สรุปกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ปัญหาที่ยังไม่จบสิ้น
เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาบริเวณชายแดน ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ได้ตอกย้ำถึงปัญหาพรมแดนที่ยังคงเป็นข้อพิพาทระหว่างสองประเทศ ฝ่ายไทยระบุว่ากัมพูชาเข้ามาขุดสนามเพลาะในพื้นที่ทับซ้อนที่ยังไม่มีข้อตกลงชัดเจน ขณะที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยเริ่มก่อนและมีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ความขัดแย้งปะทุขึ้น ตลอดประวัติศาสตร์ ไทยและกัมพูชามีข้อพิพาทเรื่องดินแดนในหลายจุด
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง: การลากเส้นที่ไม่ตรงกัน
ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดจากการที่ทั้งสองประเทศยึดเอกสารการแบ่งเขตแดนคนละฉบับ พรมแดนทางบกที่ยาวกว่า 700 กิโลเมตร พาดผ่านหลายจังหวัดของไทย ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าบริเวณ เทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติ การแบ่งเขตแดนทางบกมักอ้างอิง สนธิสัญญาที่ทำกับฝรั่งเศสเมื่อปี 1904 และ 1907 โดยใช้หลัก "สันปันน้ำ" ทว่าฝรั่งเศสได้จัดทำ แผนที่ภาคผนวก ที่ไม่ได้ยึดตามแนวสันปันน้ำ ซึ่งกัมพูชาได้นำไปใช้อ้างสิทธิ์ ขณะที่ไทยยังคงยึดหลักสันปันน้ำเดิม ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนและความขัดแย้งมาจนถึงปัจจุบัน
พรมแดนทางบก: กรณีศึกษาจากจุดพิพาทสำคัญ
หลายพื้นที่ตามแนวชายแดนทางบกเคยเป็นประเด็นพิพาทสำคัญ:
- เขาพระวิหาร: เป็นจุดที่รู้จักกันดีที่สุด ปัญหาเกิดจากแผนที่ที่ใช้ไม่ตรงกัน ศาลโลกได้ตัดสินให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2505 แต่ไม่ได้ตัดสินเรื่องที่ดินโดยรอบ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ยังคงเป็นข้อพิพาท
- กลุ่มปราสาทตาเมือง (ช่องเขาตาเมียง) จังหวัดสุรินทร์: อยู่ใกล้ชายแดนมาก ไทยยืนยันความเป็นเจ้าของมาตลอด แต่ปัญหาเกิดจาก หลักเขตแดนที่ 23 หายไป ทำให้พื้นที่รอบปราสาทยังคงเป็นข้อพิพาท เคยมีการปะทะใหญ่ในปี 2554 และล่าสุดเมื่อต้นปีนี้มีคลิปเหตุการณ์กระทบกระทั่ง
- ช่องตาพยา และ เขาตาง็อก จังหวัดสระแก้ว: ปัญหาเกิดจากหลักเขตแดนหายไป และการที่ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป เช่น ลำน้ำเปลี่ยนทิศ ทำให้จุดอ้างอิงเดิมไม่สามารถใช้ได้
- ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี: พื้นที่สามเหลี่ยมมรกตที่เชื่อมต่อไทย ลาว และกัมพูชา เคยเป็นสมรภูมิกับเวียดนามในอดีต และกลับมามีประเด็นอีกครั้งเมื่อเกิดเพลิงไหม้ศาลาตรีมุข และการปะทะครั้งล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2568
พรมแดนทางทะเล: ซับซ้อนและยังไม่มีข้อสรุป
การแบ่งเขตแดนทางทะเลซับซ้อนกว่าทางบกมาก แม้หลายประเทศจะยึดตาม อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล (UNCLOS) แต่ไทยและกัมพูชายังคงยึดหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ประเด็นหลักคือ เกาะกูด ซึ่งไทยยืนยันความเป็นเจ้าของมาตลอด และ ทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างต้องการสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ ปัจจุบันยังคงมีการเจรจาผ่าน MOU 44 แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
สรุปสาเหตุหลักของความขัดแย้ง:
- การปักปันเขตแดนที่ไม่สมบูรณ์: มีพื้นที่ทับซ้อนเนื่องจากอ้างอิงแผนที่คนละฉบับ
- หมุดเขตแดนที่หายไปหรือไม่ชัดเจน: ทำให้ยากต่อการยืนยันเขตแดนเดิม
- การใช้ธรรมชาติเป็นตัวแบ่งเขตที่เปลี่ยนแปลงได้: ลำน้ำ ภูเขา เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทำให้จุดอ้างอิงไม่คงที่
- ความไม่ลงตัวของสนธิสัญญาและการเจรจา: ความพยายามในการพูดคุยและทำข้อตกลงยังไม่สามารถนำไปสู่ข้อสรุปที่ชัดเจนได้
ปัญหาชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาสะท้อนความซับซ้อนทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ การเจรจาอย่างสันติวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทนี้












