















