เส้นทางหาเงินจากเฟซบุ๊ก
จากโพสต์เล็ก ๆ สู่รายได้จริง: เส้นทางหาเงินจากเฟซบุ๊ก
เราเริ่มต้นทุกอย่างโดยไม่ตั้งใจว่าจะมาหาเงินจากเฟซบุ๊ก ไม่ได้มีแผนการใหญ่ ไม่ได้จ้างกราฟิก ไม่ได้เปิดสตูดิโอถ่ายวิดีโอ ไม่มีทีมงาน มีแค่ชีวิตธรรมดา กับความคิดอยากเล่าเรื่องที่เรารู้ ที่เราเคยทำจริง และที่เราเชื่อว่ามีคนอยากฟัง
ตอนนั้นเราใช้เฟซบุ๊กแค่เล่น ๆ เหมือนคนทั่วไป โพสต์รูปสวน โพสต์ภาพต้นไม้ กับเขียนอะไรเล่น ๆ ตามประสาคนอยู่กับดินอยู่กับฟ้า แรก ๆ ก็มีแค่เพื่อนบ้าน ญาติ ๆ มากดไลก์ ไม่มีอะไรพิเศษ
แต่พอเราเริ่มเล่าละเอียดขึ้น — วันนี้ปลูกอะไร ใช้เมล็ดพันธุ์อะไร เจอปัญหาอะไรในแปลง ใส่ปุ๋ยแล้วผลเป็นยังไง — คนเริ่มทักมาถาม มีคนแชร์ต่อ เริ่มมีคนแปลกหน้ามาแสดงความคิดเห็น มันไม่ใช่แค่ยอดไลก์ที่เพิ่มขึ้น แต่เรารู้สึกได้เลยว่ามีคนรอฟัง มีคนติดตาม และที่สำคัญ... มีคนอยากเรียนรู้จากสิ่งที่เราทำจริง
จากแค่โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เราก็ตัดสินใจเปิดเพจเล็ก ๆ เพจที่ไม่มีชื่อแบรนด์เท่ ๆ ใช้ชื่อบ้านชื่อสวนธรรมดา เพราะเราคิดว่าเราไม่มีอะไรต้องแต่งให้ดูดี เราอยากให้คนที่เข้ามาเห็น รู้สึกได้ว่านี่คือของจริง
เราไม่ได้คาดหวังรายได้จากเพจในตอนแรกเลย แค่อยากแชร์ แต่อยู่ไปอยู่มา ก็เริ่มมีบริษัทเล็ก ๆ ทักมา ถามว่าเราอยากช่วยรีวิวสินค้าไหม — พวกปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ เครื่องพ่นยา ซึ่งบางอย่างเราก็ใช้จริงอยู่แล้ว เราตอบตกลง แต่อย่างหนึ่งที่เรายึดไว้ตลอดคือ ถ้าเราไม่ใช้เอง หรือใช้แล้วไม่ดี เราจะไม่รีวิวเด็ดขาด เพราะเราไม่ได้อยากให้เพจเป็นแค่เครื่องมือขายของให้ใคร
โพสต์แรกที่มีคนจ่ายเงินให้เรารีวิว เขาให้สองพันบาท ตอนนั้นเรารู้สึกภูมิใจมาก ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่มันคือการยืนยันว่า "สิ่งที่เราทำ มีคุณค่า"
หลังจากนั้น เราเริ่มศึกษาเรื่องระบบสร้างรายได้ของเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะจากวิดีโอ เราถ่ายคลิปง่าย ๆ ด้วยมือถือเครื่องเดิม ๆ ตั้งกล้องไว้ข้างร่องสวน บรรยายเองแบบไม่ต้องตัดต่ออะไรมาก คนดูหลักหมื่น หลักแสน เริ่มมีเข้ามาเรื่อย ๆ พอระบบเปิดให้สร้างรายได้จากคลิป ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
รายได้จากคลิปเข้ามาเดือนละพัน สองพัน บางเดือนแตะหมื่น เพจที่เคยทำเล่น ๆ กลายเป็นช่องทางหารายได้เสริมให้ครอบครัวได้จริงจัง
แล้วเราก็เริ่มใช้เพจเป็นหน้าร้านขายผลผลิตที่เราปลูกเอง ขายกล้วย ขายมะพร้าว ขายไข่เป็ดน้ำ ขายผักพื้นบ้าน คนที่ติดตามเพจอยู่นั่นแหละที่กลายเป็นลูกค้าโดยไม่ต้องโฆษณา เพราะเขารู้ว่ามันมาจากคนที่เขาไว้ใจ
นอกจากขายของ เราเริ่มได้รับเชิญให้ไปพูดในเวิร์กช็อป หรืออบรมเล็ก ๆ มีโรงเรียนหรือองค์กรชุมชนติดต่อมาให้เราไปสอนปลูกผัก ทำปุ๋ยหมัก หรือแม้แต่แค่เล่าเรื่องชีวิต ก็ยังมีคนอยากฟัง
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเราเก่งที่สุด ไม่ใช่เพราะเราดังกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะเราซื่อสัตย์กับสิ่งที่ทำ และพูดในสิ่งที่เราใช้ชีวิตอยู่จริง ไม่สวมบท ไม่แต่งเรื่อง ไม่แต่งตัวให้เกินจริง
เฟซบุ๊กอาจจะไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ แต่มันคือเวทีที่เปิดโอกาสให้คนธรรมดาได้ใช้ความรู้ ความจริง และความสม่ำเสมอ เปลี่ยนให้กลายเป็นรายได้ เปลี่ยนให้กลายเป็นความภูมิใจ และเปลี่ยนให้ชีวิตเราเดินหน้าต่อได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร
ทุกวันนี้เรายังทำเพจอยู่เหมือนเดิม ยังเล่าเรื่องเดิม ๆ อยู่ในสวนเดิม ๆ แต่ด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป — เราไม่ได้ทำแค่เพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่เราทำเพื่อแบ่งปัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคนที่กำลังเริ่มต้นในทางเดียวกัน
เฟซบุ๊กไม่ได้เปลี่ยนเราให้กลายเป็นคนมีชื่อเสียง แต่เฟซบุ๊กทำให้เรารู้ว่า "ของจริง" จะมีวันของมันเสมอ














