ช่องโหว่ที่ทำให้การปลอมแปลงเอกสารเกิดขึ้นได้ง่าย
เรื่องราวที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ กรณีที่เกิดในสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเจ้าหน้าที่อาวุโสหญิงรายหนึ่งถูกกล่าวหาว่าแอบนำสำเนาบัตรประชาชนและบัตรเจ้าหน้าที่ของเพื่อนร่วมงานไปปลอมลายเซ็นและแชต เพื่อกู้เงินกับเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานเดียวกัน และเมื่อถึงเวลาชำระหนี้ยังปลอมสลิปการโอนเงินส่งให้เจ้าหนี้อีกด้วย เป็นกรณีที่สะท้อนถึงปัญหาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและการควบคุมภายในองค์กร
ต้องบอกว่ามันน่ากลัวมากเลยนะ เพราะทำให้เห็นว่า ทำไหมการปลอมเอกสารกู้ยืมเงิน มันง่ายจัง เราจะหาความปลอดภัยนี้ได้ยังไง วันดีคืนดี นั่ง ๆ อยู่ก็เป็นหนี้ แถมยังไม่ได้ใช้เงินนั้นอีก โอ้วแม่เจ้า แบบนี้จะทำไงดี
ช่องโหว่ที่ทำให้การปลอมแปลงเอกสารเกิดขึ้นได้ง่าย
-
การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กร: เจ้าหน้าที่ที่มีตำแหน่งหรือความไว้วางใจสูง อาจเข้าถึงเอกสารสำคัญของเพื่อนร่วมงานได้ง่าย เช่น สำเนาบัตรประชาชน หรือสลิปเงินเดือน.
-
การควบคุมภายในที่ไม่เข้มงวด: หากองค์กรไม่มีระบบตรวจสอบหรือควบคุมการเข้าถึงและการใช้เอกสารสำคัญอย่างเข้มงวด ก็อาจเปิดโอกาสให้เกิดการปลอมแปลงเอกสารได้.
-
การขาดการตรวจสอบและยืนยันตัวตน: หากกระบวนการกู้ยืมเงินภายในองค์กรไม่มีการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้กู้และผู้ค้ำประกันอย่างเข้มงวด ก็อาจทำให้การปลอมแปลงเอกสารเกิดขึ้นได้ง่าย.
แนวทางการป้องกันและแก้ไข
-
เสริมสร้างระบบควบคุมภายใน: องค์กรควรมีระบบควบคุมการเข้าถึงและการใช้เอกสารสำคัญอย่างเข้มงวด เช่น การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเท่านั้น.
-
การตรวจสอบและยืนยันตัวตน: ในกระบวนการกู้ยืมเงิน ควรมีการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้กู้และผู้ค้ำประกันอย่างเข้มงวด เช่น การใช้ระบบยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP หรือการตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล.
-
การอบรมและสร้างจิตสำนึก: องค์กรควรจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และสร้างจิตสำนึกให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนเกี่ยวกับความสำคัญของการรักษาความลับของข้อมูล.
-
การดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด: หากพบการกระทำผิด ควรดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องปรามและสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าหน้าที่และสาธารณชน.
ความผิดทางกฎหมาย
การปลอมแปลงเอกสาร เช่น การปลอมลายเซ็นหรือเอกสารราชการ ถือเป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ .(justicechannel.org)
หากเป็นการปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ เช่น บัตรประชาชน หรือสลิปเงินเดือน จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 265 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท .(isranews.org)
นอกจากนี้ การใช้เอกสารปลอมในการกู้ยืมเงิน อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา 341 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ .(025798899.com)
เห็นข้อกฏหมายแบบนี้แล้ว ใครที่กำลังวางแผนไม่ดีอยู่ ก็หยุดความคิดนั้นสะนะ เพราะโอกาสมันไม่ได้มีให้คนที่ทำผิด ส่วนตัวเราเองอาจจะคิดว่าระวังตัวดีแล้ว คงไม่มีอะไร แต่............การไว้ใจคนมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย ยิ่งเป็นเรื่องเอกสารส่วนตัว ยิ่งต้องรอบคอบให้มาก ๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง










