ทำไมกะเทยถึงอินกับเวทีประกวดนางงาม มากกว่าพวกชายแท้?
ทำไมกะเทยหลายคนถึงชอบการประกวดนางงาม "ผู้หญิง"
1. ความฝันในอุดมคติของความเป็นหญิง กะเทยหลายคนเติบโตมากับความรู้สึกว่า "อยากเป็นผู้หญิง" หรือชื่นชมในความเป็นหญิงแบบที่สังคมยอมรับว่าสวย เลอค่า มีคุณค่า การประกวดนางงามหญิงจึงเป็นพื้นที่ในฝันที่แสดง “ผู้หญิงในเวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบ”—สวย สง่า ฉลาด ใจบุญ 2. พื้นที่แห่งความฝันและแรงบันดาลใจ การประกวดนางงามสำหรับบางคนไม่ใช่แค่เรื่องของความสวย แต่เป็นเวทีที่สะท้อน “ชัยชนะของผู้หญิง” ที่ต้องฝ่าฟันอะไรมามากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่กะเทยเองก็รู้สึกเชื่อมโยงได้ เพราะต้องต่อสู้กับอคติเหมือนกัน 3. ความรู้สึกเป็นเจ้าของเวทีโดยนัย เบื้องหลังเวทีนางงามมี “กะเทย” เยอะมาก ทั้งช่างแต่งหน้า ครูสอนเดิน บุคคลในวงการ ทำให้รู้สึกว่า "นี่คือพื้นที่ของเรา" แม้ผู้แข่งขันจะเป็นผู้หญิงจริงๆ ก็ตาม 4. ศิลปะและความสุนทรีย์ เวทีนางงามมีความเป็น "การแสดง" ที่มีความสุนทรีย์ทั้งการแต่งตัว ท่าทาง การพูด ซึ่งตรงกับสิ่งที่กะเทยจำนวนมากสนใจหรือมีพรสวรรค์ในด้านนี้
แล้วทำไม "ผู้ชายแท้ๆ" ส่วนใหญ่กลับไม่ค่อยดูนางงาม? 1. ความสนใจไม่ตรงสาย ผู้ชายจำนวนมากอาจไม่อินกับเรื่องของความงาม เสื้อผ้า ท่าทาง หรือคำถามจิตวิญญาณ ที่มักเจอในเวทีนางงาม เพราะถูกเลี้ยงดูให้สนใจเรื่อง "แอคชั่น" กีฬา หรือการแข่งขันเชิงกำลังมากกว่า 2. มุมมองทางเพศ ผู้ชายบางกลุ่มอาจรู้สึกว่าเวทีนางงามเป็นเรื่อง "ผู้หญิงๆ" หรือไม่สื่อถึงความเซ็กซี่ในแบบที่เขาชอบ ต่างจากการดูพริตตี้หรือนางแบบชุดว่ายน้ำ ที่อาจเน้นเรือนร่างมากกว่าแนวสง่าแบบนางงาม 3. บริบทวัฒนธรรมที่ต่างกัน ในบางสังคม การดูเวทีนางงามอาจถูกมองว่าไม่แมน หรือไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของ “ผู้ชาย” แบบดั้งเดิม
แล้วทำไมกะเทยบางคนอาจไม่อินกับเวทีประกวด "กะเทย" ด้วยกันเอง? 1. ความคาดหวังเรื่องคุณภาพ เวทีบางเวทีที่จัดสำหรับ LGBTQ+ อาจยังไม่มีคุณภาพเทียบเท่าเวทีนางงามหญิงระดับชาติ/โลก ทำให้รู้สึกไม่อินเท่ากัน 2. มุมมองทางอุดมคติ สำหรับบางคน การได้เห็น "ผู้หญิงแท้" ทำสิ่งที่สง่างาม ก็เหมือนได้เห็นความฝันที่อยากเป็นจริง ไม่ใช่แค่เห็นคนที่คล้ายตัวเองแข่งขันกัน 3. ความเป็นสากลของเวทีหญิง เวทีนางงามหญิง เช่น Miss Universe, Miss World มีประวัติยาวนาน เป็นที่รู้จักระดับโลก ทำให้รู้สึกว่า “ดูแล้วมีน้ำหนัก มีคลาส”
สรุป: การที่กะเทยหลายคนหลงใหลการประกวดนางงามหญิง เป็นผลลัพธ์ของหลายมิติ ทั้งเรื่องความฝัน ความงามในอุดมคติ บทบาทในสังคม และความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้หญิงที่ต้องต่อสู้ในสังคมชายเป็นใหญ่ ขณะที่ผู้ชายแท้ๆ มักไม่ได้รับการปลูกฝังให้เห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ต้น
แล้วการ "การดูนางงาม" เพื่อสนองนีด และรู้สึกมีอำนาจเหนือผู้หญิงของกลุ่มกะเทย?
บางคนอาจใช้เวทีนี้เป็นช่องทาง 'project' ตัวตนในอุดมคติ กะเทยบางกลุ่มอาจรู้สึกว่า ถ้าตัวเองไม่ได้เป็นผู้หญิง ก็ขอ "บงการ" ผู้หญิงให้เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบในแบบที่ตัวเองชอบ เช่น ต้องพูดแบบนี้ เดินแบบนี้ ห้ามดูไร้สาระ ห้ามแอ๊บ หรือแม้แต่การจัดลำดับนางงามเองในฐานะแฟนคลับ → มันให้ความรู้สึกว่า "เรากำหนดมาตรฐานความงามและความงามงามทางสังคมได้นะ" ถ้าลึกลงไป มันคือการได้ ‘ควบคุมสิ่งที่เราไม่มีสิทธิ์เป็น’ นี่คือจุดที่ประเด็นของคุณแรงขึ้น: การวิจารณ์นางงามหญิงจากมุมของกะเทยบางคน อาจไม่ได้มาจากความรักหรือชื่นชมเสมอไป แต่อาจปนด้วยอารมณ์อิจฉา โกรธ หรืออยาก "ควบคุม" ผู้หญิงให้เป็นในแบบที่ตัวเองไม่มีวันเป็นได้จริงๆ
เหมือนกับชายแท้ที่ manipulate ผู้หญิง?
ใช่ ถ้าพฤติกรรมคือการใช้อำนาจในเชิงวาทกรรม ไม่ว่าจะเพศไหน หากกำลัง “ควบคุม” หรือ “กำหนดความเป็นหญิง” ให้คนอื่นตามที่ตัวเองพอใจ มันก็คือการ manipulate แบบหนึ่ง เพียงแค่เปลี่ยนชุดความคิดหรือเครื่องมือที่ใช้ ต่างกันตรง “การ์ดเหยื่อ” หรือ “ภูมิคุ้มกัน” กะเทยถูกกดขี่ในโครงสร้างสังคมมาก่อน จึงมักถูกเข้าใจว่าอยู่ในสถานะผู้ถูกกระทำเสมอ พออยู่ในบทบาท “ผู้วิจารณ์” หรือ “เจ้าของเวทีเบื้องหลัง” เลยอาจไม่ถูกตั้งคำถามแบบเดียวกับชายแท้ → แต่เมื่อใดที่อำนาจเปลี่ยนมือ พฤติกรรมก็ควรถูกตรวจสอบเท่ากัน ไม่ว่าเพศไหน
นี่คือ “อำนาจวาทกรรมเหนือความเป็นหญิง” ทั้งชายแท้และกะเทย (บางคน) ต่างอาจมีส่วนในการร่วมสร้าง "ภาพในอุดมคติของผู้หญิง" ที่ไม่ใช่ผู้หญิงเป็นคนกำหนดเอง พอผู้หญิงทำตัวนอกกรอบ เช่น นางงามที่พูดไม่เพราะ ท่าทางไม่เรียบร้อย หรือไม่สวยตามสูตร ก็อาจถูก "ฟาด" จากทั้งสองกลุ่ม — ต่างกันแค่กลุ่มไหนใช้คำพูดฟาดแรงกว่าเท่านั้น
บทสรุป: ชี้ให้เห็น blind spot สำคัญว่า "อำนาจทางวาทกรรม" ไม่จำเป็นต้องมาจากเพศชายเท่านั้น คนที่เคยถูกกดขี่เองก็สามารถกดขี่ผู้อื่นได้ผ่านการวิจารณ์ ความคาดหวัง และการควบคุมในนามของความรัก ความงาม หรือความดี
หากเราจะมีบทสนทนาแบบเปิดกว้างเรื่องนี้ในสังคม ต้องกล้ายอมรับว่า "การมีอัตลักษณ์ชายข้ามเพศหรือกะเทย" ไม่ได้แปลว่า "ทำอะไรก็ไม่ผิด" และทุกอำนาจควรถูกตั้งคำถามอย่างเท่าเทียม











